ตอนที่ 3113

War sovereign Soaring The Heavens

“ข้าฝากเจ้าบอกพี่สาวหวงเอ้อด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า…ตอนนี้ข้าไม่ใช่เด็กน้อยคนนั้นแล้ว ถึงจะไม่มีพี่สาวคอยดูแล แต่ข้าก็สามารถปิดบังแผ่นฟ้าของระนาบเทวโลกด้วยมือของข้าได้!”

 

ก่อนที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะลาจากไป ก็ได้กล่าววาจาทิ้งท้ายประโยคนี้ให้ต้วนหลิงเทียน

 

ในปัจจุบันหวงเอ้อยังไม่ได้ผสานรวมเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยสมบูรณ์ และยังคงอาศัยอยู่ในทะเลวิญญาณภายในดวงจิตของต้วนหลิงเทียน ทำให้นางไม่อาจรับรู้เรื่องราวภายนอกได้

 

อย่างไรก็ตามหากต้วนหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังวิญญาณเพื่อพูดคุยกับเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ภายในร่าง นางก็สามารถได้ยินเช่นกัน ทำให้นางก็รับทราบเรื่องที่เขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์และบังเกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่เรียบร้อย และตัวนางก็ยินดีกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นอย่างมาก

 

“เด็กน้อยขี้แยคนนั้น…เติบโตแล้ว”

 

หลังได้ฟังเรื่องราวจากต้วนหลิงเทียน หวงเอ้อก็ระบายลมหายยใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นนางก็ไม่ได้กล่าวอะไรสืบต่อ เงียบหายไปอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความกังวลและความห่วงใยอันล้นปรี่จากเสียงถอนหายใจเมื่อครู่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวปลอบออกไป

 

“ด้วยพลังฝีมือของเจ้านั่นตอนนี้…ขอเพียงมันไม่เสี่ยงอะไรมากมายและเลือกที่จะเติบโตอย่างมั่นคง เกรงว่าคนที่สมควรกังวลก็คือคู่ต่อสู้ของมันมากกว่า”

 

พอได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าววปลอบ หวงเอ้อก็ตอบรับทันที และน้ำเสียงก็ฟังดูคลายกังวลลงมาก

 

“เอาล่ะ ข้าเองก็ได้เวลากลับหลิงหลัวเทียนสักที…”

 

หลังแผ่นหลังของหลิงเจวี๋นอวิ๋นลับหายไปจากสายตาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันหลังกลับไปยังเมืองเทียนจี่ เพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก ย้อนกลับไปยังเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวของแดนสววรรค์ใต้

 

เพราะการมาครั้งนี้ เขาถึงได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์และประสบความสำเร็จอย่างน่าพึงพอใจ และทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือของซุนเหลียงเผิงอย่างแยกไม่ออก

 

วันนั้นหากไม่ใช่ซุนเหลียงเผิงตัดใจส่งมอบยันต์เงาวายุแสนล้ำค่ามาให้เขา กระทั่งเรื่องจะออกจากนิกายอมตะเป้าผู่ให้ปลอดภัยและรอดพ้นเงื้อมมือนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักของอค์กรกะโหลกเลือดก็นับว่ายากเย็นจริงๆ เว้นเสียแต่เขาจะใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองอีกครั้ง

 

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เขาจะใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองจริง แต่การปะทะกับนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก ไม่พ้นต้องทำให้เขาจ่ายราคามหาศาลแน่

 

นักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก ความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจสมควรมากกว่าเขาแน่นอน แถมอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันที่เขาจะเข่นฆ่าได้ง่ายๆ

 

ด้วยเหตุนี้เมื่อเดือนก่อนตอนอยู่ในหุบเขา พอเขาพบว่ามีนักฆ่ากะโหลกเลือดขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักมาด้วยกันถึง 2 คน ไม่ใช่เขาไม่คิดจะใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองครั้งสุดท้าย แต่เขารู้ดีว่าต่อให้เขาใช้มันก็คงไม่อาจรอดพ้นไปได้ง่ายๆ

 

มันต่างจากตอนถูกดักฆ่านอกนิกายอมตะเป้าผู่มาก เพราะมีราชาอมตะ 9 ตำหนักถึง 2!

 

นับว่าโชคดีนักที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวบอกเขาไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในถ้ำว่ามียยันต์อมตะหลบหนี หาไม่แล้วเกรงว่าเขาก็ได้แต่เสี่ยงใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองเข่นฆ่าเปิดทางหนีมาแน่นอน

 

‘ข้ามาครั้งนี้นับว่าไม่ทำให้ยันต์เงาวายุของประมุขซุนเสียเปล่าจริงๆ…ข้ายังอายุไม่ถึงร้อยปี แต่ด่านพลังฝึกปรือบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศแบบนี้ สมควรเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวได้โดยตรงกระมัง?’

 

ระหว่างเหินร่างกลับมายังเมืองเทียนจี่ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดไปด้วยยใจมุ่งหวัง สองตายังทอประกายจ้า

 

ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี หากคิดจะเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยว เขาเชื่อว่าคงไม่จำเป็นต้องผ่านบดทดสอบอะไรทั้งสิ้น

 

ก่อนหน้านี้ถึงแม้เขาจะบรรลุถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดโดยมีอายุไม่ถึงร้อยปี และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการ จนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะอันหาได้ยากในคฤหาสน์เฉวียนโยว…

 

แต่ทว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยว แม้จะหาตัวตนแบบเขาได้ยาก ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็มีอัจฉริยะที่มีความสามารถพอๆกับเขามากมายปรากฏตัวขึ้น หากแต่กลับไม่อาจประสบความสำเร็จเลิศล้ำอันใด เรียกว่าโดดเด่นแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเปล่งประกายเจิดจ้าชั่วพริบตาปานพลุไฟ สุดท้ายก็ไม่อาจรักษาอัตราความก้าวหน้าไว้ได้

 

ดังนั้นสำหรับคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว อาศัยอัจฉริยะขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่อายุไม่ถึง 100 ปี และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการ ก็ยังไม่ถึงขั้นที่คฤหาสน์เฉวียนโยวจะเปิด ‘ประตูหลัง’ ให้

 

ด้วยเหตุนี้แม้ผลงานก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนจะดี แต่เขาก็ทำได้แค่อยู่ในนิกายอมตะเป้าผู่อย่างสงบเสงี่ยม เพียงรอให้ถึงเวลาเท่านั้นจึงจะเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวได้

 

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์สมดังใจ ไม่เพียงบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว แต่ยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติ 6 ประการอีกด้วย…

 

ที่สำคัญเลยก็คือตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี

 

กล่าวได้เลยว่าความสำเร็จด้วยวัยเพียงเท่านี้ของต้วนหลิงเทียน ได้เหนือกว่าสุดยอดอัจฉริยะคนใดในประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์เฉวียนโยว

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะประสบความสำเร็จเลิศล้ำอันใดในอนาคต อาศัยแค่ความสำเร็จในตอนนี้ของต้วนหลิงเทียน ก็มากเกินพอจะดึงดูดความสนใจของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว ถึงแม้ว่าความสำเร็จที่มีจะเกิดจากการกินผลเทพสังเวยสวรรค์ก็ตาม

 

แต่ในระนาบเทวโลก โชควาสนาก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของพลังฝีมือ

 

 

ณ แดนสวรรค์ใต้ ของหลิงหลัวเทียน

 

แม้นักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักทั้ง 2 จะหอบความล้มเหลวกลับมา แต่เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้รายงานเรื่องที่พบเจอต้วนหลิงเทียน ทำให้ทางองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเริ่มสรุปกันไปว่า ต้วนหลิงเทียนได้ตกตายไปเพราะถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไปแล้ว

 

ทำให้องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเพิกถอนภารกิจของต้วนหลิงเทียนออกไปเป็นการชั่วคราว

 

การเพิกถอนภารกิจเป็นการชั่วคราว ไม่ได้หมายความว่าถอดถอนภารกิจออกไปโดยสมบูรณ์ ทั้งหมดเพราะไม่เห็นศพและไม่อาจยืนยันการตายของต้วนหลิงเทียนได้เท่านั้น แต่ยังไม่อาจนับว่าคนตกตายไปแล้วจริงๆ

 

ในกรณีแบบนี้ หากเป้าหมายไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย ภารกิจดังกล่าววก็จะอยู่ในสถานเพิกถอนเป็นการชั่วคราวตลอดไป

 

อย่างไรก็ตาม หากเป้าหมายปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดก็จะเปิดภารกิจสังหารอีกครั้ง และหากเป้าหมายไม่ตายก็ไม่มีทางเลิกรา

 

‘ข้าไม่อาจปล่อยให้ภารกิจสังหารมันอยู่ในสถานะเพิกถอนเป็นการชั่วคราวได้…ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนนั่นจะไม่กลับมาอีก แต่ข้าปล่อยให้ภารกิจมันถูกพักไม่ได้!’

 

หลังได้รับทราบว่าทางองค์กรตัดสินใจเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนเป็นการชั่วคราว สีหน้านักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักอย่าง เหลิ่งเอี้ย ที่พึ่งกลับมาถึงองค์กรกะโหลกเลือดได้ไม่นานก็มืดดำราวถ่านไหม้ ‘แต่เป็นธรรมดาว่าข้าไม่อาจเปิดเผยเรื่องที่เจอต้วนหลิงเทียนออกไปได้…’

 

‘เพราะสุดท้ายหลังกลับมา ข้ากับโจวจวิ้นก็ส่งรายงานไปแล้วว่าไม่เจอตัวมัน…’

 

หลังเหลิ่งเอี้ยกับนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักอีกคนกลับมาถึงองค์กร พวกมันก็ส่งรายงานไปว่าไม่พบเจอต้วนหลิงเทียน ทำให้ทางองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดตัดสินว่า ต้วนหลิงเทียนสมควรถูกตัวตนที่อ้างว่าเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดใช้เป็นเครื่องสังเวยจนตายไปแล้ว

 

อันที่จริงเหลิ่งเอี้ยก็ยังสามารถอ้างได้ว่าต้วนหลิงเทียนมียันต์อมตะหลบหนี ไม่ก็มีสหายช่วยเหลือโดยการใช้ยันต์อมตะหลบหนีที่ไม่ด้อยกว่ายันต์เงาวายุพาหนีไป

 

อย่างไรก็ตามหากมันรายงานไปแบบนั้น ไม่พ้นต้องถูกสืบสวนรายละเอียดแน่นอน…และนักฆ่าก็รู้ๆกันอยู่ว่ามุ่งเน้นลอบสังหารเป้าหมายให้ตายโดยที่เป้าหมายไม่ทันรู้ตัว จะให้มันบอกว่า พอดีมันปรากฏตัวออกไปสนทนาทับถมอีกฝ่ายจนเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนีไป มันยังไม่โดนองค์กรฆ่าเอารึไง?

 

เพื่อให้อะไรๆมันง่ายขึ้น พวกมันจึงเลือกรายงานไปว่าไม่พบคน

 

อย่างไรก็ตาม พอรู้ว่าทางองค์กรจะเลือกเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนออกไปเป็นชั่วคราว เหลิ่งเอี้ยก็ถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้

 

ต้วนหลิงเทียนนั่น เป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับหนีรอดไปต่อหน้าต่อตามันถึง 2 ครั้ง 2 ครา เรื่องนี้ทำให้มันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วจริงๆ ยังอยากจะสับร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็นพันๆชิ้น ค่อยเผาอีกฝ่ายให้กลายเป็นขี้เถ้าเพื่อระบายแค้น!

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ย้อนกลับมาหลิงหลัวเทียน แต่มันก็ไม่อยากให้ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนถูกพักเอาไว้

 

เพราะเมื่อภารกิจถูกพักเอาไว้ หมายความว่าหากมันคิดจะตามล่าฆ่าต้วนหลิงเทียน มันก็ต้องลงมือตัวคนเดียว ไม่อาจพึ่งพลังและทรัพยากรขององค์กรได้ นั่นหมายความว่ามันต้องไปตระเวนหาอีกฝ่ายที่อวี้หวงเทียนเพียงลำพัง…

 

อย่างไรก็ตามหากภารกิจไม่ถูกพัก ขอแค่องค์กรเลือกจะดำเนินภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนต่อ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะอยู่ในอวี้หวงเทียน ทางองค์กรก็จะใช้เครือข่ายข่าวกรองที่มีบางส่วนในการตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียน

 

‘คงต้องอาศัย หวังเชียนจ้าน นั่นแล้ว…’

 

หลังครุ่นคิดเรื่องนี้ไปสักพัก เหลิ่งเอี้ย ก็นึกถึงผู้อาวุโสใหญ่นิกายอมตะเป้าผู่อย่าง หวังเชียนจ้าน และนำลูกแก้ววิญญาณของงอีกฝ่ายออกมา เพื่อทำการติดต่อไปหาหวังเชียนจ้านทันที

 

เป็นธรรมดาว่าเหลิ่งเอี้ยจะไม่รู้ ว่าในปัจจุบันหวังเชียนจ้านได้ออกจากนิกายอมตะเป้าผู่มาแล้ว ตั้งแต่วันที่ต้วนหลิงเทียนใช้ยันต์เงาวายุหลบหนีไปต่อหน้าต่อตามัน หวังเชียนจ้านก็ออกจากนิกายอมตะเป้าผู่เพราะคำขู่ซุนเหลียงเผิงทันที

 

หวังเชียนจ้าน อดีตอาวุโสใหญ่ของนิกายอมตะเป้าผู่ พอออกจากนิกายอมตะเป้าผู่มา ชีวิตมันก็ไม่ใช่ว่าจะดีนัก เพราะก่อนหน้านี้ศัตรูของมันยังคงกริ่งเกรงนิกายยอมตะเป้าผู่ที่อยู่เบื้องหลังมัน ตอนนี้พอรู้ว่ามันออกจากนิกายอมตะเป้าผู่แล้ว ศัตรูเก่าก็เร่งมาตามล่าหาตัวมันเพื่อชำระหนี้แค้นทันที

 

“ใต้เท้า…”

 

เมื่อได้รับข้อความจากเหลิ่งเอี้ย หวังเชียนจ้านตอนนี้ที่มาอาศัยอยู่ใต้บึงน้ำแห่งหนึ่งอย่างน่าสังเวช แม้จะขุ่นเคืองเหลิ่งเอี้ยที่ลงมือล้มเหลวจนเป็นเหตุให้มันต้องออกจากนิกาอมตะเป้าผู่ส่วนนึง แต่มันก็ไม่กล้าละเลยเหลิ่งเอี้ย

 

“เท้าที่ข้ารู้มา ในเมื่อต้วนหลิงเทียนนั่นมันเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงของนิกายอมตะเป้าผู่เจ้า…เช่นนั้นโถงวิญญาณของพวกเจ้าก็สมควรมีลูกแก้ววิญญาณของมันเก็บไว้ใช่หรือไม่? เจ้าไปดูให้ข้าหน่อยว่าลูกแก้ววิญญาณของมันแตกเป็นเสี่ยงบ่งบอกว่ามันตกตายไปแล้วหรือยัง?”

 

เหลิ่งเอี้ยส่งข้อความไปถามเสียงขรึม หมายสร้างความกดดันให้หวังเชียนจ้าน แม้มันจะรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ตาย แต่มันก็ไม่คิดจะเสี่ยงเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปเพราะความประมาทเลินเล่อ

 

“ใต้เท้าเหลิ่ง…ท่านหมายความว่าอย่างไร เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนอาจตกตายไปแล้ว?”

 

ได้ยินเสียงที่ส่งมาทางวิญญาณของเหลิ่งเอี้ย สองตาหวังเชียนจ้านก็ทอแสงจ้าขึ้นมาทันที ใบหน้าที่หดหู่ซึมเซามานาน เริ่มปรากฏรอยยิ้มสดใสให้เห็น

 

เดิมทีมันยังขุ่นเคืองและไม่พอใจเหลิ่งเอี้ยอยู่บ้าง

 

เป็นเพราะมันสมรู้ร่วมคิดกับอีกฝ่าย จนสุดท้ายก็ถูกซุนเหลียงเผิงบีบให้ออกจากนิกายอมตะเป้าผู่ แต่ทั้งๆที่มันทำขนาดนี้แล้วต้วนหลิงเทียนกลับไม่ตาย มันจึงโทษว่าเป็นความผิดของเหลิ่งเอี้ยทั้งหมด!

 

ทว่าพอได้ยินอีกฝ่ายกล่าวทำนองต้วนหลิงเทียนอาจจะตกตายไปแล้ว ความขุ่นเคืองและไม่พอใจที่มีต่อเหลิ่งเอี้ยก็หายไปหมดสิ้นทันที

 

“อืม”

 

หลังจากนั้นเหลิ่งเอี้ยก็เริ่มส่งข้อความเล่าเรื่องราวทั้งหมดเท่าที่จะเปิดเผยได้ออกไป ว่าหลังออกจากนิกาอมตะเป้าผู่ต้วนหลิงเทียนไปไหน รวมถึงเรื่องถูกหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ “เพราะพวกเราไม่พบตัวต้วนหลิงเทียนที่จุดเกิดเหตุ…ดังนั้นพวกเราจึงลงความเห็นว่ามันตกตายไปเพราะถูกคนที่อ้างตัวว่าเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดใช้เป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์”

 

“ต้วนหลิงเทียนนั่น…มันถูกหลอกให้ไปเป็นเครื่องสังเวยให้ต้นไม้เทพสังงเววสวรรค์งั้นหรือ!?”

 

หวังเชียนจ้าน ในฐานะอดีตผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายอมตะเป้าผู่ มันยังอยู่มานานกว่าซุนเหลียงเผิงซะอีก มันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของผลเทพสังเวยสวรรค์มาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนนั่นถูกหลอกไปเป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์

 

ผู้ที่ตระเตรียมการเรื่องผลเทพสังเวยสวรรค์ ไหนเลยจะเป็นคนธรรมดาสามัญได้

 

และเหลิ่งเอี้ยยังกล่าวบอกอีกว่า ผู้ที่ลงมือจัดการเรื่องนี้เป็นตัวตนที่อ้างตัวว่าเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ดังนั้นมันจึงคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะมีทางรอดชีวิตไปได้

 

“ใต้เท้าเหลิ่งเอี้ย ข้าว่าท่านคิดมากเกินไปหรือไม่…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นหากถูกจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดหลอกไปเป็นเครื่องสังเวย แล้วมันจักรอดไปได้อย่างไร? ป่านนี้มันต้องตายกลายเป็นผีไปแล้วอย่างที่มิต้องสงสัยเลย!!”

 

หลังระเบิดเสียงหัวเราะดังร่าด้วยความถูกใจพักหนึ่ง หวังเชียนจ้าน ก็ติดต่อกลับไปหาเหลิ่งเอี้ยทันที

 

“ข้าต้องการให้เจ้ายืนยันความเป็นตายมัน จากลูกแก้ววิญญาณของมัน”

 

เหลิ่งเอี้ยส่งข้อความกลับมาเสียงหนัก