หลัวซิวนึกหัวใจสำคัญได้หนึ่งอย่าง ผู้แข็งแกร่งราชาเทพสองคนนั้นไม่ธรรมดาเลย ราชาเทพในสำนักเทียนเจี้ยนอยู่ในสภาวะปิดขังหลับใหล ศึกการช่วงชิงสิทธิ์ที่ผ่านมาในอดีตก็ไม่มีราชาเทพปรากฏเช่นกัน หากจี้เฟิงจะลงมือ คงไม่มีผู้ใดสามารถห้ามปรามเขาได้

“ควรทำอย่างไรดี? ไปหรือไม่ไป?”

หลัวซิวขมวดคิ้วแน่น หากไม่ไปเขาก็ต้องรออีกร้อยปี โลกาดาราอุดรเป็นโลกที่ไม่เลวเลยก็จริง แต่ทว่าที่แห่งนี้กลับไม่ใช่ที่ที่เขาใฝ่ฝัน

เป้าหมายของเขาคือโลกะอัมพรเทว เขายึดโลกจ้าวมหาเทพเป็นจุดเริ่มต้นและจุดกระโดด เพื่อเคลื่อนกำลังพลไปยังมหาโลกาพันสาม

ภายในชี่ไห่จุดตันเถียนของหลัวซิว ดวงดาวทั้ง 18 ดวงไร้ความสว่างไสวเงียบกริบไร้การเคลื่อนไหว จากการที่เขาใช้จิตนึกคิด หนึ่งในดวงดาวโบราณดวงหนึ่งก็สั่นเทิ้มเล็กน้อย ราวกับมีพลังออร่าที่มหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้กำลังจะแตกปะทุออกมายังไงอย่างนั้น

หลัวซิวดึงจิตใจกลับมา จากนั้นดวงดาวโบราณที่สั่นเทิ้มถึงจะสงบลง

ดวงดาวโบราณทั้ง 18 ดวงนี้เป็นดาราชีวีที่จ้าวมหาเทพแสงดาวทิ้งไว้ เมื่อผ่านการฝึกเซ่นจากกาลเวลาที่ยาวนานอย่างไม่รู้จบ ทำให้มันกลายเป็นภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพตั้งนานแล้ว ซึ่งมีพลานุภาพอย่างไร้ขอบเขต

ได้รับดวงดาวโบราณทั้ง 18 ดวงนี้มา เนื่องจากผลการฝึกตนของหลัวซิวต่ำมากเกินไปทำให้ไม่สามารถกระตุ้นควบคุมมันได้ ทำได้เพียงเรียกเงาสะท้อนของดวงดาวโบราณออกมากระตุ้นพลังอมตะในผังดาวตก ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับราชาเทพได้

แต่ว่าหลังจากมาถึงโลกาดาราอุดร เขาโหมใช้เคล็ดแสงดาวเทียนเต้าผนึกรวมดวงที่เจ็ดออกมาในรวดเดียว ผลการฝึกตนบรรลุถึงเทพมารขั้น 4 เวทย์และผลการฝึกตนทั้งตัวจึงยิ่งใหญ่ทรงพลัง

ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้นร้อยเท่าเมื่อใช้พลังแปรเสวียนเทียน เขาสามารถกระตุ้นพลานุภาพบางส่วนของดวงดาวโบราณออกมาได้ภายในเวลาเสี้ยววินาทีเดียว บางทีอาจจะสามารถข่มขู่ราชาเทพได้ และนี่ก็เป็นอุบายสุดท้ายที่เขาสามารถเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งราชาเทพได้

แต่ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาพลังแปรเสวียนเทียน หรือการกระตุ้นดวงดาวโบราณ ล้วนต้องสูญเสียผลการฝึกตนจำนวนมาก เขาสามารถใช้ได้เพียงสองครั้งเท่านั้น ผลการฝึกตนก็จะแห้งเหือด

“หากปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินสามารถวิวัฒนาการกลายเป็นราชาแห่งศัสตราวุธได้ มาตรแม้นว่าต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งราชาเทพ ข้าก็สามารถเข้าและถอยออกได้อย่างคล่องแคล่ว”

หลัวซิวส่ายหน้า สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตัดสินใจเลือกที่จะหลบหลีก แต่เป็นการเผชิญหน้ากับความยากลำบาก เนื่องจากเขาไม่อยากเสียเวลาร้อยปีอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อรอคอยโอกาสครั้งต่อไป

มิหนำซ้ำแม้เขารอได้ จี้เฟิงก็รอได้เช่นกัน ไม่ช้าก็เร็วบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขาทั้งสองก็เป็นสิ่งที่ต้องสะสางอยู่ดี

“สหายหลัว ใกล้จะถึงศึกการช่วงชิงสิทธิ์แล้ว เราต้องมุ่งหน้าไปยังเมืองเทวะดาราอุดรก่อนกำหนด”

วันนี้ มีเสียงของจินหลิงหยุนดังมาจากด้านนอกถ้ำหลัวซิว

หลัวซิวลืมตาขึ้นมา เขารอคอยวันนี้มาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็มาเยือนสักที

ในโลกาดาราอุดรมีกองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งหมดห้ากองกำลัง โดยแบ่งออกเป็นเขามหาเทวะ สำนักเทียนเจี้ยน สำนักวัชรยักษ์ ปราสาทอเวจีและสำนักไท่ไหล

สถานที่จัดตั้งศึกการช่วงชิงสิทธิ์ที่มุ่งไปยังโลกะอัมพรเทวจัดอยู่ที่เมืองเทวะดาราอุดร ซึ่งชื่อของเมืองดังกล่าวตั้งด้วยคำว่าดาราอุดร จุดนี้เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงฐานะตำแหน่งของเมืองนี้ที่อยู่ในโลกใบนี้

เมืองเทพแห่งนี้เป็นคูเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกาดาราอุดร และเป็นศูนย์กลางของโลกาดาราอุดรเช่นกัน เล่ากันว่าที่นี่เป็นสถานที่แห่งการเข้าใจวิถีอย่างถ่องแท้ของมกุฎเทพดาราอุดร

เมืองเทวะดาราอุดรอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขามหาเทวะ เนื่องจากคูเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาเขามหาเทวะ เมื่อยืนอยู่บนเมืองเทพแห่งนี้ สามารถมองเห็นพื้นดินที่กว้างใหญ่จากข้างบน

เหนือนภาเมืองเทพ มีดวงดาวที่ดูโบราณและเรียบง่ายลอยอยู่เจ็ดดวง ปริมาตรของดวงดาวทุกดวงล้วนใหญ่โตมหึมา มีแสงสว่างเจิดจ้าสาดส่องออกมาจากดวงดาวเหล่านั้น ทำให้ภายในทั่วทั้งเมืองเทพมีพลังดาราที่เข้มข้นไหลเชี่ยว

พลังดาราเป็นพลังพิเศษที่หาพบได้แค่ในห้วงดาราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ประสิทธิผลการฝึกตนโดยพลังดาราอยู่เหนือการฝึกตนโดยชี่ทิพย์ฟ้าดินหนึ่งขั้น

เมื่อหลัวซิวมองเห็นดวงดาวทั้งเจ็ดดวงนั้น ก็สังเกตเห็นได้รางเลือนว่าสีหน้าอารมณ์เขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้นคือดาราชีวีทั้งเจ็ดดวงในจุดตันเถียนชี่ไห่ก็สั่นเทิ้มเล็กน้อยเช่นกัน เกิดความรู้สึกร่วมกับดวงดาวทั้งเจ็ด

“หรือว่าดวงดาวทั้งเจ็ดในเมืองเทวะดาราอุดรก็เป็นดวงดาวที่ผนึกรวมขึ้นมาด้วยเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าเช่นกัน?”

ดวงดาวที่ผนึกรวมขึ้นมาโดยเคล็ดแสงดาวเทียนเต้านั้น สามารถแบกรับเวทย์ทั้งหมดของตัวนักยุทธ์ได้ อีกทั้งสามารถฝึกเซ่นอาวุธสงครามและของขลัง ซึ่งจะมีพลานุภาพที่หาขอบเขตมิได้