ตอนที่ 3138

War sovereign Soaring The Heavens

หลิวเสี่ยวโจว เป็นบุตรชายของหนึ่งในบรรดารองผู้นำคฤหาสน์อู่จ้าน ถึงแม้พลังฝีมือจะไม่ร้ายกาจเท่าเหิงเฟิง แต่อย่างไรมันก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองได้ถึง 5 ประการ และยังเข้าใจประการที่ 6 ได้บางส่วนแล้ว

 

ผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกกลางของหลิวเสี่ยวโจว ที่ทำได้ดีที่สุดก็คืออันดับที่ 69 เรียกว่ามันเคยติดอยู่ใน 70 อันดับแรกครั้งหนึ่ง

 

ต้องทราบด้วยว่าผลงานเช่นนี้สำหรับขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้เพียง 5 ประการ นับว่าไม่ใช่เล่นๆเลย

 

แต่เป็นธรรมดาว่าทั้งหมดเพราะหลิวเสี่ยวโจวเข้าใจกฏแห่งทอง

 

หากกฏที่มันช่ำชองดันเป็นกฏแห่งดินล่ะก็ อย่าพูดถึง 70 อันดับแรกเลย กระทั่งจะดิ้นให้ขึ้นมาถึง 80 อันดับแรกด้วตัวเอง ก็คงลำบากยากเข็ญจนแทบเป็นไปไม่ได้

 

และตอนนี้ทุกคนในตำหนักกเคลื่อนย้ายของคฤหาสน์อู่จ้านย่อมเห็นกันชัดเจน…

 

ว่าเดือนนี้หลิวเสี่ยวโจวอยู่ในอันดับที่ 78 ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นผลงานระดับกลางๆของมันแล้ว อย่างไรก็ตามมันยังเหลือเวลาอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีก 3 วันซึ่งใกล้ๆกับหมดเดือนพอดี

 

หลายคนจึงหวังว่าหลิวเสี่ยวโจวจะได้อันดับดีกว่านี้

 

แต่ผู้ใดจะไปคิดคาด ว่าหลังเหิงเฟิงถูกกำจัดออกมา หลิวเสี่ยวโจวก็ถูกกำจัดออกมาตามติด…

 

กล่าวได้ว่าทั้งคู่แทบจะเดินย่ำเท้ากันด้วยซ้ำ…

 

“เฮ่อ ให้ข้าทำไงได้ล่ะ เจ้านั่นมันเอาชนะได้กระทั่งศิษย์พี่เหิงเฟิง…ข้าจะสู้กับมันให้เจ็บตัวทำอะไร แถมจะหนีก็หนีไม่ทัน เช่นนั้นมิสู้ออกมาเองประเสริฐกว่า”

 

ได้ยินคำถามราวกับจะสอบสวนของอาวุโสคฤหาสน์อู่จ้าน หลิวเสี่ยวโจวก็ยักไหล่ตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ไม่ได้มีอาการสลดอะไรแม้แต่น้อย

 

และพอหลิวเสี่ยวโจวกล่าวออกมาเช่นนั้น ผู้คนที่อยู่โดยยรอบก็พร้อมใจกันเงียบลงทันที

 

ครู่ต่อมา อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านที่เอ่ยถามหลิวเสี่ยวโจวเมื่อครู่ก็คืนสติก่อนใคร มันสูดอากาศเข้าลึกๆฟอดหนึ่งค่อยเอ่ยถามออกมาต่อว่า “เช่นนั้นหมายความว่า…เจ้าโดนคนที่ทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงบีบให้ออกมางั้นหรือ?”

 

วิ้ง! วิ้ง!

 

แทบจะพอดีกับที่อาวุโสดังกล่าวถามจบคำ ก็มีร่างคน 2 คนถูกส่งมาปรากฏบนค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัว เห็นได้ชัดว่าสมควรถูกกำจัดออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณเช่นกัน

 

“อันใด พวกเจ้าสองคนก็ถูกกำจัดออกมาด้วยหรือ? มิใช่ว่าก่อนหน้า คนของคฤหาสน์อู่จ้านเราในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเหลือแค่ 12 คนแล้วหรือไร?”

 

ภายในเวลาไม่ถึง 1 เค่อ อยู่ๆคนของคฤหาสน์อู่จ้านในแดนสวรรค์ใต้โบราณก็ถูกบีบให้ออกมาถึง 4 คน สถานการณ์เช่นนี้นับว่ายากนักที่จะเกิดขึ้นในคฤหาสน์อู่จ้าน

 

“พวกเจ้าสองคน…คงมิได้ถูกคนที่จัดการเหิงเฟิงกับหลิวเสี่ยวโจวบีบให้ถอยออกมาเหมือนกันหรอกนะ?”

 

อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านคนเดิมหันไปเอ่ยถามร่างทั้ง 2 ที่พึ่งก้าวออกมาจากค่ายกล

 

นั่นเพราะช่วงเวลาที่ทั้ง 4 คนถูกบีบให้ออกมามันไล่เลี่ยกันเกินไป!

 

จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้

 

“ก็…ใช่”

 

ภายใต้ทุกสายตาที่มองจ้องมาเขม็งจนแลดูน่ากลัวอยู่บ้าง ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านทั้ง 2 ที่พึ่งเดินลงมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวก็ได้แต่พยักหน้าอย่างซึมๆ หนึ่งในนั้นก็กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มแหยๆว่า…

 

“อันที่จริงนอกจากพวกเราแล้วยังมีอีก 7 คนที่ถูกบีบให้ถอยออกมา…แต่เท่าที่เห็นดูเหมือนพวกมันจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของตำหนักอื่น ก็เลยไม่ถูกส่งกลับมาที่นี่”

 

พอเสียงของศิษย์คนนี้ดังออกมา ทุกคนโดยรอบก็พร้อมใจกันเงียบกริบ…

 

อีก 7 คนก็ถูกกำจัดแล้วหรือ?

 

เช่นนั้นกล่าวได้ว่า ในเวลาไม่ถึงเค่อ 11 คนของคฤหาสน์อู่จ้านรวมเหิงเฟิงกับหลิวเสี่ยวโจวแล้ว ทั้งหมดถูกกำจัดออกมาแทบจะพร้อมๆกัน?

 

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นเพราะฝีมือของคนๆเดียว!?

 

“ไอ้หยา หลังจัดการพวกเราได้ เจ้านั่นมันก็พุ่งขึ้นมาติด 50 อันดับแรกแล้ว!”

 

หลิวเสี่ยวโจวที่มองสำรวจวไปยยังตารางจัดอันดับไกลๆ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พอนึกย้อนถึงเรื่องราวเมื่อครู่ก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมาปลอบใจตัวเอง

 

ได้ยินคำอุทานดังกล่าวของหลิวเสี่ยวโจว เหล่าศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านก็หันไปมองม่านแสงตารางอันดับทันที

 

มองไปปราดหนึ่งก็พบชื่อไม่คุ้นอยู่ในอันดับที่ 45

 

คนที่ติดอยู่ใน 50 อันดับแรกนั้น มีชื่อเสียงไม่น้อย ทั้งหมดจึงคุ้นเคยดี พอมีชื่อไม่คุ้นโผล่มาจึงล่วงรู้ได้แทบจะทันที

 

เป็นธรรมดาว่าพวกมันก็เคยเห็นชื่อนี้มาก่อน

 

“ชื่อนี้ไม่ใช่ว่าก่อนหน้ามันพึ่งจะมีแค่ 19 คะแนนและอยู่ในอันดับที่ 52 หรือไร…ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนนี้เป็นใครกันแน่ ไฉนพวกเราถึงไม่คุ้นชื่อมันเลยเล่า?”

 

ศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านคนนึงกล่าวพึมพำออกมาด้วยความสงสัย

 

“นั่นสิ ข้าเองก็ไม่คุ้นชื่อมันเลย กล่าวไปเหมือนจะพึ่งเห็นชื่อมันโผล่มาเมื่อไม่กี่วันก่อนด้วยซ้ำ”

 

“ต้วนหลิงเทียน…คฤหาสน์เฉวียนโยวมีศิษย์ชื่อนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

“หรือว่ามันจะเป็นไพ่ตายที่คฤหาสน์เฉวียนโยวซุกซ่อนเอาไว้?”

 

 

ตอนนี้คนของคฤหาสน์อู่จ้านพลันตระหนักได้ว่า…

 

สมควรเป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นี้ที่เอาชนะเหิงเฟิง และบีบให้พวกหลิวเสี่ยวโจวต้องถอนตัวออกมา…

 

แต่คนที่สามารถทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงได้นี่มันหมายความว่าอะไร?

 

ย่อมหมายความว่า…

 

ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นี้ มีศักยภาพมากพอจะติด 30 อันดับแรก!

 

“เจ้า…ตกลงพวกเจ้าถูกคนๆเดียวจัดการมาจริงๆ?!”

 

อาวุโสของคฤาหสน์อู่จ้านคนเดิมได้แต่ถามย้ำหลิวเสี่ยวโจวด้วยความไม่อยากจะเชื่อออกมาอีกครั้ง

 

เดิมทีมันคิดว่าระดับเหิงเฟิง ผู้ที่จะจัดการให้ถอนตัวออกมาได้สมควรมีแค่ เหลิ่งอวิ๋นโหยวของคฤหาสน์ชิงหลิง กับหลิวจี๋ของคฤหาสน์หานชิงเสียอีก เพราะมีแต่ทั้งคู่ที่มีพลังฝีมือสูงมากพอจะทำเรื่องแบบนั้น

 

อย่างไรก็ตาม เหิงเฟิงกลับบอกว่าไม่ใช่

 

มาตอนนี้พอหลิวเสี่ยวโจวกับอีก 2 คนถูกขับออกมา และกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าคนที่ทำให้พวกมันต้องถอนตัวออกมาก็คือคนที่เอาชนะเหิงเฟิงได้ และยังเป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวที่ไม่มีใครรู้จักอีก!

 

เรื่องนี้ทำให้มันรู้สึกยากจะเชื่อได้ลงคอนัก!

 

“พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลยก็ไม่แปลกหรอก…เจ้านั่นมันบอกข้าว่ามันพึ่งจะเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง นอกจากนั้นป้ายประจำตัวที่มันห้อยแขวนไว้ ยังเป็นป้ายศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่เลย…”

 

หลิวเสี่ยวโจวเห็นทุกคนอื้ออึง ก็ได้แต่กล่าวอธิบายออกมาเพื่อแถลงไข “อย่างไรก็ตาม ข้าเดาว่า…เจ้านั่นสมควรเป็นคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวหามาช่วยเป็นแน่!”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเกรงว่าคนนอกผู้นี้อาจมีความเป็นมาไม่ธรรมดาถึงที่สุด!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาหลิวเสี่ยวโจวก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้น

 

เพราะในตอนที่มันบดทำลายป้ายหยกสะสมคะแนนของตัวเอง มันก็แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบต้วนหลิงเทียนศิษ์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นอย่างหาญกล้า จึงได้ค้นพบเรื่องอัศจรรย์ยากจะเชื่อได้ลงคอประการหนึ่ง

 

ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!

 

อายุไม่ถึง 100 ปี แต่เอาชนะเหิงเฟิงที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 7 ประการได้…

 

นี่จะให้คิดอย่างไร?

 

หลิวเสี่ยวโจวตระหนักได้ชัดเจน….

 

หากไม่ได้ตรวจสอบอายุของชายหนุ่มผู้นั้นด้วยตัวเอง คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆว่าคนๆนั้นยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!

 

ต่อให้เป็นตัวมันเองถ้าไม่ใช่ว่าได้ตรวจสอบมากับตัว ให้มีคนมาบอกมันว่าชายหนุ่มคนนั้นอายุไม่ถึงร้อยปี หัวเด็ดตีนขาดมันก็ไม่เชื่อเช่นกัน!

 

ดังนั้นต่อให้มันจะรู้ความจริงอันน่าตื่นตระหนกนี้ มันก็ไม่คิดจะพูดออกมาสักคำ

 

เว้นแต่จะมีคนอื่นตระหนักถึงเรื่องนี้แล้วกล่าวออกมา มันถึงจะยืนยันด้วยอีกเสียง หาไม่แล้วถึงพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ เปลืองน้ำลายเปล่าๆ

 

“พึ่งเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ไม่กี่วัน? ศิษย์ฝ่ายนอก?”

 

ได้ยินคำพูดของหลิวเสี่ยวโจว เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้าน ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้

 

“เหิงเฟิง แล้วเจ้านั่นมันเข้าใจกฏอันใด…ลองมันทำลายการป้องกันของเจ้าได้แบบนี้ อย่างน้อยๆก็สมควรเข้าใจกฏที่ทรงพลังในเรื่องการจู่โจมใช่หรือไม่?”

 

อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้าน มองถามเหิงเฟิง ในส่วนลึกของแววตายังฉายชัดถึงความอยากรู้ “นอกจากนั้นเจ้านั่นมันสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏที่ว่าได้ถึง 7 ประการแล้วใช่หรือไม่?”

 

พอวาจาถามไถ่ประโยคนี้ของอาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านดังออกมา ทุกคนนอกจากพวกหลิวเสี่ยวโจวก็หันขวับไปจับจ้องเหิงเฟิงเป็นสายตาเดียวกัน

 

แม้หลิวเสี่ยวโจวเองก็รู้ว่าคนๆนั้นใช้กฏแห่งมิติ แต่มันเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช้ความลึกซึ้งอะไรบ้าง ด้วยไม่สันทัดเรื่องกฏมิติสักเท่าไหร่

 

และในเมื่อมันไม่สันทัดเรื่องกฏมิติ แถมไม่ได้ปะทะกับอีกฝ่ายด้วยตัวเอง เช่นนั้นมันเองก็ไม่รู้เลยว่าตอนอีกฝ่ายเล่นงานเหิงเฟิงได้ใช้ความลึกซึ้งอะไรออกมาบ้าง

 

“ข้าไม่มั่นใจว่าที่แท้มันเข้าใจความลึกซึ้งทั้งสิ้นกี่ประการ…แต่ที่รู้ๆก็คือ มันใช้ความลึกซึ้ง 7 ประการเอาชนะข้ามา…”

 

เหิงเฟิงกล่าว

 

ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ตอนประมือกับมันช่วงแรกอีกฝ่ายเผยความลึกซึ้งของกฏมิติออกมาแค่ 6 ประการเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่อีกฝ่ายใช้ความลึกซึ้งผ่ามิติ ทำให้มันตกอยู่นห้วงแห่งความเป็นตายจนตระหนักรู้ถึงความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และทำให้มันหลงคิดไปว่าต้องสามารถป้องกันการโจมตีของอีกฝ่าได้แล้วแน่ๆ

 

แต่ใครจะไปรู้ว่าในช่วงเวลาเสี้ยวพริบตานั่น อีกฝ่ายกลับใช้ออกด้วยความลึกซึ้งส่งผ่าน ทำให้กระบี่มิตินั่นวูบผ่านความลึกซึ้งเกราะของมันมาหน้าตาเฉย!

 

ด้วยเหตุนี้ความลึกซึ้งเกราะที่มันใช้ออกก็ถูกเพิกเฉยโดยสมบูรณ์ เสมือนสูญเปล่าไม่เกิดประโยชน์อันใด

 

“เจ้านั่นมันใช้ความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 7 ประการเชียวหรือ…เช่นนั้นนับว่าเจ้ามิได้พ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรมแล้ว ในบรรดาผู้ที่เข้าใจกฏที่มีการโจมตีโดดเด่นอย่าง ไฟ ทอง ลม สายฟ้า และกฏทำลายล้าง ตราบใดที่ความลึกซึ้งที่เข้าใจเสริมการโจมตีเป็นหลักมากหน่อย ก็ย่อมฝ่าการป้องกันของเจ้าได้เป็นธรรมดา…”

 

อาวุโสของคฤหาสน์อู่จ้านคนนี้ ด้วยความที่มันรู้พลังฝีมือของเหิงเฟิงดี เช่นนั้นจึงตัดสินไปทำนองดังกล่าว

 

“อาวุโสอวิ๋น ข้าเกรงว่าท่านคงไม่รู้…ตอนที่การป้องกันของศิษย์พี่เหิงเฟิงถูกทำลาย ศิษย์พี่เหิงเฟิงได้เข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว…”

 

เหิงเฟิงไม่ทันได้กล่าวอะไร หลิวเสี่ยวโจวก็เอ่ยออกมาเสียก่อน

 

“อะไร!?”

 

วาจาที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันดังกล่าวของหลิวเสี่ยวโจว นับว่าทำให้อาวุโสอวิ๋นตกตะลึงแล้วจริงๆ “เหิงเฟิงเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้วรึ!?”

 

เท่าที่มันรู้มา เหิงเฟิงนั้นเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแค่ 6 ประการเท่านั้น ส่วนประการที่ 7 อย่างความลึกซึ้งเกราะ ยังพึ่งเข้าใจได้บางส่วน…

 

ทว่าฟังจากคำพูดของหลิวเสี่ยวโจวเมื่อครู่ หมายความว่าเหิงเฟิงเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว?!

 

“เหิงเฟิง…”

 

ทันใดนั้นอาวุโสอวิ๋นก็หันไปมองเหิงเฟิงทันที ด้วยอยากได้ยินคำยืนยันจากปากของเหิงเฟิง

 

“ใช่”

 

เหิงเฟิงพยักหน้า “เรื่องนี้กล่าวไปแล้วข้าก็ต้องขอบคุณเจ้านั่นจริงๆ…เพราะตอนสู้กับมัน ข้าที่จนตรอกและอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตาย พลันตระหนักรู้ความลึกซึ้งเกราะขึ้นมา ทำให้ข้าเข้าใจได้สมบูรณ์…”

 

“พอมันเห็นข้าเข้าใจความลึกซึ้งเกราะได้สมบูรณ์แล้ว มันจึงใช้ออกด้วยความลึกซึ้งประการที่ 7 ที่ไม่เคยใช้มาก่อนออกมา…หาไม่แล้วเกรงว่าอาศัยแค่ความลึกซึ้ง 6 ประการของมันก็คงเอาชนะข้าได้แล้ว”

 

เมื่อคิดถึงการโจมตีอันทรงพลังน่ากลัวนั่นของต้วนหลิงเทียน เหิงเฟิงยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย

 

“เจ้าหมายความว่า…ตอนที่มันใช้ความลึกซึ้งแค่ 6 ประการ ก็สามารถเอาชนะเจ้าที่ยังไม่ทันเข้าใจความลึกซึ้งเกราะถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้แล้ว? แต่พอเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งเกราะโดยยสมบูรณ์ เจ้านั่นก็ใช้ความลึกซึ้งประการที่ 7 ออกมา จนสามารถทำลายการป้องกันของเจ้าลงได้?”

 

ลูกตาของผู้อาวุโสอวิ๋นหดเล็กลงอย่างแรง ขณะเดียวกันมันก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บอีกรอบ

 

อาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านคนอื่นๆไม่เว้นเหล่าศิษย์ที่ยืนฟังเรื่องราวกันอยู่ และรู้พลังฝีมือของเหิงเฟิงดี ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าดังฟืดเช่นกัน

 

“หรือกฏที่เจ้านั่นเข้าใจ…จักเป็นกฏสูงสุด?”

 

ตอนนี้เองอาวุโสคฤหาสน์อู่จ้านอีกคนที่เงียบฟังมาโดยตลอด พลันเอ่ยถามออกมา

 

เพราะในสายตาของมัน ต่อให้เป็นผู้ที่ใช้กฏแห่งลม ทอง สายฟ้า ไฟ และทำลายล้าง ต่อให้เข้าใจความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการโจมตีเป็นหลักทั้งหมด…และเข้าใจความลึกซึ้งถึง 7 ประการจริง แต่ก็ไม่น่าจะทำอะไรเหิงเฟิงที่เข้าใจกฏแห่งดิน 7 ประการได้เลย!!

 

เพราะต้องทราบด้วยว่าในบรรดาความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่เหิงเฟิงเข้าใจ มันมีความลึกซึ้งที่เอกอุเรื่องการป้องกันถึง 2 ประการ!

 

นอกจากนั้นต้องทราบด้วยว่าในบรรดาความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่เหลือ เหิงเฟิงยังเข้าใจความลึกซึ้งกายาศิลา ที่สามารถหนุนเสริมพลังป้องกันได้อีกด้วย! ยังไม่ต้องกล่าวถึงความลึกซึ้งฟื้นฟูที่จะคอยฟื้นฟูปราการป้องกันของเหิงเฟิงให้เสมือนตกอยู่ในสภาพขุนเขาไร้ทลายด้วยซ้ำ…

 

ดังนั้นมันจึงคาดเดาออกมาอย่างอุกอาจ

 

ว่าบางทีกฏที่คนผู้นั้นเข้าใจ อาจจะเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด!