สายตาของหลินสวินก้มมองเงาร่างหลายหมื่นที่อยู่ในค่าย เห็นสีหน้ากระวนกระวาย ประหม่าและเฝ้ารอที่อยู่บนใบหน้าพวกเขาแล้ว

ในใจเกิดฮึกเหิมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กล่าวว่า “ศึกนี้ไม่จำเป็นต้องให้ทุกท่านออกโรง แค่คอยรับชมก็พอ”

เสียงกึกก้องสะท้านปฐพีดังกระหึ่มไปทั่วทิศ

เซ่าเฮ่าและรั่วอู่ชะงักไปพร้อมกัน

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ยังอึ้งงัน

หลินสวินจะต้านทัพใหญ่เจ็ดดินแดนด้วยตัวคนเดียวหรือ

เพียงพริบตาในค่ายที่กว้างใหญ่นั้นเงียบสงัดไปทั้งแถบ แต่ละคนต่างท่าทางยากจะเชื่อ

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างตัดสินใจแล้วว่าจะร่วมเป็นตายไปพร้อมกับค่ายทัพ มองข้ามความเป็นตายกันไปแล้ว แต่ไหนเลยจะคิดว่าหลินสวินกลับหมายจะต้านศึกตัวคนเดียว

นี่ทำให้ผู้คนรู้สึกผิดคาดเกินไป อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน!

“พี่หลิน นี่เจ้า…”

เซ่าเฮ่าอดกล่าวไม่ได้

หลินสวินสองมือไพล่หลัง นัยน์ตาดำล้ำลึกยิ้มกล่าว “พี่เซ่าเฮ่า เจ้าก็เหมือนแม่นางรั่วอู่ แค่อยู่ในค่ายคอยรับชมก็พอ”

ไม่ว่าสีหน้า คำพูดหรืออากัปกิริยา… ล้วนไม่ตื่นตระหนกตกใจ หากไม่เป็นเช่นนี้ เกรงว่าพวกเซ่าเฮ่าและรั่วอู่คงได้สงสัยว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไม่แน่ๆ

นั่นเป็นถึงมกุฎอริยะเจ็ดสิบคน ทัพใหญ่สองแสนหนึ่งหมื่นเชียวนะ!

กวาดสายตามองทั่วสมรภูมิเก้าดินแดน ใครเล่าจะกล้าประกาศเหมือนหลินสวิน ว่าจะต้านทัพใหญ่พันธมิตรเจ็ดดินแดนด้วยตัวเอง

นี่ไม่ใช่ใจกล้าแล้ว แต่เป็นบ้าระห่ำจริงๆ!

ทุกคนในค่ายชั่วคราวต่างจิตใจปั่นป่วน เขาหลินสวิน… เอาความมั่นใจและความเชื่อมั่นมาจากไหนกันแน่

“ช่างเถอะ พวกข้าเองก็จะบ้าเป็นเพื่อนเจ้า!”

เซ่าเฮ่าสูดหายใจลึก น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว

“เจ้าไม่ต้องดึงดันสู้คนเดียว นี่คือค่ายของดินแดนรกร้างโบราณ พวกเราทุกคนไม่มีทางมองเจ้าไปสู้สุดชีวิตคนเดียวตาปริบๆ แน่”

รั่วอู่กล่าวจริงจัง

ทุกคนในค่ายก็พากันพยักหน้า

ศัตรูมาเร็วกว่าที่คาดเอาไว้

วู้ๆๆ…

ทันใดนั้นเสียงเป่าเขาสัตว์ระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้นทั่วทิศรอบค่ายชั่วคราว ภายในนั้นยังมีเสียงกลองศึกกึกก้องแทรกสลับ ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น คลื่นลมเปลี่ยนสี

สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าไอสังหารชวนประหวั่นราวพยับเมฆดำทะมึน ไม่นานก็แผ่ขยายมาบดบังเวิ้งฟ้าเหนือค่ายชั่วคราวจนมืดสลัวไปทั้งแถบ!

ในค่ายเงียบสนิท แต่ละคนพลันหยุดหายใจ เสียงเป่าเขาสัตว์ที่แผ่ไพศาล เสียงกลองที่ดังกัมปนาทนั้นราวกับค้อนยักษ์ฟาดใส่ใจอย่างหนักหน่วง ทำเอาทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

ศัตรูที่แข็งแกร่งยังไม่มา ไอสังหารมืดฟ้ามัวดินก็มาถึงแล้ว!

เวลานี้ต่อให้มีความเชื่อมั่นในตัวหลินสวินแค่ไหน ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณหลายหมื่นในค่ายก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ไม่ทันไรพื้นปฐพีก็สั่นสะเทือน หินทรายปลิวว่อน ไอสังหารเหมือนวายุอสนีบาตโหมกระหน่ำ ปกคลุมค่ายชั่วคราวไว้ภายในอย่างสมบูรณ์

พริบตานั้นช่างเหมือนวันสิ้นโลกใกล้จะมาเยือนจริงๆ

แม้แต่เซ่าเฮ่าและรั่วอู่ก็ต่างนัยน์ตาหดรัด พุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศ กวาดสายตามองไปรอบทิศ

บนเส้นขอบฟ้าที่ห่างออกไปมีควันไฟมากมายปรากฏ เปลี่ยนเป็นเมฆดำชวนประหวั่นมืดฟ้ามัวดิน มีเสียงกลองศึกกัมปนาทดังกระหึ่มทั่วหล้า มีเสียงเป่าเขาสัตว์ดังสลับแทรกซ้อน ไอสังหารม้วนกลืน

เมื่อมองดูโดยละเอียดก็เห็นเงาร่างแน่นขนัดราวกระแสน้ำ แผ่มาจากทั่วสารทิศเหมือนเกลียวคลื่นสีดำหลายสาย

เมฆดำประชิดเมือง เหมือนจะถล่มให้ราบคาบ!

เงาร่างน่าเกรงขามมากมายที่เหมือนดั่งทวยเทพ นำทัพใหญ่เจ็ดดินแดนแห่กันมาทางค่ายชั่วคราวจากต่างทิศทาง

มกุฎอริยะแต่ละคนราวกับนายเหนือหัว ไม่ปิดบังกลิ่นอายน่ากลัวบนตัวแม้แต่น้อย ทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย

ด้านหลังพวกเขาเป็นทัพใหญ่หลายหมื่น มีอริยะแท้หลายพัน มีมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์อีกนับไม่ถ้วน…

เมื่อรวมตัวกัน แค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวพวกเขาก็วิวัฒน์เป็นลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่น โหมทำลายอยู่กลางฟ้าดินแล้ว

นี่ไม่ใช่กองทัพใหญ่ที่รวมคนธรรมดาไว้ด้วยกัน และไม่ใช่กองทัพผู้ฝึกปราณทั่วไป

หากแต่เป็นทัพใหญ่หลายขบวนที่นำโดยมกุฎอริยะ และรวมอริยะแท้กับราชันระดับอมตะเคราะห์มากมายไว้ด้วยกัน!

ภาพเหตุการณ์นั้นหากเกิดขึ้นในดินแดนรกร้างโบราณ คงพอจะทำให้ใครก็ตามสิ้นหวัง

เซ่าเฮ่าและรั่วอู่สบตากันวูบหนึ่ง สีหน้าต่างจริงจังขึ้นมา สะท้านอยู่ในใจ แค่มกุฎอริยะเจ็ดสิบคนก็เป็นจำนวนที่น่ากลัวยิ่งแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีทัพใหญ่จำนวนสองแสนหนึ่งหมื่นคนอีก พวกที่พลังปราณอ่อนแอที่สุดก็ล้วนเป็นราชันระดับอมตะเคราะห์ทั้งสิ้น!

ศึกนี้หลินสวินจะต้านทานคนเดียวได้หรือ

ในใจทั้งคู่ต่างสั่นคลอนทันที สายตามองไปยังหลินสวินที่ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าค่ายที่ห่างออกไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

หลินสวินยังยืนอยู่ตรงนั้น เงาร่างนิ่งไม่ไหวติงเหมือนหินผาที่ไม่ขยับมาชั่วนิรันดร์กาล มีเพียงในมือที่มีน้ำเต้าสุราเปลือกเขียวลูกหนึ่งเพิ่มขึ้นมา เขากำลังร่ำสุรา ท่าทางผ่อนคลาย ราวกับมองไม่เห็นศึกใหญ่ที่ใกล้จะมาเยือน

“เจ้าสวะคนไหนที่ชื่อว่าหลินสวิน ไสหัวออกมาซะ!”

ทันใดนั้นเสียงตวาดหนึ่งดังก้องฟ้า ร่างสูงใหญ่ดั่งเทพอสูรมารทะลวงขึ้นเหนือเมฆ

นี่คือชายห้าวหาญที่ผมเผ้าหนวดเคราดุจสีหมึก ร่างสูงประมาณสิบกว่าจั้ง มีคลื่นน้ำวนมากมายแผ่คลุมไปทั้งตัวคนหนึ่ง

สิ่งที่ทำให้ผู้คนใจสะท้านคือ หลังศีรษะเขามีเงาแสงจักระเทพสายหนึ่งปรากฏ คุนมหึมาตัวหนึ่งกำลังสร้างคลื่นลมกระเพื่อมไหวแผ่ไพศาลอยู่ภายใน

คุนป้าชิว!

มกุฎอริยะของเผ่าจักรพรรดิตระกูลคุนในดินแดนโบราณขุมอุดรคนหนึ่ง และเป็นผู้นำคนหนึ่งในทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนครั้งนี้ด้วย

แค่เสียงตวาดเดียวเท่านั้น แต่กลับดังก้องอยู่ในใจทุกคนราวเสียงฟ้าร้อง ทำให้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี อานุภาพเช่นนี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ฮึ!”

ในดวงตาเซ่าเฮ่าฉายแววเยียบเย็นทันที ขณะกำลังจะเคลื่อนไหว

กลับเห็นว่ายามนี้หลินสวินดีดนิ้วเบาๆ แล้วก้าวไปข้างหน้าทันใด เมื่อเสียงตู้มดังขึ้น อานุภาพน่ากลัวที่ไม่อาจบรรยายก็ทะลุทะลวงออกมาจากร่างเขา

พริบตานั้นผมดำของเขาพลิ้วไหว แสงเจิดจ้าไหลวนไปทั่วร่าง บดขยี้ทำลายเมฆดำและไอสังหารที่บดบังเวิ้งฟ้านั่นจนราบคาบ!

ส่วนอานุภาพของคุนป้าชิวที่บีบกดลงมานั้นก็ถูกสะบั้นแหลกในพริบตา เขาหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แววอำมหิตในดวงตาไหววูบ

ขณะเดียวกันทุกคนในค่ายชั่วคราวก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัวทันที แรงกดดันและความไม่สบายตัวทั้งหมดพลันหายไป

เมื่อมองไปที่หลินสวินอีกครั้ง ในแววตาของพวกเขาก็เจือความฮึกเหิมสายหนึ่ง!

เวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นกับตา ว่าหลินสวินที่ก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะนั้นแข็งแกร่งระดับใด!

ด้านนอกค่ายชั่วคราว ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนที่บีบกดมาจากทั่วสารทิศ ต่างก็เหลือบสายตาไปยังหลินสวินที่ยืนอยู่กลางอากาศแล้ว

พวกเขาเพิ่งเคยเจอเจ้าหนุ่มที่บุกสังหารจนโลกมารโลหิตเลือดหลั่งรินเป็นกระแสน้ำ ปิดล้อมเมืองแห่งหนึ่งด้วยตัวคนเดียวนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน!

ตอนนี้ดูท่าจะโดดเด่นเหนือธรรมดาดังคาด

มกุฎอริยะทั้งหมดที่มาจากเจ็ดดินแดนยังเผยความประหลาดใจออกมาอย่างอดไม่อยู่ ตระหนักว่าข่าวลือไม่ได้กล่าวเกินจริง

ดินแดนรกร้างโบราณถึงกับมีบุคคลที่เจิดจรัสคนหนึ่งเช่นนี้ได้ ไม่อาจไม่พูดว่าเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง

แต่…

ก็แค่นี้เท่านั้น!

ครั้งนี้พวกเขาเตรียมการมาก่อน

มกุฎอริยะเจ็ดสิบคนออกโจมตี ไม่ว่าจะเป็นใครในแปดยอดนภาครามก็ไม่กล้าชักดาบต่อสู้!

กลางอากาศหลินสวินเก็บน้ำเต้าสุราเปลือกเขียวในมือลงไป สายตาเหลือบมองคุนป้าชิวเล็กน้อยแล้วกล่าว

“จากประโยคนี้ เจ้าจะได้ตายอนาถมาก”

เสียงเฉยชาเจือการดูหมิ่นอย่างไม่ปิดบังดังก้องอยู่กลางฟ้าดินที่กว้างใหญ่นี้ ทำเอาทุกคนตื่นตะลึงไปพักหนึ่ง

ทัพใหญ่ประชิดเมือง พวกเขาดินแดนรกร้างโบราณอับจนหนทาง เจ้าหมอนี่ยังกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้อีกหรือ

“ฮ่าๆ คุนป้าชิว ได้ยินแล้วใช่ไหม เจ้าสวะนี่ไม่คิดจะไว้ชีวิตเจ้าแล้ว”

มีคนหัวเราะลั่น

ตามมาด้วยเสียงหัวเราะปกฟ้าคลุมดิน

และมีคนทำเสียงหยอกล้อ แสร้งกล่าวประหลาดใจ “พวกเจ้าบอกว่าจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นใหม่ไม่ใช่หรือ ทำไมแลดูเปล่าเปลี่ยวไม่เป็นเมืองเช่นนี้เล่า”

มีคนหัวเราะแล้ว “ไม่ถูกสิ พวกเจ้าดู ภูเขาใหญ่ทองอร่ามหลายลูกนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นก้อนอิฐที่พวกเขาจะใช้สร้างเมือง แน่นอน ก็เป็นแค่หินสุมกองกันเท่านั้น”

ทัพใหญ่พันธมิตรเจ็ดดินแดนดูไม่เกรงกลัวสิ่งใด สงบนิ่งยิ่งนัก สีหน้าเจือรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม โหดร้าย อำมหิต

ตอนแรกพวกเขายังคิดว่าที่นี่จะมีเมืองแห่งหนึ่งผุดขึ้นมาแล้ว ไหนเลยจะคิดว่ายามพวกเขาบุกมาถึงจะไม่มีแม้แต่กำแพงเมืองกั้นลมฝน!

มีแค่แพะสองขาของดินแดนรกร้างโบราณหลายหมื่นอยู่รวมกัน ดูน่าสมเพชเหมือนแพะรอเชือดอย่างไรอย่างนั้น

นี่ทำให้พวกเขาสงบนิ่งยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไร กำเริบเสิบสานเป็นอย่างยิ่ง

“น่าชังนัก!”

“พวกสวะนี่ยังกำเริบเสิบสานเช่นนี้อีก!”

เหล่าผู้กล้าในค่ายชั่วคราวเดือดดาล สีหน้าไม่น่าดูอย่างยิ่ง แต่ละคนโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ทุกท่าน อย่าดูถูกแพะสองขาพวกนี้เชียว ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะวางพลังผนึกมากมายไว้ที่นี่แล้วก็เป็นได้”

ชายชราหน้าเด็กผมสีขนนกกระเรียน สวมชุดนักพรตคนหนึ่งกล่าวเตือน

หลินสวินเก็บรอยยิ้มที่มุมปาก เหลือบมองชายชรานั่นเล็กน้อย สีหน้าราบเรียบกล่าวว่า “เจ้าพูดไม่ผิด ในรัศมีร้อยลี้นี้ถูกข้าวางกระบวนผนึกไว้หมดแล้ว อ้อ สถานที่ที่พวกเจ้ายืนอยู่ตอนนี้ก็อยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ด้วย”

ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา ทั่วทั้งลานก็ตกตะลึง

คุนป้าชิวและมกุฎอริยะทั้งหมดต่างดวงตาวาววาบ แผ่จิตรับรู้ออกไป แต่ตั้งแต่ต้นจนจบก็สัมผัสไม่ได้แม้แต่กลิ่นอายของพลังผนึกใดๆ

“ฮึ ใช้อุบายลวงคน!”

มีคนจองหอง “ต่อให้มีกระบวนผนึกแล้วอย่างไร จะต้านการจู่โจมสังหารของพวกข้าได้งั้นรึ”

คนอื่นก็ต่างยิ้มเย็นขึ้นมา

ใช่แล้ว ต่อให้มีกระบวนผนึกแล้วอย่างไร ซัดมันให้พังก็พอแล้ว!

“ต้านการจู่โจมสังหารของพวกเจ้าหรือ”

กลับเห็นหลินสวินเผยความหยามเหยียด “โง่เง่า ยามข้าวางกระบวนค่ายกล แต่ไหนแต่ไรก็คิดแค่ว่าจะล้างบางพวกเจ้าอย่างไรดี ไม่เคยคิดจะเป็นฝ่ายตั้งรับมาก่อน”

“ล้างบางพวกเรารึ”

คุนป้าชิวโกรธจัดจนกลายเป็นหัวเราะ เหมือนได้ยินเรื่องน่าขันครั้งใหญ่

ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนหลายหมื่นก็หัวเราะตามมา เจ้าหลินสวินนี่ช่างบ้าระห่ำถึงขั้นไม่รู้ดีชั่วจริงๆ!

“พูดไร้สาระกับเขาให้น้อยหน่อย ลงมือเถอะ!”

มีคนตวาดลั่น

“เอาตามนั้น พวกเราลงมือพร้อมกัน สังหารเจ้าหมอนี่ คนอื่นๆ ไปเหยียบที่นี่ให้สิ้นซาก จำไว้ ไม่อนุญาตให้ปล่อยแพะสองขาไปแม้สักคน!”

และมีคนกล่าวเสียงกึกก้อง ไอสังหารทะลุทะลวง

ตูม!

พริบตานี้ไอสังหารไร้ใดเปรียบกึกก้องสนั่นฟ้าดิน ใต้หล้าปั่นป่วน เมฆลมเปลี่ยนสี ทัพใหญ่เจ็ดดินแดนทั้งหมดเคลื่อนไหวพร้อมกัน

แค่กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงนั้นก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณแข็งทื่อไปทั้งตัว ผิวหนังพลันแสบแปลบ

นี่หากต้องปะทะซึ่งหน้า คงไม่ต่างอะไรกับการเอาไข่ไปกระทบหิน!

ขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็น ว่ามีพลังขับเคลื่อนของมกุฎอริยะหลายสิบสายมุ่งเป้ามาที่ตนจากทั่วสารทิศ

“ออกโจมตี!”

คุนป้าชิวตวาดลั่น เสียงราวฟ้าร้อง

พร้อมกันนี้หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง รุ้งเทพผุดผ่องงามแปลกตาแถบหนึ่งพลันพุ่งออกไป

……………