เสียงเป่าเขาสัตว์ดังกังวานก้องฟ้าดิน กลองศึกราวอสนีบาต

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนสองแสนหนึ่งหมื่นบุกโจมตีดังสนั่นจากต่างพื้นที่และทิศทาง!

สมบัติและวิชามรรคมืดฟ้ามัวดินโฉบพุ่ง วิวัฒน์เป็นลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นต่างกันไป พุ่งสังหารมาทางค่ายชั่วคราว

ชิดถี่เหมือนพายุฝนโหมกระหน่ำ!

ห้วงอากาศปั่นป่วน ปฐพีสั่นสะเทือน ในยามนี้ฟ้าดินต่างไร้สี ถูกแสงพร่างพรายงามตระการปกคลุม

ภาพเช่นนั้นช่างราวกับโลกจะดับสลายจริงๆ

น่าหวาดกลัวเกินไป!

แม้แต่เซ่าเฮ่าและรั่วอู่เห็นภาพนี้ก็ยังอดสูดหายใจเย็นไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ส่วนคุนป้าชิวและมกุฎอริยะทั้งหมดก็ชิงลงมือก่อนการโจมตีรอบด้านนี้จะเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ละคนเคลื่อนขวางแหวกอากาศ พุ่งพิฆาตเข้ามา

เป้าหมายเล็งไปที่หลินสวินคนเดียว!

สถานการณ์อันตรายถึงขีดสุดในชั่วขณะเดียว

ทว่าพร้อมกันนี้หลินสวินก็สะบัดแขนเสื้อ รุ้งเทพแถบหนึ่งพุ่งออกไปรวมทั้งหมดยี่สิบสี่สาย ล้วนแต่เป็นธงกระบวนที่หลอมจากสมบัติอริยะ พุ่งโฉบไปยังทิศทางต่างๆ ของค่ายชั่วคราวแล้วหายไปในพริบตา

ส่วนลึกใต้ดินที่ไม่มีใครมองเห็น ค่ายกลลายมรรคหลายแห่งที่ถูกปกคลุมไว้นานแล้วพลันมีแสงเจิดจ้า เหมือนตื่นขึ้นจากการหลับใหล

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

เพียงพริบตาค่ายกลป้องกันทั้งแปดผุดขึ้นมาราวพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ค่ายกลลายมรรคแน่นหนาและกว้างใหญ่ไพศาลแผ่ออกมาราวมหาสมุทร ปกคลุมค่ายชั่วคราวที่กว้างใหญ่นั้นไว้ภายใน

มองจากไกลๆ จะคล้ายเปลือกไข่ใบมหึมาที่งามตระการหาใดเปรียบครอบลงมาบนค่ายชั่วคราว ปรากฏม่านแสงสีทองจ้าตาแถบหนึ่ง

ในม่านแสงมีลายมรรคเหมือนละอองฝนเซียนเหินไหลวน วิวัฒน์เป็นมายาเทพดั่งภาพลวงตามากมาย บ้างนั่งสมาธิเคร่งขรึม บ้างอ่านคัมภีร์ บ้างกุมทวนโลดแล่นทั่วทิศ ไม่มีใครไม่เต็มไปด้วยแสนยานุภาพ

ศักดิ์สิทธิ์สง่างามเหมือนทวยเทพของอาณาจักรแห่งหนึ่ง อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัด ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่อาจสั่นคลอน

ค่ายกลแปดพิทักษ์!

ขณะเดียวกันนิ้วมือของหลินสวินทำมุทรา สมบัติอริยะสี่ชิ้นที่ถูกหลอมเป็นจานกระบวนพุ่งวาบออกไปกลางอากาศแล้ววูบหาย

“ทะยาน!”

หลินสวินออกคำสั่งราวฟ้าลั่น

ตู้ม!

ในห้วงอากาศร้อยจั้งที่ร่างเขายืนอยู่ พลันมีค่ายกลใหญ่ที่ร่างขึ้นจากแสงดาวส่องประกาย

ทันทีที่ปรากฏก็เหมือนหมู่ดาวเหนือฟากฟ้าแถบหนึ่งอุบัติขึ้นบนโลก พาให้คนใจสั่นระรัวด้วยรู้สึกว่าไร้สิ้นสุด วังเวงและเกรียงไกร

‘ยอดนภา’ แห่งสี่ยอดค่ายกล!

ทุกการเคลื่อนไหวหลินสวินทำสำเร็จในชั่วพริบตา เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

เวลานี้การจู่โจมสังหารของมกุฎอริยะทั้งหมดมาถึงแล้ว

ตูม!

เสียงปะทะชวนประหวั่นสะเทือนโสตประสาทดังก้องนภา เหมือนภูเขาไฟลูกแล้วลูกเล่าปะทุขึ้นพร้อมกัน หมอกแสงเจิดจ้าสาดกระจาย ละอองฝนโหมกระหน่ำ ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วน

“อะไรกัน?!”

เสียงตกตะลึงดังขึ้น

“มีค่ายกลใหญ่วางไว้ดังคาด!”

ห่างออกไปมกุฎอริยะทุกคนแววตาส่องประกายแปลกใจไม่หยุด ล้วนเกินคาดหมายอยู่บ้าง

ในสายตาของพวกเขา ตรงที่หลินสวินยืนอยู่เหมือนแถบหมู่ดาว ธารดาราไหลวนพลิ้วไหว แสงดาวสะท้อนระยับ โคจรพลังที่ลึกซึ้งยากหยั่งถึงออกมา

การโจมตีสังหารทั้งหมดของพวกเขาก่อนหน้านี้ ล้วนถูกสลายด้วยการปะทะค่ายกลนี่!

หลินสวินที่ยืนตระหง่านอยู่ในหมู่ดาว ผมดำพลิ้วไหว อาบไล้ด้วยประกายดาราเปล่งประกายไปทั้งตัว บริสุทธิ์ผุดผ่องและยากจับต้องเหมือนบุตรแห่งดวงดาวจริงๆ

ตูม ครืน!

เสียงปะทะทึบหนักเสียดหูหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง กระหึ่มไปทั่วทิศปานปกคลุมฟ้าดิน ทำให้พื้นปฐพีแตกระแหง

จากนั้นเสียงร้องก็ดังระงมไม่ขาดหู

ก็เห็นว่ารอบค่ายชั่วคราวมีม่านแสงสีทองชั้นหนึ่งปกคลุม ค่ายกลลายมรรคเปลี่ยนเป็นมายาทวยเทพนั่งบัญชาอยู่ภายใน ราวกับอาณาจักรของเหล่าเทพ

การโจมตีน่าพรั่นพรึงที่คำรามก้องมาจากทั่วสารทิศ ล้วนถูกม่านแสงสีทองนั้นขวางไว้ด้านนอก เกิดเสียงปะทะแต่กลับไม่อาจสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย!

“นี่…”

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนต่างแตกตื่นไม่กล้าเชื่อ เดิมพวกเขาคิดว่าอาศัยการโจมตีนี้ ก็พอจะทำลายค่ายชั่วคราวให้พินาศย่อยยับได้แล้ว

แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงที่น่าตระหนกเช่นนี้ขึ้น!

นั่นคือค่ายกลอะไร ถึงกับต้านการโจมตีจากทัพใหญ่ของพวกเขาได้

ในค่ายชั่วคราว ใจที่เคร่งเครียดของเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ยามนี้ล้วนผ่อนคลายลง มีความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ก่อนหน้านี้พวกเขายังเกือบจะลงมืออย่างอดไม่อยู่!

ส่วนผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณอย่างพวกเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน เยวี่ยเจี้ยนหมิง ในยามนี้ก็ต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดี

ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้ในใจของพวกเขาประหม่า ว้าวุ่นและกดดันเพียงใด ยังคิดว่าภายใต้การบุกจู่โจมครั้งนี้ เป็นไปได้สูงว่าจะล้มตายกันเป็นเบือ

แต่ไหนเลยจะคิดว่าม่านแสงสีทองราวบดบังฟ้าคลุมตะวันสายหนึ่งจะปรากฏ ปกป้องพวกเขาทุกคนไว้ภายใน ทั้งหมดล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย!

นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกมึนงงเหมือนดั่งฝัน เมื่อมองไปยังเงาร่างของหลินสวินที่ยืนอยู่กลางอากาศอีกครั้ง ทุกคนก็เผยสีหน้าตื่นเต้น เร่าร้อน และฮึกเหิมอย่างอดไม่ได้

หลายวันนี้พวกเขาต่างรู้ดีว่าหลินสวินยุ่งมาตลอด วางกระบวนค่ายกลอย่างหามรุ่งหามค่ำ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าค่ายกลที่เขาวางนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน

แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้ว!

วู้ม…

ม่านแสงสีทองเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าแผ่ไพศาล เหมือนป้อมปราการที่มั่นคงยากทำลายที่สุดบนโลกปกคลุมค่ายชั่วคราวไว้ภายใน

เบื้องหน้านั้นค่ายกลสังหารยอดนภาแปลงเป็นลักษณ์หมู่ดาวพร่างฟ้า ขับเน้นอยู่รอบตัวหลินสวิน แผ่คลื่นเร้นลับที่พาให้ผู้คนใจสั่นระรัว

ทุกอย่างนี้ทำให้ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนผิดคาด ไม่ทันตั้งตัว สีหน้าวูบไหวไม่หยุด

“ฮึ! ก็แค่ค่ายกลใหญ่เท่านั้น เหยียบมันซะก็จบ!”

คุนป้าชิวแค่นเสียงเย็นชา

“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนในอดีตก็ใช่ว่าไม่เคยถล่มที่นี่มาก่อน”

และมีคนหัวเราะเหี้ยมเกรียม

ต่อให้มีค่ายกลใหญ่ขวางอยู่แล้วอย่างไร

มกุฎอริยะเจ็ดสิบคน กองทัพใหญ่สองแสนหนึ่งหมื่น มีหรือจะยอมรามือ

กำจัดให้สิ้นซากซะก็จบ!

นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น สีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลมกล่าวเฉยชา “เมื่อครู่พวกเจ้าไม่ได้ถามหรือว่าทำไมยังไม่สร้างเมือง เพราะ… ขาดวัตถุดิบอย่างไรเล่า! ตอนนี้พวกเจ้ามาแล้วก็นับว่าเริ่มได้”

คุนป้าชิวพลันยิ้มหยัน เจ้าหมอนี่เอาตัวไม่รอดยังคิดจะสร้างเมือง ช่างเสียสติและบ้าถึงที่สุดจริงๆ!

“ลงมือ!”

มกุฎอริยะทั้งหมดตวาดลั่น

ตูม!

เสียงเป่าเขาสัตว์ก้องกังวาน เสียงกลองศึกดุเดือดดังก้องขึ้นกลางฟ้าดินอีกครั้ง

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนล้อมโจมตีเต็มกำลัง รุกรานดุจสายลม แต่ละคนราวกับพวกอันธพาล ลงมืออย่างไม่ออมแรงแม้แต่น้อย

วิชามรรคพร่างพรายงามตระการ

สมบัติสารพัดสารพัน

…สาดเทลงมาจากกลางฟ้าดินเหมือนไม่เสียดาย เป็นภาพอลหม่านและน่ากลัวหาใดเปรียบ

ต่อให้รู้ดีว่ามีค่ายกลใหญ่ปกป้อง แต่ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณก็ยังอดประหม่าไม่ได้ การโจมตีนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เหมือนเขื่อนแตกกระแสน้ำหลาก พอที่จะบดทำลายพวกเขาได้อย่างง่ายดาย!

แต่หลังจากเห็นว่าการโจมตีพวกนี้ ไม่ว่าจะดุดันและชวนประหวั่นแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังถูกค่ายกลใหญ่ขวางไว้โดยไม่มีข้อยกเว้น ใจที่ตึงเครียดของผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง

ตรงกันข้ามด้านทัพใหญ่เจ็ดดินแดนนั้น แต่ละคนกลับสีหน้าอึมครึมกรุ่นโกรธ

ค่ายกลใหญ่แห่งหนึ่ง ถึงกับไม่อาจถูกสั่นคลอน?

พวกเขาไม่เชื่อ!

เพียงพริบตาการโจมตีของพวกเขาดุดันยิ่งกว่าเดิมแล้ว อริยะแท้มากมาย ราชันระดับอมตะเคราะห์ทั้งหมดล้วนใช้พลังที่แท้จริง

เพียงแต่พวกเขาไม่สังเกตเห็นสักนิดว่าส่วนลึกใต้ดินใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา กำลังมีค่ายกลลายมรรครอยแล้วรอยเล่าโคจรอย่างเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง

“ตาย!”

บนท้องฟ้ามกุฎอริยะทั้งหมดลงมือแล้ว กำลังถล่มจู่โจม ‘ค่ายกลสังหารยอดนภา’ ที่อยู่หน้าหลินสวิน

การโจมตีของพวกเขาน่าหวาดกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย พลังของวิชามรรคที่ใช้ อานุภาพของสมบัติอริยะที่ควบคุม ล้วนเรียกได้ว่าน่าพรั่นพรึงไร้ขีดจำกัด

ภายใต้การกระหน่ำโจมตีนี้ ค่ายกลสังหารยอดนภาม้วนซัดไปพักหนึ่ง ดวงดาวโดยรอบส่องแสงระยับปั่นป่วน

“เจ้าสวะ ตอนนั้นไม่ใช่ว่าเจ้าคนเดียวเคยบีบจนเมืองอารักษ์มรรคของดินแดนโบราณมารโลหิตไม่มีใครกล้าออกมาสู้หรือ ทำไมตอนนี้เจ้ากลับหดหัวไม่ออกมาเล่า”

มีคนหัวเราะลั่น กล่าวเหน็บแนม

“ข้าแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าพลาดเหตุการณ์ยอดเยี่ยมยามสร้างเมือง”

น้ำเสียงของหลินสวินเฉยชา

“ฮ่าๆๆ เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วรึ ค่ายกลใหญ่ตรงหน้าจะถูกทำลายอยู่แล้ว ยังคิดจะสร้างเมืองอีกหรือ”

ผู้คนมากมายต่างเริงร่า หัวเราะลั่นไม่หยุด

ช่างไร้สาระจริงๆ ทัพใหญ่บีบอยู่ตรงหน้า เจ้าหมอนี่คิดว่าอาศัยค่ายกลพวกนี้แล้วจะต้านการสังหารของพวกเขาได้หรือ

ยามนี้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่อยู่ในค่ายชั่วคราวก็ยังแปลกใจไม่หยุด เวลานี้หลินสวินยังมีความคิดจะสร้างเมืองอีกหรือ

“น่าจะได้เวลาแล้ว เบิกตาสุนัขของพวกเจ้าดูให้ดี!”

กลับเห็นหลินสวินก้าวไปข้างหน้าทันที ชี้นิ้วไปยังที่ห่างไกล ริมฝีปากขยับพูดคำหนึ่งออกมาเบาๆ

“ทะยาน!”

ตูม!

นอกระยะสามสิบลี้ ที่นั่นมีทัพใหญ่ของศัตรูครองอาณาเขตอย่างแน่นหนา แต่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขากลับมีอักขระพร่างฟ้าพุ่งออกมา งามแปลกตาเหมือนตะวันเต็มดวงมากมายลอยขึ้นมาจากใต้ดิน!

ชั่วพริบตา ‘ค่ายกลสังหารแดนพิฆาต’ ทะยานสู่ฟากฟ้า

ทันทีที่โคจรก็เห็นกระบี่เทพเรือนพันเรือนหมื่นที่รวมตัวจากอักขระพุ่งสังหารออกมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

“แย่แล้ว!”

“หลบเร็ว!”

เสียงร้องตะโกนดังก้อง แต่หลบหลีกไม่ทันแล้ว ก็เห็นว่าในพื้นที่แถบนั้น ขอแค่เป็นศัตรูที่ถูกค่ายกลใหญ่ปกคลุมไว้ภายในล้วนถูกโจมตีจนถึงชีวิต

ฉึบๆๆ!

เงาร่างกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกปราณกระบี่ดุดันไร้ใดเปรียบสังหารราววัชพืช เลือดแดงสดและซากศพที่แตกละเอียดสาดพรม

แค่ชั่วพริบตาอย่างน้อยก็มีศัตรูนับร้อยถูกฆ่า ภายในนั้นยังมีอริยะแท้หลายคนที่หลบไม่ทันด้วย!

ตูม!

เมื่อค่ายกลสังหารแดนพิฆาตโคจรเต็มกำลัง กลางฟ้าดินก็เหมือนมีกระบี่เทพนับไม่ถ้วนคำรามก้องอย่างบ้าคลั่ง ตัดสะบั้นฟ้าดิน มีอานุภาพที่ไม่อาจทัดเทียม

และศัตรูที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็ล้วนถูกปกคลุมอยู่ในนั้น ไม่มีใครหนีรอด ถูกปราณกระบี่ชิดถี่ม้วนพัด บดละเอียดและล้างบางราวกระแสน้ำหลาก!

อานุภาพน่าหวาดกลัวนั้นทำให้ ณ ที่นั้นอลหม่านไปทั้งแถบ เสียงอุทาน หวีดร้อง คำรามและโหยหวนดังระงมไม่ขาดหู

เพียงพริบตาเหล่ามกุฎอริยะที่กำลังจะถล่ม ‘ค่ายกลสังหารยอดนภา’ ต่างนัยน์ตาหดรัด สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ในพื้นที่ใกล้เคียงนี้มีค่ายกลสังหารน่ากลัวไร้ขีดจำกัดซ่อนอยู่ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขากลับไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย!

ในค่ายชั่วคราวผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณทั้งหมดก็ยังสูดหายใจเย็นเยียบ ตื่นเต้นจนเบิกตากว้าง นี่คือกระบวนท่าสังหารที่แท้จริงซึ่งหลินสวินดักซุ่มไว้หรือ

แกร่งไปแล้ว!

แค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ก็มีศัตรูสามพันกว่าคนถูกค่ายกลสังหารแดนพิฆาตกวาดล้างสิ้น ซากศพและน้ำเลือดกองอยู่กับพื้น กลิ่นอายคาวเลือดทะยานฟ้า

ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่โชคดีหนีออกจากค่ายกลสังหารใหญ่ได้ต่างตกใจจนหน้าซีดเผือด ล้วนมีความรู้สึกตื่นตระหนกเหมือนหนีรอดจากความตายมาได้

ภาพต่างๆ เมื่อครู่นั้นนองเลือดและน่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

………………..