ตอนที่ 2696 เบื้องหลังอันยิ่งใหญ่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

สามปีต่อมามังกรน้อยจิงเฟยก็ได้บรรลุขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกจนทำให้ทั้งเจ็ดทะเลต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน

พร้อมๆ กันนั้นพลังชีพมังกรของนางก็พัฒนาไปถึงเก้าข้อได้ในที่สุด ด้วยพลังของสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกในมือกำลังของนางย่อมจะไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังของเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวหรืออาจจะเหนือกว่าไปด้วยซ้ำ

ในวันนี้เย่หยวนจึงตัดสินใจบอกลานาง

“พี่เย่หยวน ขอบคุณมาก” จิงเฟยนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ดูขัดแย้งอย่างเศร้าหมอง

เย่หยวนนั้นอยู่ดูแลทะเลหนามใต้มานานถึงสามปีทำให้หกราชวงศ์ที่เหลือไม่กล้าลงมือทำอะไรผลีพลามและเย่หยวนนั้นได้ช่วยพอเท่าที่จะช่วยได้จนถึงที่สุดแล้วเพราะอย่างไรเสียราชามังกรน้ำดำนั้นก็เป็นคนที่เริ่มหาเรื่องคิดร้ายแก่เย่หยวนก่อนหากเป็นคนอื่นพวกเขาคงทำการล้างบางสังหารราชวงศ์หนามใต้ไปจนหมดสิ้นแล้ว

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าอย่ามาทำหน้าเหมือนเป็นผู้ใหญ่หน่อยเลย เจ้านั้นจะอย่างไรก็ยังเป็นแค่เด็กน้อย เจ็ดทะเลนั้นมันเล็กเกินไปสำหรับเจ้า โลกภายนอกนั้นต่างหากคือเวทีของเจ้า หากเจ้าเบื่อก็มาหาข้าที่เมืองสวรรค์ใต้ได้”

ได้ยินเช่นนั้นจิงเฟยก็เบิกตากว้างขึ้นมา เหมือนราวกับว่าความเป็นเด็กน้อยในจิตใจของนางมันได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “พี่เย่หยวน นี่พี่พูดจริงหรือ?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “แน่นอนว่าจริง! กำลังของเจ้าในตอนนี้มันคงมากพอจะจัดการกับราชวงศ์อื่นๆ ได้ไม่ยาก ต่อให้เจ้าจะขึ้นมาเล่นบนบกบ้างเป็นครั้งคราวพวกมันก็คงไม่กล้าทำการอะไรมากมายหรอก แน่นอนว่าหากพวกมันกล้าคิดทำอะไรแล้วข้านี่แหละจะตามเจ้ากลับมาทำลายล้างพวกมันให้สิ้น!”

จิงเฟยนั้นยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้ยินคำของเย่หยวน “พี่เย่หยวนดีที่สุดเลย!”

เย่หยวนนั้นมองรอยยิ้มน้อยๆ นั้นก่อนจะยิ้มตอบกลับไป

นี่ต่างหากคือตัวตนของจิงเฟย เวลาหลายปีมานี้มันแทบจะเปลี่ยนนางไปเป็นคนละคน!

ได้เห็นหน้าสบายใจของเด็กน้อยเย่หยวนเองก็โล่งอกขึ้นมาเช่นกัน

เมื่อกลับมาใกล้ชายฝั่งของเมืองสงบทักษิณเย่หยวนก็สัมผัสได้ทันทีว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล

ระหว่างทางมานั้นเขาถูกภูติแท้หลายตัวเข้าจู่โจม

ที่สำคัญไปกว่านั้นยิ่งเขาเข้าใกล้เขตของเมืองสงบทักษิณมากเท่าใดภูติแท้มันก็ยิ่งมีให้เห็นมากขึ้น

แน่นอนว่าเหล่าภูติแท้ทั้งหลายนั้นมันมีพลังบ่มเพาะไม่สูงส่ง พวกมันนั้นย่อมจะไม่เป็นภัยร้ายใดๆ แก่เย่หยวน

แต่เขานั้นรู้สึกตกตะลึงอยู่ไม่น้อยเพราะเห็นเช่นนี้หรือว่ามันจะเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นกับเมืองสงบทักษิณอีกแล้ว?

ในดินแดนแถบนี้พวกเขาทั้งหลายมีแต่จะรับมือกับภูติแท้เผ่าทะเล น้อยมากที่จะได้เห็นภูติแท้ธรรมดามารุกราน

แล้วเหล่าภูติแท้ทั้งหลายนี้มันมาจากที่ใด?

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าขึ้น

ไม่ไกลจากเมืองสงบทักษิณไปเย่หยวนก็ต้องหยุดเท้าลงพร้อมอ้าปากค้างมองดูภาพตรงหน้า

เบื้องหน้ากำแพงเมืองนั้นมันอัดแน่นไปด้วยฝูงภูติแท้มากมายนับไม่ถ้วน

เหล่าภูติแท้ทั้งหลายนั้นมันกำลังเข้าล้อมเมืองสงบทักษิณและโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

ค่ายกลที่ป้องกันเมืองสงบทักษิณไว้นั้นมันแทบจะพังทลายลงไปภายใต้การโจมนี้อยู่รอมร่อแล้ว

เย่หยวนนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าซูยี่นั้นเดินไปมาอยู่บนกำแพงเมืองด้วยท่าทางกังวลสุดใจ

“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เมืองสงบทักษิณนั้นเป็นเมืองชายทะเลแท้ๆ ทำไมมันถึงได้ถูกภูติแท้ลงมาบุกเช่นนี้? หากจะพูดแล้วค่ายสำนักที่จะส่งกำลังภูติแท้ลงมาได้มากมายขนาดนี้มันคงมีแต่เขาหมื่นอสูร! หรือว่าภูติแท้ทั้งหลายมันจะหนีลงมาจากเขาหมื่นอสูรสิ้น? ที่สำคัญไปกว่านั้นเมืองสงบทักษิณนั้นอยู่ในสภาพเช่นนี้ทำไมเมืองสวรรค์ใต้และแปดเมืองที่เหลือจึงไม่ส่งกำลังออกมาช่วยเหลือกัน?” เมื่อเย่หยวนได้เห็นภาพตรงหน้านี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอียงคอตั้งคำถามขึ้น

“ดูสิ! มันมีมนุษย์อยู่ ฆ่ามัน!”

“ของข้า! พวกเจ้าอย่าได้มาแย่ง!”

“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”

เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดปิดบังตัวเองใดๆ ไม่นานเขาจึงได้ถูกเหล่าภูติแท้สังเกตเห็น

เมื่อพวกมันทั้งหลายได้เห็นเย่หยวนมันย่อมจะพุ่งเข้ามาราวกับว่าได้เห็นอาหารอันโอชะ

แต่เย่หยวนที่เห็นนั้นต้องหัวเราะขึ้นพร้อมปราณดาบที่กระแทกออกมาสังหารภูติแท้กว่าสิบตนลงไปพร้อมๆ กัน

เย่หยวนนั้นไม่จำเป็นต้องขยับมือด้วยซ้ำหากคิดจัดการกับเหล่าลูกกะจ๊อกทั้งหลายนี้

ต่ำกว่าชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำไปนั้นเขาย่อมจะสังหารได้ด้วยเพียงแค่เป่าลม

จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูติแท้มันก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้านหลังนั้นมันย่อมทำให้เหล่าภูติแท้ทั้งกองทัพต่างหันมาสนใจกันสิ้น

พวกเขานั้นกำลังโจมตีเมืองด้วยกำลังที่มีทั้งหมดอยู่ ด้านหลังมันย่อมจะไม่มีการป้องกันใดๆ

การปรากฏตัวขึ้นของเย่หยวนนั้นมันจึงทำให้ทัพภูติแท้แตกตื่นไปทันที

“หืม? เกิดอะไรขึ้นกัน?” ลู่เหยียนที่กำลังควบคุมสั่งกองทัพอยู่สัมผัสได้ถึงความวุ่นวายที่ด้านหลังจนต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที

เขานั้นเป็นแม่ทัพของทัพภูติแท้นี้ ร่างกายเดิมของเขานั้นเป็นของสัตว์ร้ายขนสีเขียวอสูรหินขจี กำลังฝีมือของเขานั้นมันอยู่ถึงระดับชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นต้น

ได้เห็นว่าค่ายกลของเมืองนั้นมันใกล้จะแตกลงเต็มทีแต่จู่ๆ ก็มีใครไม่รู้เข้ามาสร้างความวุ่นวายที่ด้านหลัง เขาย่อมจะไม่พอใจอย่างมาก

เขานั้นหรี่ตาลงมองไกลออกไปและพบว่ามันมีเงาร่างหนึ่งกำลังเดินผ่านกองทหารมาอย่างง่ายดาย กองทัพของเขานั้นไม่อาจจะหยุดคนผู้นี้ได้เลย แม้แต่เหล่านายกองพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำทั้งหลายเองก็ยังถูกคนผู้นี้สังหารลงด้วยดาบเดียว

“หึ! เจ้าโง่นี่ แค่ตัวเจ้าคนเดียวก็คิดจะช่วยเมืองได้หรือ? นายกองทั้งหลายจงฟัง! หยุดการโจมตีเมืองและหันไปสังหารเจ้าบ้านั่นเสีย!” ลู่เหยียนกล่าว

“โฮ่ก!”

เหล่าภูติแท้ทั้งหลายนั้นต่างรับคำสั่งและหันหลังกลับไปโจมตีเย่หยวน

ความเปลี่ยนแปลงอันกะทันหันนี้มันย่อมจะทำให้สีหน้าของซูยี่ที่อยู่บนกำแพงเมืองนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความมึนงง

“มันเกิดอะไรขึ้นกัน? หืม? หรือว่ากำลังเสริม? ทำไม…ทำไมจึงมีแค่คนเดียวเล่า?” ซูยี่นั้นอดไม่ได้ที่จะจ้องมองกลับไปที่ด้านหลังของกองทัพเช่นกัน

แต่ไม่นานเขาก็ได้พบว่ากำลังเสริมผู้นั้นเป็นคนเพียงแค่คนเดียวในหมู่ทหารภูติแท้นับหมื่นๆ จนได้แต่ต้องมึนงง

แต่ไม่นานเขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาอย่างมึนงง “หืม? ทำไมคนผู้นี้มันดูคุ้นๆ เสียจริง?”

ตูม!

จู่ๆ วินาทีต่อมามันก็เกิดแผ่นดินที่สั่นไหวขึ้น ภูติแท้นับร้อยๆ ถูกบดขยี้จนแหลกเหลว!

เพราะว่าเวลานี้เย่หยวนได้หยิบเอาเขาแห่งถงเทียนออกมาใช้งานแล้ว!

ในพื้นที่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยศัตรูเช่นนี้เขาแห่งถงเทียนมันย่อมจะแสดงพลังออกมาได้อย่างสุดล้ำ

ตูม!

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยแผ่นดินที่สั่นไหว เหล่าภูติแท้นับร้อยๆ ตายตกลงไปอีกครั้ง

เย่หยวนในเวลานี้กลายเป็นเหมือนดั่งจอมเทพที่ยกเขาขึ้นมากระแทกทำลายเหล่าศัตรู มีหรือที่เหล่าภูติแท้ทั้งหลายจะยังกล้าเข้าใกล้ เขาใหญ่นี้มันน่ากลัวจนเกินไป

เพียงแค่ว่าระหว่างที่พวกเขาถอยกลับไปนั้นพวกเขากลับถูกภูติแท้ชุดใหม่จากด้านหลังดันกลับมาจนทำให้สภาพของกองทัพนั้นเละเทะไม่เป็นรูปขบวน

แต่ว่ารอบๆ ตัวเย่หยวนนั้นมันไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้

ซูยี่ใช้ปราณเร่งดวงตามองดูจนต้องร้องลั่นขึ้น “เจ้าหอสาม! นี่…นี่เขาจะเข้าไปตัวคนเดียวหรือ? เขาบ้าไปแล้วหรือ?”

เมื่อลู่เหยียนได้เห็นพลังของเขาแห่งถงเทียนนั้นเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นมาแทน

สมบัติวิญญาณสวรรค์!

ตราบเท่าที่เขาสังหารเย่หยวนลงได้สมบัตินี้ย่อมจะตกเป็นของเขา!

แต่เวลาเดียวกันนั้นเองที่หมี่เทียนในทะเลจิตของเย่หยวนก็ต้องร้องลั่นขึ้นมา!

“ไอ้หนู เจ้าไปเอาของสิ่งนี้มาจากที่ใด?” หมี่เทียนกล่าวถามขึ้นมาด้วยเสียงหลง

แค่นั้นมันคงมากพอจะแสดงถึงความตกตะลึงของเขาแล้ว

เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะไป “เรื่องนี้มันคงอธิบายสั้นๆ ไม่ได้ เอาเป็นว่าสิ่งนี้มันถูกคนผนึกไว้ในภพเบื้องล่างที่ข้าเติบโตขึ้นมาและถูกข้าหลอมได้ในที่สุด แต่ของสิ่งนี้มันเป็นเพียงแค่สมบัติวิญญาณสวรรค์ ท่านไม่น่าจะต้องตื่นตกใจอะไรกับมันมิใช่หรือ?”

สมบัติวิญญาณสวรรค์นั้นมันคือสุดยอดสมบัติในทวีปพิรุณใสนี้

แต่แม้เย่หยวนจะไม่รู้ถึงระดับที่หมี่เทียนยืนอยู่แต่เขามั่นใจเลยว่ามันย่อมจะอยู่เหนือล้ำกว่าที่จะมาสนใจสมบัติวิญญาณสวรรค์น้อยๆ นี้

แต่ท่าทางและน้ำเสียงของหมี่เทียนนั้นมันทำให้เย่หยวนรู้สึกได้ทันทีว่าเขาแห่งถงเทียนนี้มันคงมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาแล้ว

“แค่สมบัติวิญญาณสวรรค์? หึๆ! สิ่งนี้มันทำให้สามสิบสามสวรรค์ต้องสั่นคลอนมาแล้ว พลังของมันนั้นเหนือล้ำเกินเข้าใจ! สภาพของมันตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเพชรที่ยังไม่ถูกเจียรไน! เรื่องนี้ค่อยไปพูดคุยกันทีหลัง ตอนนี้เจ้าจัดการเรื่องตรงหน้าให้จบก่อนเถอะ!” หมี่เทียนกล่าวขึ้น

เย่หยวนที่ได้ยินนั้นต้องกันฟันแน่นขึ้นมาด้วยความอยากรู้ในใจ

ก่อนนั้นเขาสัมผัสได้ว่าเขาแห่งถงเทียนนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่าเพราะว่ามันมีสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำบันทึกไว้ภายใน แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่ามันกลับจะมีเบื้องหลังที่ใหญ่โตกว่านั้น

แต่ตอนนี้มันมิใช่เวลามาถามไถ่เรื่องราวกันเพราะว่าตัวลู่เหยียนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว!

…………………….