ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง คฤหาสน์อมตะระดับ 6 แต่ละแห่งจะมีค่ายของตัวเอง
และในค่ายดังกล่าว ก็มีแต่ผู้ที่ถือป้ายหยกสะสมคะแนนรวมถึงป้ายประจำตัวศิษย์ของคฤหาสน์นั้นๆ จึงจะสามารถเข้าไปได้
คนอื่นไม่อาจเข้าไปได้
หากบุกฝ่าเข้าไป ก็จะกระตุ้นค่ายกลป้องกันที่จักรพรรดิอมตะสวรรค์ใต้จัดตั้งไว้สำหรับปกป้องค่ายของคฤหาสน์อมตะนั้นๆให้ทำงานทันที
ค่ายกลป้องกันดังกล่าว อาศัยพลังของขุนนางอมตะ 10 ทิศย่อมไม่มีวันฝ่าเข้าไปได้เลย
เหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้งหลายหากอยู่ในเขตค่ายที่พักของพวกมันก็แล้วไป เพราะต่อให้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่อาจบุกเข้าไปเล่นงานพวกมันถึงในค่ายได้
ทว่าพวกมันกลับออกมานอกค่ายเพื่อชมดูเหิงเฟิงกับต้วนหลิงเทียนสู้กัน…
ตอนนี้พอเห็นว่ากระทั่งเหิงเฟิงยังแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียน พวกมันจึงคิดจะย้อนกลับเข้าไปในค่ายพักทันที
น่าเสียดายที่พวกมันพึ่งจะหันหลังและเริ่มเคลื่อนไหวได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างมาขวางปานภูตผีเสียแล้ว
และพวกมันก็ได้เห็นความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนมากับตา ว่ากระทั่งเหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินประการที่ 7 ได้บางส่วนแล้วยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
กระทั่งในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย เหิงเฟิงยังได้เข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 จนบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นอีกด้วย!
พวกมันเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกมันตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย ที่กระทั่งเหิงเฟิงผู้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินได้ 7 ประการแล้ว ยังแพ้พ่ายต้วนหลิงงเทียนโดยที่ไม่อาจจู่โจมสวนกลับได้สักท่า…
นับประสาอะไรกับเหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ถึงขั้นตอนเบื้องต้น ในตอนที่เหิงเฟิงยังเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ได้บางส่วน พวกมันยังไม่มีใครเทียบกับเหิงเฟิงได้ด้วยซ้ำ!
มาตอนนี้พอต้องเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่เอาชนะได้กระทั่งเหิงเฟิง พวกมันจึงไม่มีความคิดจะแข็งข้อต่อต้านแม้แต่นิดเดียว
“ต้วนหลิงเทียนข้ายินดีทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนของข้า…แต่ก่อนที่ข้าจะออกไป ข้าขอถามอะไรเจ้าสักอย่างเถอะ…นี่เจ้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวจริงๆหรือ?”
ศิษย์ของคฤหาสน์อู่จ้านคนหนึ่งที่รู้ดีว่าลองโดนต้วนหลิงเทียนขวางแบบนี้ ก็เลิกคิดเรื่องหนีกลับค่ายไปได้เลย จึงเลือกที่จะยอมแพ้และหยิบป้ายหยกสะสมคะแนนออกมารอบดขยี้อย่างรู้งาน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะทำลายป้ายหยกดังกล่าว มันได้เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนออกมาว่า…
เจ้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวจริงๆหรือ?
พอมันเอ่ยถามจบคำ เหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนอื่นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที
เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งหมด ก็สนใจเรื่องนี้เช่นกัน
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
พอเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบคำ ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านบางคนอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา “อั้ย คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวตาบอดกันหมดแล้วรึไง? เจ้าร้ายกาจขนาดนี้แต่ยังให้เจ้าเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอกเนี่ยนะ!?”
“ต้วนหลิงเทียน หรือว่าเจ้าออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวและมาอยู่คฤหาสน์อู่จ้านของพวกเราดี…พอดีพ่อข้าก็เป็นรองผู้นำคนนึงของคฤหาสน์อู่จ้าน เช่นนั้นให้พ่อข้าไปรับเจ้ามาคฤหาสน์อู่จ้านดีหรือไม่?”
“กระทั่งตัวข้าเองก็สามารถรับปากเจ้าได้ตอนนี้เลย…ว่าตราบใดที่เจ้าเข้าร่วมกับคฤหาสน์อู่จ้านเรา ข้าจะให้ท่านพ่อข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นศิษย์หลักคฤหาสน์อู่จ้านเราทันที!”
ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนแรกที่พูดกับต้วนหลิงเทียน พอพูดออกมาอีกครั้ง ก็เรียกว่าคิดขุดกำแพงคฤหาสน์เฉวียนโยวดื้อๆ!
อย่างไรก็ตาม ลูกตาศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้งหลายก็ลุกวาวขึ้นมาทันที ทั้งหมดมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความคาดหวัง
เพราะหากต้วนหลิงเทียนเลือกจะมาอยู่คฤหาสน์อู่จ้านของพวกมันจริง ย่อมหมายความว่าคฤหาสน์อู่จ้านของมันจะได้รับยอดฝีมือที่สามารถชิงชัยอันดับสูงๆในแดนสวรรค์ใต้โบราณเพิ่มขึ้นอีกคน!
ถึงแม้สิ่งนี้อาจจะไม่ได้สร้างประโยชน์อไรให้พวกมันเลย แต่อย่างน้อยๆพวกมันก็เอาไปคุยเกทับเหล่าศิษย์ของคฤหาสน์อมตะอื่นๆได้
“ข้าพึ่งจะเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ไม่กี่วันเอง…”
ต้วนหลิงเทียนยักไหลกลางกล่าว “อย่างไรก็ตามน้ำใจของเจ้าข้าคงทำได้แค่รับไว้ด้วยใจ…เพราะข้าไม่คิดจะออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยว”
พึ่งเข้าร่วมกับคฤหาสน์เฉวียนโยวเมื่อไม่กี่วันก่อน?
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านอยากจะโน้มน้าวชักชวนอีกครั้ง แต่น้ำเสียงตอบคำของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ก็แน่วแน่นัก พวกมันรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะรบเร้าอีกฝ่าย
“เฮ่อ ไฉนโชคของคฤหาสน์เฉวียนโยวถึงได้ดีนักเล่า…”
เสียงบ่นด้วยความอิจฉาดังขึ้น และผู้บ่นก็คือศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่อ้างตัวว่ามีบิดาเป็นรองผู้นำ และพอมันบ่นจบคำมันก็บดทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนในมือทันที
ทันใดนั้นคะแนนสะสมในป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
“29 แต้ม?”
เมื่อเห็นแต้มในป้ายหยกสะสมคะแนนของตัวเอง ต้วนหลิงเทียนก็แปลกใจอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดเลยว่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนเมื่อครู่จะมีคะแนนสะสมมากขนาดนี้
9 แต้ม…ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะมีได้!
‘มี 9 แต้มแบบนี้ ก็สมควรติดอยู่ใน 100 อันดับแรกเช่นกัน…หากข้าจำไม่ผิดในตารางจัดอันดับที่ข้าดูก่อนจะเข้ามา คนที่ได้ 9 แต้มก็มีแค่ 2 คนเท่านั้น และคนที่เป็นศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านดูเหมือนจะชื่อหลิวเสี่ยวโจว’
ต้วนหลิงเทียนนึกย้อนเรื่องราวในใจครู่หนึ่ง ก็จดจำได้ว่าเคยเห็นชื่อศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่มี 9 แต้มบนตารางจัดอันดับ 1 คน
หลิวเสี่ยวโจว
ตารางจัดอันดับที่เขาดูก่อนเข้ามา คนที่ได้ 9 แต้มก็มีแค่ 2 คนเท่านั้น หลิวเสี่ยวโจวคือหนึ่งในนั้นและอยู่ในอันดับที่ 78 ส่วนอีกคนอยู่ในอันดับที่ 79
เห็นได้ชัดว่าหลิวเสี่ยวโจวได้ 9 แต้มเร็วกว่าอีกฝ่าย
หลังดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ต้วนหลิงเทียนก็กวาดตามองไปยังเหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่เหลือเบื้องหน้าอีกรอบ แต่ละคนก็ส่งยิ้มแหยๆกลับมาให้เขา
เมื่อกี้ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเหม่อคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครคิดฉวยโอกาสดังกล่าวหลบหนี เพราะไม่มีใครคิดอยากจะเป็นนกตัวแรก…
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้หากไม่หนีอย่างดีก็แค่ทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนและออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางไปเท่านั้น
และถึงจะละทิ้งคะแนนของตัวเองไป สำหรับพวกมันแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะพวกมันไม่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกด้วยซ้ำ…
คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายไม่เว้นคฤหาสน์อู่จ้าน แน่นอนว่ามีการมอบของรางวัลให้ศิษย์อยู่บ้างหากสามารถติดอันดับในตารางได้
ถึงแม้จะไม่ได้ติด 20 อันดับแรกก็ตามที
เป็นธรรมดาว่าผู้ที่สามารถติด 20 อันดับแรกก็จะได้รางวัลมากเป็นพิเศษ หากหลุด 20 อันดับแรกออกมารางวัลก็จะลดทอนลงไปตามอันดับ…
อย่างไรก็ตามหากพวกมันเลือกที่จะหลบหนี ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้ไม่พอใจ ถึงตอนนั้นเกิดอีกฝ่ายมีโมโหลงมือเข่นฆ่าพวกมันขึ้นมาจะทำไงกันล่ะ?
เพื่อความปลอดภัยในชีวิตแล้ว พวกมันไม่คิดจะวู่วามทำอะไรแบบนั้น
แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก!
…
เมื่อมีศิษย์คฤหาน์อู่จ้านคนนึงทำลายป้ายหยกเปิดแล้ว…ที่เหลือก็เริ่มบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนตามทันที!
ทันใดนั้นป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียนก็มีคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และในที่สุดก็หยุดลงที่ 41 แต้ม
ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้งหลายที่มาชมดูเรื่องราวเมื่อครู่ ก็ถูกส่งออกไปนอกแดนสวรรค์ใต้โบราณกันหมด
‘หากยึดจากตารางจัดอันดับก่อนที่ข้าจะเข้ามา…ด้วยคะแนนสะสม 41 แต้มแบบนี้ ก็มากพอจะให้ข้าติดอยู่ในอันดับที่ 45 แล้ว’
ต้วนหลิงเทียนยังจดจำได้ชัดเจน
อันดับที่ 44 มี 50 แต้ม ส่วนอันดับที่ 45 นั้นมีแค่ 36 แต้มเท่านั้น
ด้วยคะแนน 41 แต้มของเขาตอนนี้ ก็ทำให้ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 45 ทันที
อันดับในแดนสววรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น ยิ่งสูงเท่าไหร่ช่องว่างของคะแนนก็จะยิ่งมาก
ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนมีแค่ 6 แต้มเขาก็อยู่ในอันดับที่ 93 และพอได้ 19 แต้มเขาก็อยู่ในอันดับที่ 52
ตอนนี้เขามี 41 คะแนน แต่กลับอยู่ในอันดับที่ 45 เท่านั้น
คะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่า แต่อันดับเขากระเตื้องขึ้นไม่กี่อันดับเท่านั้น
ก่อนที่จะเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็ประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเห็นคะแนนในอันดับต่างๆ
ประหนึ่ง 50 อันดับแรกมันอยู่คนละคุ้งน้ำกันเลย…
50 อันดับแรก แม้อันดับจะใกล้เคียงกัน แต่อย่างน้อยๆอันดับใกล้ๆกันก็ต้องมีคะแนนต่างกันถึง 3 คะแนน ในขณะที่อันดับต่ำกว่า 50 นั้น คะแนนกลับไล่เลี่ยกันมาก
‘ดูท่าคนที่จะถีบตัวเข้ามาติดใน 50 อันดับแรกได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึง 6 ประการ และริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 7 ได้บางส่วน…ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้สมควรเป็นยอดฝีมือของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว’
‘ไม่ว่าใครก็สามารถกวาดล้างคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทั้งนั้น’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
‘ในอดีตเหิงเฟิงนั่นคงยากที่จะติดอยู่ใน 50 อันดับแรก…แต่เดือนหน้า ด้วยพลังของมันตอนนี้ คิดจะติดอยู่ใน 50 อันดับแรกเรียกว่ามีความหวังแล้ว’
เหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนกล่าวว่ามี ‘ความหวัง’ นั้น ทั้งหมดเป็นเพราะกฏที่เหิงเฟิงเชี่ยวชาญคือกฏแห่งดิน
ต่อให้ตอนนี้เหิงเฟิงจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการ แต่ความเร็วก็ยังเป็นจุดอ่อนร้ายแรงของมันอยู่ดี
สำหรับคนที่เข้าใจกฏแห่งลม แม้จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมแค่ 2 ประการ อย่างไรก็ตามขอเพียงความลึกซึ้งประการที่ 2 คือลมกรดหรือไม่ก็กายสายลม ย่อมสามารถหลบหนีเหิงเฟิงได้ไม่ยาก หากไม่ทะเล่อทะล่าถูกเหิงเฟิงใช้พลังล้อมขังได้ก่อน
‘แต่เหิงเฟิงนั่นก็สามารถหาคนช่วยได้ ขอเพียงมีคนที่เร็วกว่ามันต่อให้จะอ่อนแอกว่ามันก็เป็นไร…ถึงตอนนั้นมันก็อาศัยผู้ช่วยพามันไล่ตามคู่ต่อสู้ เช่นนี้ก็มีโอกาสเอาชนะศัตรูที่เร็วกว่าได้’
ถึงแม้ความเร็วของเหิงเฟิงจะเชื่องช้า แต่ขอเพียงมีศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่มีความเร็วสูงๆหน่อย ก็สามารถจับคู่กับมันเพื่อจัดการกับเป้าหมายได้…
ด้วยวิธีนี้เหิงเฟิงคิดจะติดอยู่ใน 50 อันดับแรก ก็ง่ายกว่าเดิมมาก
…
ณ คฤหาสน์อู่จ้าน
คฤหาสน์อู่จ้านก็เป็นคฤหาสน์อมตะระดับ 6 เหมือนกันกับคฤหาสน์เฉวียนโยว
ในคฤหาสน์อู่จ้านเองก็มีสถานที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณเช่นกัน
เมื่อเหิงเฟิงปรากฏตัวในสภาพดูไม่ได้ คนที่อยู่ใกล้ๆจุดเคลื่อนย้ายก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“เหิงเฟิง นี่เจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ?”
เหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ เมื่อเห็นรอยแผลลากยาวลึกเกือบชุ่นบริเวณอกเหิงเฟิง!
(1 ชุ่น = 1 นิ้ว)
ต้องทราบด้วยว่าเหิงเฟิงเชี่ยวชาญกฏแห่งดิน! เรียกว่าแทบจะคงกระพันใต้ขอบเขตราชาอมตะแล้วด้วยซ้ำ!!
แต่ตอนนนี้ไม่เพียงเหิงเฟิงจะถูกกำจัดออกมา แต่ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย! เห็นได้ชัดว่าการป้องกันอันแข็งแกร่งของเหิงเฟิงสมควรถูกบางคนทำลายมาเป็นแน่!!
“เหิงเฟิง เป็นผู้ใดที่สามารถทำลายการป้องกันของเจ้าได้?”
อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์อู่จ้านเอ่ยถามเสียงหนัก “เป็นเหลิ่งอวิ๋นโหยวของคฤหาสน์ชิงหลิง หรือหลิวจี๋จากคฤหาสน์หานชิงใช่หรือไม่?”
เหตุไฉนที่อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านคนนี้เอ่ยถามดังกล่าว เนื่องเพราะ
ขุนนางอมตะ 10 ทิศของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย มีไม่เกิน 30 คนที่สามารถทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงได้
และเมื่อครู่ คนที่พอจะมีพลังทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงได้และคะแนนสะสมมีการเคลื่อนไหวก็คือ เหลิ่งอวิ๋นโหยว จากคฤหาสน์ชิงหลิง กับหลิวจี๋จากคฤหาสน์หานชิงเท่านั้น
“ไม่ใช่พวกมันทั้งคู่หรอก”
เหิงเฟิงส่ายหัวไปมา จากนั้นก็หันไปมองตารางจัดอันดับ ในที่สุดลูกตาก็ไปหยุดบริเวณกลางตาราง มุมปากเริ่มยกยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นชื่อหนึ่งที่อยู่ๆก็เข้าสู่ 50 อันดับแรกในเวลาอันสั้น
‘ดูเหมือนเจ้าพวกนั้นจะหนีกลับค่ายไม่ทัน…’
เหิงเฟิงย่อมคาดเดาเรื่องราวได้ไม่ยาก
และเหิงเฟิงยังคิดไม่ทันจบดี ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวเช่นกัน ไม่ใชใครที่ไหนเป็นหลิวเสี่ยวโจว ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่ทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนต่อจากเหิงเฟิง
“เสี่ยวโจว…เจ้า…เจ้าไฉนออกมาแล้วเล่า?”
อาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านที่เอ่ยถามเหิงเฟิงเมื่อครู่ พอเห็นหลิวเสี่ยวโจวออกมา ลูกตามันก็หดเล็กลงทันที
เพราะในขณะเดียวกันมันก็พบว่า…
ชื่อ หลิวเสี่ยวโจว ในตารางจัดอันดับได้หายไปแล้ว…