ตอนที่ 1614: การต่อสู้นองเลือดกับจิตมาร (4)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1614: การต่อสู้นองเลือดกับจิตมาร (4)

ทะเลเลือดอันกว้างใหญ่ปั่นป่วนและหดตัวอย่างรวดเร็ว แสงพราวสามารถมองเห็นได้เป็นครั้งคราว แถบสีทองดูเหมือนจะพันผ่านทะเลเลือดเหมือนหนอนอย่างไม่ชัดเจน

ดูเหมือนว่าทะเลเลือดจะไม่หดตัวตามความต้องการของตัวเอง ดังนั้นจึงมีการต่อสู้อย่างรุนแรงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามันจะต่อสู้หรือต่อต้าน มันก็ไร้ประโยชน์ทั้งหมด ในเวลาเดียวกัน ทะเลเลือดก็หยุดดูดซับแก่นของจักรวาล ราวกับว่าพลังที่ตื่นขั้นของเกราะไหมบรรพกาลนั้นระงับมัน

ในท้ายที่สุด ทะเลเลือดกลับกลายเป็นร่างที่เจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ได้เห็นในตอนแรก มันสูง 9 เมตรและมีเลือดสีแดง มันมีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์ ยกเว้นใบหน้าของมันเป็นภาพพร่ามัว ทำให้ดูเหมือนไร้ใบหน้า เส้นยาวสีทองเปลี่ยนจากเกราะไหมบรรพกาลที่พันรอบร่างสีแดงเลือดมีแสงระยิบระยับ ภายใต้ความเปล่งประกายของไหม ร่างก็ส่งเสียงสนั่นขณะที่หมอกสีแดงเลือดหายไปในอัตราที่มองเห็น

เกราะไหมบรรพกาลนั้นมีประสิทธิภาพมากในการต่อต้านจิตมาร มันสามารถอธิบายได้ว่าเป็นเพชรฆาตที่เกิดมาเพื่อจัดการกับจิตมาร เป็นผลให้จิตมารถูกระงับทันที แม้จะมีพลังอำนาจมากจนมันสามารถเอาชนะเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

พลังเซียนธาตุแสงที่หนาแน่นล้อมรอบเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาบินอยู่ไกล ในขณะที่เขารักษา เขาก็จ้องมองเกราะไหมบรรพกาลด้วยความหวัง เขาสามารถเห็นแสงสว่างแห่งชัยชนะในทันทีหลังจากที่เห็นว่าจิตมารอ่อนแอเพียงใดเมื่อปะทะกับเกราะไหมบรรพกาล

จิตวิญญาณราชันย์บินมาจากระยะไกลและกินยาเม็ด โดยใช้ประโยชน์จากทุกช่วงเวลาเพื่อรักษา เขาจ้องเขม็งไปที่ด้ายสีทองรอบ ๆ จิตมารและพูดด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะมีสมบัติอันทรงพลังเช่นนี้ สมบัตินี้สามารถทำลายมันได้หรือไม่ ? ”

“นี่เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับวิกฤตของโลก มันไม่สำคัญว่ามันจะสามารถทำลายพลังมารได้หรือไม่ แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เราวางใจได้ในตอนนี้” เจี้ยนเฉินตอบอย่างเคร่งขรึม ในขั้นต้นพวกเขามีค่ายกลสังหารเทพ แต่หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของจิตมาร เขาก็เข้าใจว่ามันจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเว้นแต่เขาจะปะทุด้วยพลังทั้งหมดที่ค่ายกลสังหารเทพสามารถนำเสนอได้

อย่างไรก็ตาม ค่ายกลจำเป็นต้องใช้ระดับการบ่มเพาะที่สูงมากหากต้องการแสดงพลังดังกล่าว เพียงแค่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมหลายคนจากสองโลกก็ห่างไกลจากคำว่าเพียงพอ

ในอีกทางหนึ่ง สมบัติขั้นสุดยอดทั้งสามจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งถูกเรียกว่าสมบัติขั้นสุดยอดเพราะมันสามารถใช้เพื่อจัดการกับจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมซึ่งเป็นจุดสูงสุดในโลกนั้นได้ ทุก ๆ คนในพวกเขาครองตำแหน่งสูงสุด ดังนั้นสมบัติขั้นสุดยอดล้ำค่าสมชื่ออย่างแท้จริงเพราะมันสามารถจัดการกับจอมยุทธดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม การใช้มันเพื่อต่อต้านจิตมารนั้นจะไร้ประโยชน์

ในขณะนี้ พลังอันเยือกเย็นและน่ากลัวก็ปรากฏขึ้น มันทำให้เหล่าดวงดาวทั้สั่นและมืดลง จิตมารที่ติดอยู่ภายในเกราะไหมบรรพกาลได้เริ่มการโจมตี ภายใต้การควบคุมของเกราะไหมบรรพกาล มันเริ่มขยายอย่างรวดเร็วกลายเป็นสูง 3,000 เมตรในพริบตา

เมื่อจิตมารพองตัว เกราะไหมบรรพกาลก็ตึงตัว แสงสีทองกระพริบ ทำให้จิตมารติดกับดักอย่างแน่นหนา ทันทีที่แสงสีทองกระทบกับพลังมาร มันก็จะดูดซับพลังมารไปด้วย ในขณะเดียวกันความสามารถของจิตมารที่จะกลืนกินทุกสิ่งได้หายไปอย่างสมบูรณ์ภายใต้การปราบปรามของเกราะไหมบรรพกาล

“เฉินเจี้ยน โจมตีมันให้มากเท่าที่เราจะทำได้และทำให้พลังของมันอ่อนแอลง เผื่อในกรณีที่มันหลุดพ้นจากเกราะไหมบรรพกาล” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างจริงจัง เขาโจมตีพร้อมกับจิตวิญญาณราชันย์ทันที เขาโจมตีด้วยพลังเต็มที่ของเขาเข้าใส่จิตมารที่ติดกับดักอยู่

จิตมารได้กลายเป็นเป็ดรอเชือดในขณะนี้ที่เกราะไหมบรรพกาลปราบปรามมัน มันไม่สามารถตอบโต้กลับการโจมตีของเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ได้เลย

” เจตจำนงค์แยกสวรรค์: กระบี่สั่นสะเทือนและดวงดาวแตกสลาย ! ” เสียงแหลมของจิตวิญญาณราชันย์ดังสนั่นออกมา เขาแทงจิตมารโดยตรงผ่านช่องว่างระหว่างเกราะไหมบรรพกาลด้วยกระบี่โลหะของเขา ขณะที่กระบี่สั่นสะเทือน มันก็ได้สร้างวงแหวนของระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ทันที

ระลอกคลื่นนั้นมีพลังที่น่ากลัวอย่างมาก พวกมันสามารถสลายดวงดาวได้ ดังนั้นร่างกายที่เหมือนหมอกของจิตมารจึงถูกปั่นป่วนในทันทีภายใต้การขยายตัวของระลอกคลื่น ไม่ว่าคลื่นจะผ่านไปที่ไหนก็ตาม หมอกรอบ ๆ ก็จะหมองมัวลง

“ทักษะกระบี่ไทยี่ ! ” ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ขยับเช่นกัน เขาแทงจิตมารอย่างหนักหน่วงโดยไม่ลังเล

เจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์จะไม่สามารถทำร้ายจิตมารได้ หากเกราะไหมบรรพกาลไม่ได้ยับยั้งและปราบปรามมันก่อน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เกราะไหมบรรพกาลสยบมันไว้ มันไม่สามารถใช้กำลังใด ๆ เลย ดังนั้นมันจึงต้องทุกข์ทรมานจากการโจมตีของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม การกระทำของพวกเขาทำให้จิตมารโกรธแค้นอย่างมาก พลังอันรุนแรงขยายตัวทันที กวาดผ่านดวงดาวและสร้างระลอกคลื่นในมิติ

จิตมารขยายใหญ่ขึ้นขณะที่มันพุ่งเข้าใส่พลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างลับ ๆ มันวางแผนที่จะกระแทกผ่านเกราะไหมบรรพกาลในการโจมตีครั้งเดียว

เกราะไหมบรรพกาลตึงแน่นเมื่อส่องแสงสีทอง แม้ว่ามันจะพยายามทุกอย่างในการควบคุมจิตมารให้หยุดนิ่ง แต่มันก็ค่อย ๆ สูญเสียความได้เปรียบไปเรื่อย ๆ เนื่องจากพลังวิญญาณของจิตมารนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เกราะไหมบรรพกาลยังคงไม่มีเจ้าของ เมื่อพลังภายในตื่นเต็มที่ ท่านจะสามารถกลั่นได้ นายท่าน นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด กลั่นเกราะไหมบรรพกาลให้เร็วที่สุด จากนั้นควบคุมพลังงานเพื่อรับมือกับวิกฤติ วิกฤติครั้งนี้มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อเนื่องจากอิทธิพลของศิลาเซียนหยินหยาง” เสียงของจิตวิญญาณกระบี่ดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน

แสงแวววับส่องประกายผ่านดวงตาของเจี้ยนเฉิน โดยไม่ลังเลใด ๆ เขารีบถามจิตวิญญาณกระบี่เกี่ยวกับวิธีการกลั่น จากนั้นเขาก็มาถึงข้างหน้าจิตมารด้วยก้าวเดียว เขากัดปลายลิ้นของเขาแล้วพ่นแก่นเลือดลงบนเกราะไหมบรรพกาล. หลังจากนั้น เขาก็หลับตาลงและส่งจิตใต้สำนึกของเขาเข้าไปในเกราะไหมบรรพกาลเพื่อกลั่นมัน