“พี่เย่หยวน ข้ามาบอกลาท่าน!” ซั่วเหยียนนั้นวิ่งเข้ามาหาเย่หยวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ซั่วเหยียนได้บรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นกลางไปแล้วด้วยการช่วยเหลือของเย่หยวน การล่านั้นมันใกล้เข้ามาเต็มทีซั่วเหยียนนั้นจึงได้มาบอกลาเย่หยวนเตรียมออกเดินทาง
การล่าที่ว่านั้นแท้จริงแล้วมันก็คือการออกไปแย่งชิงดินแดนและการจะทำเช่นนั้นมันย่อมต้องมีการฆ่าสังหารไปตลอดทาง
เย่หยวนที่ได้ยินจึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “เจ้าจะไปที่ไหน?”
ซั่วเหยียนจึงได้อธิบายออกมาจนทำให้เย่หยวนต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้น “เจ้าหมายความว่าเจ้าจะไม่มีคนติดตามพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกไปด้วยเลยหรือ”
ซั่วเหยียนที่ได้ยินก็ยิ้มตอบไป “เสด็จพ่อนั้นต้องการให้เราออกไปฝึกฝนตัว หากเราพายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกตามไปด้วยแล้วมันจะยังเป็นการฝึกฝนใดอีก?”
เย่หยวนที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “ปีที่ผ่านมานี้เจ้าได้เจอพี่ๆ ของเจ้าบ้างหรือไม่? พวกเขานั้นมีท่าทางอย่างไรต่อพลังฝีมือที่เพิ่มพูนของเจ้านี้?”
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาซั่วเหยียนก็ยิ้มกว้างขึ้น “แน่นอนว่าข้าได้เจอพวกเขา! จะว่าไปแล้วมันก็บังเอิญเสียจริง พวกเขานั้นปกติเวลาแล้วจะอยู่แต่ในดินแดนตัวเองปีๆ หนึ่งได้เจอแค่สองสามคนก็ถึงว่าโชคดีมากแล้ว แต่ปีที่ผ่านมานี้ข้ากลับได้พบเจอพวกเขาครบทุกคน ที่สำคัญไปกว่านั้นพวกเขายังชื่นชมและบอกให้ข้าพยายามให้หนักอย่าให้เสียชื่อเสด็จพ่อด้วย!”
เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของซั่วเหยียนเช่นนั้นเย่หยวนก็เข้าใจได้ทันทีว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้เข้าใจอะไรที่เขาเคยบอกเตือนไปเลย
แม้ว่ากำลังฝีมือของเขานั้นมันจะพัฒนามาถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นกลางแล้วแต่ว่าสมองของเด็กน้อยนี้ก็ยังคงเป็นแค่เด็กน้อย
ซั่วเหยียนนั้นคงมีอายุไม่ห่างจากจิงเฟยนั้นมากมายนัก เขายังเป็นแค่เด็ก
เขานั้นหลงคิดไปว่าพี่ๆ ทั้งหลายของเขานั้นรักกันดี!
ยิ่งเหล่าพี่ชายของเขาแสดงท่าทีไม่สนใจมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเท่ากับว่าพวกเขานั้นกำลังเฝ้ามอง
ที่สำคัญไปกว่านั้นอยู่ๆ ปีนี้ซั่วเหยียนก็ได้พบเจอพี่ชายทั้งเก้าจนครบ มันย่อมจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเกินบรรยายแล้ว
เย่หยวนนั้นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ข้าเองก็กำลังว่าจะออกไปหาสมุนไพรสวรรค์อยู่พอดี ข้าจะออกไปกับเจ้าด้วยแล้วกัน”
แต่เมื่อซั่วเหยียนได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดลังเลขึ้นมาไม่ได้ “พี่เย่หยวน ท่านเก่งไป! ข้าแค่จะไปจัดการนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นปลายทั้งหลาย หากท่านอยากไปด้วยก็ได้ แต่ท่านห้ามลงมือสู้นะ!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ไปขวางการฝึกของเจ้าหรอก ข้าแค่จะออกไปหาสมุนไพรสวรรค์เท่านั้น ไม่สนใจเรื่องอื่นหรอก”
ซั่วเหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างตอบกลับไป “เช่นนั้นก็ดี มีพี่เย่หยวนไปด้วยเช่นนี้ซั่วเหยียนคงไม่เบื่อแน่!”
…
ราชาขาลเจิดนั้นเองก็ไม่คิดห้ามเย่หยวนใดๆ
เพราะที่ที่ซั่วเหยียนมุ่งหน้าไปนั้นมันเป็นดินแดนของนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นปลายเท่านั้น ไม่ได้ถือเป็นดินแดนที่อันตรายใดๆ
เพราะจะอย่างไรเย่หยวนก็ติดคำสาบานคงไม่อาจจะหนีไปไหนได้ เขาจึงโล่งใจไม่ต้องคิดกังวล
ราชาขาลเจิดนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนชื่นชอบตัวซั่วเหยียนไม่น้อย
แท้จริงแล้วตัวซั่วเหยียนนั้นเองก็เป็นลูกคนโปรดของเขาเช่นกัน
หากวัดกันที่พรสวรรค์หรือพลังสายเลือดแล้ว ซั่วเหยียนนั้นย่อมจะเด่นกว่าบุตรคนอื่นๆ ทั้งเก้าของเขาอย่างมาก
ไหนจะยังเรื่องที่ว่าตอนนี้เขาได้การช่วยเหลือจากเย่หยวนจนพัฒนาล้ำหน้าคนอื่นๆ ไปสิ้นเชิงอีก
การปล่อยให้เย่หยวนกับซั่วเหยียนสนิทกันไปมันย่อมจะมีแต่ประโยชน์ ไม่มีอะไรเสียหายแม้แต่น้อย
ระหว่างทางไปนั้นซั่วเหยียนต่อสู้กันเหล่าภูติแท้ที่เป็นเจ้าถิ่นของดินแดนนั้นและฆ่าสังหารไปเรื่อยจนเข้าถึงหุบเขาสามเซียน
สิ่งที่เรียกว่าหุบเขาสามเซียนนั้นแท้จริงแล้วมันเป็นแค่คำโม้อวดตัวของหมูป่าเขาดำสามตนเท่านั้น
การต่อสู้บนเขาหมื่นอสูรนั้นมันไม่มีกลยุทธอะไรมากมาย
ไปเคาะถามแย่งดินแดนถึงหน้าบ้านเจ้าของ
เมื่อเฮ่ยฟางผู้เป็นหัวหน้าได้เห็นหน้าของซั่วเหยียนนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้ “ไอ้ลูกแมว ขนยังไม่ทันขึ้นกลับกล้ามาบุกหุบเขาสามเซียนเราหรือ?”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวขึ้นทางฝั่งยอดฝีมือของหุบเขาสามเซียนก็หัวเราะลั่นขึ้นมา
แม้ว่าซั่วเหยียนนั้นจะเติบโตขึ้นมาแต่เขานั้นก็ยังมีใบหน้าและรูปร่างของเด็กน้อย ดูไม่ได้ต่างไปจากแมวตัวโตจริงๆ
เมื่อซั่วเหยียนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “สามหมูดำเจ้าก็กล้ามาวางตัวโอหัง! ข้าคนนี้จะสังหารให้ดู!”
เฮ่ยฟางที่ได้ยินก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้นมา “ไอ้ลูกแมว ข้ารู้ว่าเจ้าเก่งแค่ไหนแต่ศัตรูของเจ้าในวันนี้มันมิใช่ข้าเฮ่ยฟางคนนี้หรอก!”
พูดไปเขาก็เป่าปากดังเสียดหูขึ้น
ครืน…
เวลานั้นเองที่มันได้มีภูติแท้อีกหลายตนพุ่งออกมาล้อมทัพของซั่วเหยียนไว้รอบด้าน!
รอบด้านนั้นมันมีกองกำลังล้อมไว้แน่นหนาไม่อาจจะหาช่องว่างได้!
เมื่อซั่วเหยียนได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนสีไป
“แมงป่องดำแห่งเขาร่วมผลิ อสูรม่วงรุ่งแห่งเขาเมฆม่วง หมาขนทองแห่งสันเขาเหนือ… ทำไมพวกมันถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้?” ซั่วเหยียนร้องลั่นขึ้นมา
เพราะว่าภูติแท้ทั้งสามนั้นเป็นตัวตนระดับเจ้าผู้ครองดินแดนบ้างนั้นมีพลังถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นสุดทีเดียว!
ทัพที่ซั่วเหยียนนำมานั้นมันตกลงสู่ห่วงกับดักแล้ว!
“หึๆ ไอ้เด็กน้อย มันยังมีพวกเราอยู่ด้วยนะ อย่าลืมแนะนำสิ!” อีกสองเงาร่างร่อนลงมาบนยอดไม้
เมื่อซั่วเหยียนเห็นเช่นนั้นเขาก็อ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวทันที
“สองอสูรอินทรีทอง! ทำไม…ทำไมพวกเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ด้วย?” ซั่วเหยียนนั้นร้องกล่าวขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
สองอสูรอินทรีทองนั้นเป็นพี่น้องแฝดที่มีพลังถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกทั้งคู่!
การปรากฏตัวขึ้นของพวกเขานั้นมันเท่ากับความตายมาเยือนหน้าซั่วเหยียน
เย่หยวนที่อยู่ข้างๆ จึงได้กล่าวขึ้นมาแทรก “ยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ที่อยู่ของเจ้านั้นมันถูกคนเอาไปปล่อยให้คนนอกแล้ว”
ซั่วเหยียนนั้นหันมามองเย่หยวนด้วยความตกตะลึงก่อนจะส่ายหัวออกมา “เป็นไปไม่ได้! คนที่รู้ว่าข้าไปล่าที่ไหนนั้นมันมีแต่เสด็จพ่อกับคนสนิทของท่านเท่านั้น มันย่อมจะไม่มีใครเอาที่อยู่ของข้าไปบอกคนนอกแน่!”
เย่หยวนนั้นส่ายหัวยิ้มตอบกลับไป “ไอ้หนู โลกนี้มันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิดหรอก บางทีพวกมันนั้นอาจจะไม่คิดทรยศพ่อเจ้าจริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะภักดีต่อเจ้าด้วย”
ซั่วเหยียนนั้นผงะไปทันที “ทำไมเล่า?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เพราะว่าเจ้านั้นไปขวางทางคนไงเล่า! ยังจำที่ข้าบอกได้หรือไม่เล่าว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้! แล้วเสือสิบตัวมันจะอยู่ใต้อำนาจพ่อเจ้าด้วยกันอย่างสงบสุขได้อย่างไร?”
ซั่วเหยียนนั้นผงะไปราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว ใบหน้าของเขานั้นมันเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อเรื่องตรงหน้า
แต่เขานั้นก็ไม่ได้โง่เง่านัก สิ่งที่เกิดขึ้นในหุบเขาสามเซียนนี้มันย่อมจะเป็นสิ่งที่ถูกเตรียมการไว้อย่างดี!
ที่แห่งนี้มันเป็นดินแดนภายใต้อำนาจของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนอีกคนหนึ่ง ตราบเท่าที่พวกเขาคิดเตรียมการรับมือมันย่อมจะถ่ายเทยอดฝีมือมาได้อย่างที่ฝ่ายราชาขาลเจิดไม่รู้เรื่องใด
ไหนคนที่มานี้จะยังมิใช่ตัวราชาขาลเจิดแต่เป็นเพียงแค่ลูกชายคนเล็กของเขาอีก?
“หืม? ทำไมมันถึงมีมนุษย์อยู่ในกองทัพได้? สิ่งที่เจ้าว่ามานั้นมันถูกต้องแล้ว เราได้ข่าวมาจริง! การได้สังหารลูกคนเล็กของราชาขาลเจิดนั้นมันย่อมจะทำให้เราพี่น้องได้รับรางวัลใหญ่โตแน่นอน!” สองอสูรอินทรีทองหัวเราะลั่นขึ้นมา
ซั่วเหยียนนั้นเดิมทียังไม่อยากจะเชื่อแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกต่อไปในเวลานี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าเขานั้นโง่และซื่อจนเกินไป!
ซั่วเหยียนหันมามองเย่หยวนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “หมายความว่าที่พี่เย่หยวนมาด้วยนี้มิใช่เพราะว่าจะมาหาสมุนไพรสวรรค์ใดๆ แต่พี่มาเพื่อปกป้องข้า?”
ในเวลานี้ความรู้สึกที่เปี่ยมล้นในใจของซั่วเหยียนนั้นมันไม่อาจจะหาคำใดมาอธิบายได้อีก
ดูอย่างไรเย่หยวนก็คงรู้ถึงภัยนี้มาก่อนแล้วแต่ก็ยังยอมเสี่ยงชีวิตเดินทางออกมากับเขา ซั่วเหยียนนั้นไม่อาจจะตอบแทนอะไรเย่หยวนได้
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นหัวเราะตอบกลับไป “หากข้าไม่ให้เจ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองเจ้าก็คงไม่เชื่อข้าอยู่ดี”
“ฮ่าๆ แค่มนุษย์พลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นต้น พลังบ่มเพาะของมันยังไม่ถึงพลังของเจ้าด้วยซ้ำแต่เจ้ากลับบอกว่ามันมาเพื่อปกป้องเจ้า? ไอ้มนุษย์โง่นี่น่ะ ไปตายเสียเถอะ!” สองอสูรอินทรีทองหัวเราะลั่นขึ้นมา
ซั่วเหยียนนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าเย่หยวนด้วยน้ำตานองหน้า “พี่เย่หยวน จากวันนี้ไปพี่ชายของข้านั้นมีเพียงแค่ท่านเท่านั้น!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “เอาล่ะ สองอินทรีนั้นข้าจัดการให้เอง ที่เหลือนั้นเจ้าคงจัดการได้ใช่หรือไม่?”
ซั่วเหยียนที่ได้ยินก็พยักหน้าตอบกลับไป “ไม่มีปัญหา!”