“ยกตัวอย่างเช่นโลกาดาราอุดรของเรา มีเพียงขณะบรรลุมกุฎเทพ มกุฎเทพดาราอุดรที่เป็นผู้บุกเบิกโลกใบนี้ถึงจะสามารถทำการครองวิญญาณได้ ทันทีที่ครองวิญญาณสำเร็จ มกุฎเทพดาราอุดรก็จะได้รับชีวิตใหม่ และเพื่อเป็นการได้รับเป้าหมายร่างที่เหมาะสม มกุฎเทพดาราอุดรจะทิ้งโอกาสและโชคชะตาจำนวนมากไว้ในฟ้าดินผืนนี้ หากได้รับมัน แดนผลการฝึกตนของนักยุทธ์ผู้นั้นก็จะก้าวทะยาน”

“และแดนปริศนามกุฎเทพนี้ เป็นสถานที่ที่มกุฎเทพดาราอุดรทิ้งโอกาสและโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเอาไว้ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีเพียงอาจารย์ราชาเทพในกองกำลังใหญ่ทั้งห้าของพวกเราเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปแสวงหาโอกาสโชคชะตา นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จะเปิดให้พวกเราเข้าไปแสวงหาโอกาสและโชคชะตาด้วย”

หลัวซิวขมวดคิ้ว “หากอิงจากสิ่งที่ท่านเจิ้งกล่าวมา หากเหล่าอาจารย์ราชาเทพได้รับโอกาสและโชคชะตา สักวันเมื่อบรรลุสู่มกุฎเทพก็จะถูกครองวิญญาณ เช่นนี้มันก็เท่ากับการเอาตัวเองเข้าไปในปากเสือมิใช่หรือ?”

“เทียนเต้าไร้ความปราณี ทว่ากลับมีการรับรองอย่างเด่นชัด ยังทิ้งโอกาสในการมีชีวิตรอดต่อไปให้แก่สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกเสี้ยวหนึ่งอยู่ ขอเพียงศักยภาพของตัวเราแข็งแกร่งมากพอ ก็จะสามารถต้านทานการครองวิญญาณของมกุฎเทพดาราอุดรได้ อีกทั้งจะบรรลุสู่แดนมกุฎเทพง่าย ๆ ได้อย่างไร ชั่วชีวิตนี้การที่ข้าสามารถบรรลุถึงราชาเทพช่วงปลายได้นั้นก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว ข้ายังไม่เคยคิดที่จะทลายสู่มกุฎเทพเลย”โจวเจิ้งตอบกลับเช่นนี้

“โครมคราม……”

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังมาจากท้องฟ้าในเมืองเทพ ดวงดาวที่ใหญ่โตมหึมาทั้งเจ็ดเปล่งรัศมีเทพเจ็ดสี

“เวิง!”

ดวงดาวทั้งเจ็ดดวงเรียงลำดับกันด้วยกฎเกณฑ์บางอย่างที่พิเศษ และเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว จนประกอบเป็นระลอกคลื่นเจ็ดสีอย่างรวดเร็ว

สามารถมองเห็นโลกอัศจรรย์ใบหนึ่งในระลอกคลื่นเจ็ดสีนั่น มันคือห้วงดาราที่มืดมัว ถนนหินคดเคี้ยวที่โบราณและเรียบง่ายเส้นหนึ่งได้มุ่งไปสู่ส่วนลึกของห้วงดารา ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่ามันเป็นเส้นทางที่นำไปสู่สถานที่ใด

ในห้วงดาราที่อยู่ภายในระลอกคลื่นเจ็ดสี นอกเหนือจากถนนหินที่โบราณและเรียบง่ายดึงดูดสายตาของผู้คนมากที่สุดแล้ว เหนือนภาของถนนหินนั่น ยังมีสายฟ้าจำนวนมากผ่าลงมา เสียงสายฟ้าดังสนั่นเลื่อนลั่นจนสะท้อนกลับไปมาในห้วงดารา

“การจัดอันดับศึกการช่วงชิงสิทธิ์ในครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับโอกาสและโชคชะตาที่ได้รับบนวิถีโบราณดารากาลนั่น ผู้ใดได้รับโอกาสและโชคชะตามากที่สุด คนดังกล่าวก็ได้ที่หนึ่ง อนุมานอันดับตามนี้!”เสียงของมหาเทวะดาราอุดรดังก้องขึ้นมา ทุกคนล้วนได้ยินอย่างชัดเจน

ผู้แข็งแกร่งราชาเทพตนนี้ไม่ได้ปรากฏตัวแต่อย่างใด แต่หลัวซิวกลับสามารถสัมผัสได้ว่ามีตัวสำนึกที่เกะกะระรานถึงขีดสุดได้แผ่สำรวจผ่านร่างตนไป

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหลังผ่านเหตุการณ์ของจี้เฟิง มหาเทวะดาราอุดรท่านนี้ได้จับตาดูเขาแล้ว

กึ่งราชาเทพคนหนึ่งในปราสาทอเวจีลงมือก่อนเป็นคนแรก เขากระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสายรุ้งและบินเข้าไปในระลอกคลื่นเจ็ดสีนั่น

ถัดจากนั้น ผู้คนจากกองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งห้าก็ต่างพากันออกเดินทาง บินเข้าไปในระลอกคลื่นเจ็ดสีพร้อมกับเสียงคำราม

หลังจากทุกคนเข้าไปแดนปริศนามกุฎเทพในระลอกคลื่นเจ็ดสีแล้ว ก็มีม่านแสงสะท้อนออกมาจากระลอกคลื่นเจ็ดสี ปรากฏตรงหน้าทุกคน

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้คนที่อยู่โลกภายนอกก็สามารถมองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแดนปริศนามกุฎเทพเช่นกัน

“ผลการฝึกตนถูกกดอัดอยู่ที่เทพมารขั้นสูงแล้ว”

“ผลการฝึกตนของข้าก็ถูกกดอัดเช่นกัน ข่าวลือเป็นเรื่องจริงจริง ๆ ด้วย สถานที่แห่งนี้มีเศษพลังออร่าของมกุฎเทพหลงเหลืออยู่ และคอยกดอัดผลการฝึกตนทั้งหมดของผู้บุกรุก”

หลังจากเข้าไปแดนปริศนามกุฎเทพที่เหมือนดั่งดาราจักรวาล หลัวซิวก็ได้ยินเสียงที่เป็นดั่งเช่นประเภทนี้มากมาย

ศึกการช่วงชิงสิทธิ์ที่มุ่งไปยังโลกะอัมพรเทวในครั้งนี้ กึ่งราชาเทพไม่จำเป็นต้องเข่นฆ่าต่อสู้กันและกัน เพราะสิ่งที่แข่งขันกันคือผู้ใดได้รับโอกาสและโชคชะตาบนวิถีโบราณดารากาลในแดนปริศนามกุฎเทพมากที่สุด

“ผลการฝึกตนของข้าไม่ถูกกดอัด”

เมื่อเข้ามาจากโลกภายนอก ผลการฝึกตนของตัวหลัวซิวไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับสามารถสัมผัสได้ถึงพลังออร่าที่มากมายมหาศาลจนมิอาจคาดเดาได้ตลบฟุ้งไปทั่วทุกสารทิศในดาราจักรวาล พลังออร่านั่นลึกซึ้งและกว้างใหญ่ เมื่อพลังอำนาจของราชาเทพอยู่ต่อหน้าพลังออร่าดังกล่าว ก็ดูต่ำต้อยเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัดเลย