บทที่ 1318 สามชั่วโมง

The king of War

ในฉับพลันนั้น ชายฉกรรจ์ชุดแต่งกายแบบเดียวกันจำนวนร้อยนาย พุ่งเข้าไล่ฆ่าผู้แข็งแกร่งตระกูลเจี่ยง

ผู้แข็งแกร่งทีมผู้พิทักษ์เงาลับ

ตั้งแต่หยางเฉินได้จัดตั้งทีมผู้พิทักษ์เงาลับขึ้นมาแล้ว ก็ได้มอบให้หม่าชาวรับผิดชอบ เวลานี้หม่าชาวไม่อยู่ ก็เป็นความรับผิดชอบของเฉียนเปียว

ในยอดฝีมือหนึ่งร้อยคนนี้ ยังมีพวกในพันธมิตรตระกูลเดอะคิงจัดส่งมาก่อนหน้านี้ แต่ถูกหยางเฉินวางแผนเก็บเอาผู้แข็งแกร่งแดนราชาขั้นปลายมาไว้ใช้

ตระกูลเจี่ยงถึงแม้จะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองราชวงศ์หลง แต่ผู้ที่มีพลังฝีมือสูงที่สุดก็มีเพียงตัวผู้นำตระกูลเจี่ยงอานจวินเองที่ได้ฝ่าทะลุเข้าถึงแดนราชาขั้นปลาย

นอกนั้นแล้ว ก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งแดนราชาเลยสักคน

จากการลงมือกวาดสังหาร สั้น ๆ เพียงห้านาที ผู้แข็งแกร่งในตระกูลเจี่ยง นอนนจมกองเลือดกันทั้งหมด

“พี่เฉิน!”

เฉียนเปียวเดินเข้ามาข้างหน้าหยางเฉิน ค้อมตัวลงเล็กน้อย พูดอย่างนอบน้อม

หยางเฉินผงกหัว กวาดสายตามองไปยังยอดฝีมือที่อยู่ข้างหลังเฉียนเปียวทั้งร้อยคนนั้น สายตาเต็มไปด้วยความพอใจ

ที่เขาจำได้ ตอนที่เริ่มสร้างทีมผู้พิทักษ์เงาลับ นอกจากหม่าชาวและเฉียนเปียวที่ฝีมือใช้ได้แล้ว นอกนั้นยังใช้ไม่ได้เอาเลย

ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งปี ทีมผู้พิทักษ์เงาลับเติบโตขึ้นมาก รองจากตระกูลราชวงศ์ พูดได้ว่าไร้เทียมทาน!

“พี่เฉิน ยังมีคำสั่งอะไรอีกไหมครับ?”

ฉินเปียวจู่ ๆ ก็ถามขึ้น

ส่วนลึกในนัยน์ตาหยางเฉิน ทอแสงเป็นประกาย หยีตาพูดไปว่า “ถึงเวลาแล้ว อิทธิพลคนนอกที่เข้ามาในเยี่ยนตู จะต้องถูกไล่ออกไปให้หมด!”

นัยน์ตาของเฉียนเปียวหดวูบ “พี่เฉิน สี่ตระกูลราชวงศ์ได้นำกองกำลังผู้แข็งแกร่งเข้ามาที่เยี่ยนตูกันแล้ว ในนั้นยังมีผู้แข็งแกร่งระดับแดนเทพประจำการอยู่ด้วย เกรงว่าจะยากมาก”

“ข้าให้พวกมันไสหัวออกไปจากเยี่ยนตู พวกมันกล้าหรือที่จะไม่ไสหัวออกไป?”

หยางเฉินเชิดหน้าอย่างทระนง สั่งการออกไปว่า “ให้ข่าวออกไปเป็นประกาศในนามของข้า ภายในสามชั่วโมง อิทธิพลคนนอกที่มาอยู่ในเยี่ยนตูทั้งหมด จะต้องไสหัวออกไป มิฉะนั้น ตายไม่มีการยกเว้น!”

“ครับ พี่เฉิน!”

เฉิยนเปียวถึงแม้จะตื่นผวาในใจ แต่เขารู้ดี ลองถ้าหยางเฉินตัดสินใจจะทำ เขาต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แน่นอน จึงรีบจัดการตามคำสั่ง

ผู้แข็งแกร่งทีมผู้พิทักษ์เงาลับ แต่ละคนมีสีหน้าตื่นเต้น พวกเขาให้รู้สึกเลือดในร่างกายเดือดพล่าน

อย่างรวดเร็วที่สุด ข่าวการกลับมาเยี่ยนตูของหยางเฉิน รู้ไปหมดทั่วทั้งเยี่ยนตู

ในบริเวณคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่งของเยี่ยนตู ผู้มีบรรดาศักดิ์สูงส่งในตระกูลเย่ท่านหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ไอ้บัดซบตัวนี้ มันจะโอหังมากเกินไปแล้วมั้ง?มีการกล้ามาสั่งให้พวกเราต้องไสหัวออกไปจากเยี่ยนตูภายในสามชั่วโมง มันวางตัวเองเป็นราชาแห่งเยี่ยนตูนี้ไปแล้วจริง ๆ เลยนะ?”

ไม่เพียงแต่ในพื้นที่ที่ตระกูลราชวงศ์เย่ครอบครอง ยังมีพื้นที่ที่ตระกูลมหาเศรษฐีอื่นเข้ามายึดครองในเยี่ยนตู พวกผู้รับผิดชอบอยู่เหล่านั้น ต่างแสดงออกที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“ภายในสามชั่วโมง ให้พวกเราต้องไสหัวไปจากเยี่ยนตู มันจะให้พวกเราสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พวกเราทุ่มเทลงมาไว้ในเยี่ยนตูนี้เลยนะ!”

“ไม่ได้ พวกเราจะนั่งอยู่เฉยไม่ได้แล้ว จะต้องรวมตัวกันเตรียมพร้อมรับมือ”

“ใช่ พวกเราต้องรวมตัวกัน มีแต่ร่วมมือกัน จึงจะสามารถต้านทานหยางเฉินได้”

……………

ในขณะนั้น บรรดาผู้มีอิทธิพลตระกูลมหาเศรษฐีทั้งหลาย ตอบรับกันเป็นเสียงเดียวกัน

ห้องอาหารกั๋วจี้ในเยี่ยนตู ในห้องพิเศษชั้นบนสุด ผู้มีอิทธิพลสิบกว่าคนที่มาจากทุกสารทิศในจิ่วโจว รวมตัวพร้อมหน้าอยู่ด้วยกัน

พวกเขาต่างได้เข้ามาในเยี่ยนตูนานพอสมควร ถึงแม้ต่างคนต่างรู้จักว่าใครเป็นใคร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบปะกันจริง

“สวัสดีครับท่านหัวหน้ารองเย่ ผมจางเย่ตระกูลจางจากเมืองในราชวงศ์เย่ครับผม”

“สวัสดีครับท่านหัวหน้ารองเย่ ผมเหอเจี้ยนซินตระกูลเหอจากเมืองในราชวงศ์หลงครับ”

“สวัสดีครับท่านหัวหน้ารองเย่ ผม………”

ในขณะนั้น ผู้มีอิทธิพลทั้งสิบกว่าคน ต่างพากันยืนขึ้น ทักทายทำความเคารพกับหัวหน้ารองในตระกูลราชวงศ์เย่ด้วยกัน

สี่ตระกูลราชวงศ์ใหญ่จิ่วโจว เวลานี้ต่างมีการครองพื้นที่อยู่ในเยี่ยนตู ตระกูลราชวงศ์ต้วนกับตระกูลราชวงศ์ซ่านกวนได้รับรู้คำสั่งหยางเฉินให้อิทธิพลนอกต้องไสหัวออกจากเยี่ยนตู ก็ได้รีบพาผู้แข็งแกร่งของตระกูลจากไปแล้วตั้งแต่ชั่วโมงแรก

มีแต่ผู้แข็งแกร่งราชวงศ์เย่กับราชวงศ์หลง ยังคงปักหลักอยู่ในเยี่ยนตู

ราชวงศ์หลงไม่รู้กำลังคิดยังไงอยู่ ยังไม่ได้ออกไปจากเยี่ยนตู และก็ไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมพันธมิตรที่มีราชวงศ์เย่เป็นเจ้าภาพกับผู้มีอิทธิพลอีกสิบกว่าคน

ฉะนั้นในที่นี้ หัวหน้ารองในตระกูลราชวงศ์เย่ จึงมีฐานะสูงที่สุด

“ทุกท่านวางใจได้ มีข้าเย่จือฝานอยู่ จะไม่ยอมให้การทุ่มสร้างสรรค์ในเยี่ยนตูของทุกท่านต้องพังไปเด็ดขาด”

หัวหน้ารองเย่ลุกยืนขึ้น พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้พวกเราทุกท่านรวมกันอยู่ที่นี่ ต่างมุ่งในเป้าหมายเดียวกัน คือจะอยู่ในเยี่ยนตูที่นี่ต่อไป!”

“พวกเราจะต้องร่วมมือกัน นำพลังของพวกเรารวมเข้ามาอยู่ด้วยกัน ให้หยางเฉินมันรู้ว่า อิทธิพลกลุ่มตระกูลพวกเรานี้เมื่อได้บิดเกลียวเป็นเชือกเส้นเดียวกันแล้ว มันก็ต้องยอมให้พวกเราได้ยิ่งใหญ่ขึ้นต่อไป!”

เย่จือฝานพูดด้วยอารมณ์ฮึกเหิมเร้าใจ เหมือนนักพูดมืออาชีพ พูดอย่างน้ำไหลไฟดับ

“เยี่ยม!ท่านหัวหน้ารองเย่พูดได้เยี่ยมมาก!”

“พวกเราจะต้องร่วมมือกัน ให้หยางเฉินมันรู้ว่า พวกเรากลุ่มมหาเศรษฐีระดับสุดยอดร่วมมือกันแล้ว ให้มันร้ายกาจแค่ไหน ก็มีแต่จะต้องก้มหัวให้พวกเรา!”

…………..

ในเวลานั้น แต่ละคนต่างตะโกนโห่ร้องกันด้วยอารมณ์ฮึกเหิมตื่นเต้น เหมือนเห็นภาพหยางเฉินกำลังคุกเข่าร้องขอ

“หัวหน้ารองเย่ พวกเราน่าจะให้ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งของสมาชิกในเครือพันธมิตรจัดตั้งเป็นหน่วยกล้าตายมาชุดหนึ่ง ไปดักสังหารหยางเฉิน!”

ในขณะนั้นเอง ร่างของชายวัยกลางคนลุกยืนขึ้นมาคนหนึ่ง พูดด้วยสีหน้าท่าทีหยิ่งเอาเรื่อง “ด้วยกองกำลังของพวกเราที่จัดส่งผู้แข็งแกร่งรวมตัวเป็นหน่วยปฏิบัติการนี้ จะต้องฆ่าหยางเฉินได้เป็นแน่นอน!”

“ถูกต้อง กับการที่รอให้หยางเฉินมาไล่พวกเรา ทำไมพวกเราไม่จัดการลงมือชิงเป็นโอกาสของพวกเราก่อน?”

“มันบอกแล้วไม่ใช่หรือ ให้เวลาพวกเราแค่สามชั่วโมง พวกเราต้องไสหัวออกไปจากเยี่ยนตู?พวกเราก็ใช้เวลาที่มีสามชั่วโมงนี้ จัดการฆ่ามันทิ้งเสียก่อน!”

…………

แต่ละคนต่างคนต่างพูดกันไป

ถึงปัจจุบันนี้ พวกเขาต่างคนต่างก็ได้ทุ่มเทกำลังลงไปมากมาย กลุ่มอิทธิพลหลายกลุ่มถึงขนาดลงทุนทรัพย์ไว้อย่างมากมายถ้าหากจะต้องถอนออกไปตอนนี้ พวกเขาจะต้องเสียหายกันมหาศาล

เย่จือฝานนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “พลังฝีมือของหยางเฉินลึกล้ำสุดหยั่ง นอกเสียจากว่าเราจะต้องนำกำลังทั้งหมดรวมกันเข้ามา ไม่อย่างนั้นแล้ว การคิดจะฆ่าเขาให้ได้นั้น ไม่มีทางทำได้แน่นอน”

“กำลังทั้งหมด?”

แต่ละคนหายใจเข้าอย่างเสียวเยือก

ด้วยกลุ่มพลังสุดยอดของพวกเขาถ้ารวมตัวกันเข้า ยังรวมราชวงศ์เย่เข้ามาอีกหนึ่ง น่ากลัวว่าการที่จะถล่มตระกูลราชวงศ์ไหนทิ้งไป ก็ยังทำได้มั้ง?

ตอนนี้ เย่จือฝานกลับบอกว่า จะต้องรวมตัวของพลังทั้งหมดที่มีรับมือกับหยางเฉิน มันไม่เกินไปมากหรือ?

“ใช่ ต้องรวมพลังทั้งหมดเท่าที่มี!”

เย่จือฝานพูดย้ำด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง “พลังฝีมือหยางเฉินลึกล้ำสุดหยั่ง มีข่าวที่น่าเชื่อถือว่า พลังฝีมือแท้ ๆ ของเขา ก้าวข้ามไปถึงแดนเหนือมนุษย์แล้ว”

“แดนเหนือมนุษย์?อะไรคือแดนเหนือมนุษย์?”

มีคนสงสัยเอ่ยปากพูด

“ขึ้นไปจากแดนเทพชั้นยอดของแดนบูโด!” เย่จือฝานพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น

“ซืด!”

ใครคนหนึ่งหายใจเยือกเข้าในอก สีหน้าบ่งบอกว่าไม่กล้าคิด “ยังมีแดนบูโดถึงขนาดนั้นอีกหรือนั่น?”

“หัวหน้ารองเย่ ถึงแม้เขาจะร้ายกาจขนาดนั้นจริง แต่ถ้าพวกเราเอากำลังที่มีมารวมกัน ก็น่าจะมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพถึงยี่สิบสามสิบคนได้มั้ง?”

“สถานะภาพยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มีหรือจะฆ่ามันไม่ได้?”

เย่จือฝานก็มีคิดอยู่แบบนี้ สิ่งที่เขารู้ดีนั้นมีมากกว่าคนอื่นอีกมาก ๆ ถึงในใจยังมีกังวลอยู่ แต่ก็ยังคิดว่า เมื่อรวบรวมกำลังผู้แข็งแกร่งแดนเทพได้ถึงยี่สิบสามสิบคนไปฆ่าหยางเฉิน พวกเขาก็ยังมีหวังจะชนะได้อยู่อย่างมาก

“ดีละ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นพวกเราทุกตระกูลที่อยู่ที่นี่ ใครมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพมากกว่าสองคนขึ้นไป ก็ให้ส่งมาสองคน ใครที่ส่งให้ไม่ได้ถึงสองคน ก็ให้ใช้เป็นเงินมาสนับสนุน เอาเป็นว่าหนึ่งคนผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ตั้งไว้เป็นเงินหนึ่งหมื่นล้าน เพื่อเตรียมไว้ให้กับครอบครัวของผู้แข็งแกร่งที่ส่งออกไป ตกลงตามนี้นะ?”

เย่จือฝานเสนอความเห็นในทันที