ตอนที่ 1635: รุกเข้าดินแดน (4)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1635: รุกเข้าดินแดน (4)

หลังจากที่พักเป็นเวลาถึง 1 ปี เราก็กลับมาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำตามคำสั่งที่จิตวิญญาณราชันย์ทิ้งไว้ให้เรา ในฐานะจอมยุทธขั้นแลกเปลี่ยนเพียงคนเดียวในบรรดาผู้อาวุโสและผู้พิทักษ์ เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ขณะที่จ้องมองไปทางผู้อาวุโสและผู้พิทักษ์อย่างโหดเหี้ยม

แม้ว่าซ่างกวนมู่เอ๋อของทวีปเทียนหยวนที่พวกเราทุกคนต่างก็กลัว แต่ข้าก็สงสัยว่านางจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการสนทนาในทวีปเทียนหยวนครั้งนี้หรือไม่ ? อย่าไงก็ตามทุกคนต้องระวัง การเสียสละของคนของเราที่ปกป้องวิกฤติของโลกมีเป็นจำนวนมาก ในเวลาเดียวกันสิ่งเหล่านี้คือคำสั่งของจิตวิญญาณราชันย์ที่มอบหมายให้เป็นการส่วนตัว แม้ว่าซ่างกวนมู่เอ๋อจะวางแผนแทรกแซง เราก็ไม่สามารถยอมได้ ทั้งหมดที่เราต้องได้คือผลประโยชน์ของโลกเรา เราได้จ่ายให้โลกนี้เพียงพอแล้ว ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจะได้รับมันคืน ออกไปกันเถอะ พวกเรา ! เฉียงซ่งพูดด้วยเสียงหนักแน่น เขาโบกมือให้ผู้พิทักษ์และผู้อาวุโสทุกคนออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์และมุ่งตรงไปยังทวีปเทียนหยวน

มีหมู่บ้านธรรมดาใกล้กับเทือกเขาครอสในทวีปเทียนหยวน ชาวบ้านที่อยู่อาศัยที่นั่นต่างอยู่รอดด้วยการทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพ แม้ว่าจะมีหนุ่มสาวบางคนที่บ่มเพาะพลังเซียน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก พวกเขาสามารถจัดการได้แค่สัตว์อสูรระดับต่ำเท่านั้น

ชายชราที่สวมเสื้อผ้าหยาบ ๆ กำลังเหวี่ยงจอบลงดิน มือของเขาเต็มไปด้วยดินและก้มลงปลูกผักต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง ดวงตาที่ฝ้าฝางที่แสดงให้เห็นว่าผ่านโลกมามากในชีวิตของเขา

ฮุสตัน คนจากต่างโลกมาแล้ว กรุณามาที่เมืองอัคนีทันที !

ในเวลานี้มีเสียงที่ดังออกจากที่ไกล ๆ เข้ามาในใจของชายชรา

ใบหน้าของชายชรายังคงเหมือนเดิม หลังจากที่ปลูกต้นกล้าเสร็จแล้ว เขาก็ปัดดินและหายไปในวินาทีต่อมา เหลือเพียงจอบธรรมดาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่พื้นดิน

ชายชราสี่คนนั่งอยู่บนหินลูกใหญ่ พวกเขาต่างหันหน้าเข้าหากันที่อยู่บนเกาะที่โดดเดี่ยวของมหาสมุทร พวกเขากำลังคุยอะไรบางอย่าง

พี่ใหญ่ ความเข้าใจของเขาในการสร้างค่ายกลกระบี่นิพพานเพิ่มขึ้นอีกขั้นแล้ว นอกเหนือจากความเข้าใจในทักษะกระบี่ทั้งสามกระบวนท่าที่ปรากฏในใจของข้าหลังจากทะลวงขั้น ข้าก็ไม่อาจใช้อันอื่นได้อีกเพราะความแข็งแกร่งของข้าไม่เพียงพอ แม้ว่าการบ่มเพาะของข้าจะไม่เพิ่มขึ้นเลย แต่ความกล้าหาญในการต่อสู้ของข้าก็ขึ้นมาถึงระดับใหญ่เมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ ข้ารู้สึกว่า ข้าไร้พ่ายในขั้นเดียวกันสำหรับคู่ต่อสู้ในขั้นรับมอบช่วงแรก ถ้าข้าใช้ทักษะกระบี่อันนี้ อาซือกล่าว น้ำเสียงของเขาไม่มีความตื่นเต้นแม้แต่น้อย

อาต้าพยักหน้า ในปีก่อนอาซือไม่ใช่คนเดียวที่มีความก้าวหน้ามากมาย พี่น้องอีกสามคนก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เจี้ยนเฉินยังคงปิดด่าน ข้าสงสัยว่าเขาจะออกมาเมื่อไหร่ ดูเหมือนว่าเราต้องเลื่อนเวลาในการรอเขาเพื่อไขข้อสงสัยของเราไปเรื่อย ๆ อาต้าจ้องมองไปที่ท้องฟ้าและถอนหายใจเบา ๆ

อาต้า, อาเอ้อ, อาซาน, อาซือ คนจากต่างโลกมาถึงแล้ว โปรดมาที่เมืองอัคนีทันที

ในเวลานี้เสียงแบบเดียวปรากฏขึ้นในใจของพวกเขาทั้งสี่ ทำให้พวกเขาหรี่ตาลง

หลังจากที่เงียบเป็นเวลาสั้น ๆ อาซือมองไปที่อาต้า เขาพูด พี่ใหญ่ เราจะไปกันหรือไม่ ?

เราอยู่ในโลกนี้ โลกนี้เป็นบ้านของเรา ดังนั้นเราจะไม่ไปได้อย่างไร ? อาต้ากล่าวก่อนที่จะยืนอยู่บนหิน เขาพร้อมที่จะออกไปพร้อมกับพี่น้องของเขา

ในเวลาเดียวกันเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในอาณาจักรทะเลและเทพเจ้าสงครามจากทวีปแห่งความสูญเปล่าก็ได้รับข้อความจากทวีปเทียนหยวนเช่นกัน ในขณะที่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมในโลกได้ถูกระดมกำลังและพวกเขาก็รีบมายังทวีปเทียนหยวน

เช่นเดียวกันเถี่ยต้าที่กำลังจะไปทวีปเทียนหยวน เขาก็หยุด หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เปลี่ยนทิศทางไปหาพวกเอลฟ์

การมาถึงของเทพเจ้าสงครามได้ทำให้พวกเอลฟ์ตื่นตัว พวกเขาทั้งหมดต้อนรับอย่างสุภาพ ในท้ายที่สุดแล้วเถี่ยต้าก็เข้าไปยังบริเวณต้องห้ามพร้อมกับราชินีเอลฟ์

รอข้าด้านนอก เถี่ยต้าพูดกับราชินีเอลฟ์ด้วยน้ำเสียงเบา ๆ

เจ้าค่ะ ! ราชินีเอลฟ์ตอบอย่างสุภาพและอยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟัง

เถี่ยต้ายืนนิ่งต่อหน้าต้นไม้เทพเจ้าเอลฟ์ที่สวมเสื้อคลุมสีทอง ทำให้เขาดูน่าเกรงขามอย่างมาก ดวงตาของเขาส่องแสงขณะที่เขาสังเกตดูต้นไม้แห่งชีวิตเป็นเวลานาน

ในเวลาเดียวกันพลังชีวิตสีเขียวได้รวมตัวกันเป็นร่างเงาด้านหน้าต้นไม้เทพเจ้าเอลฟ์ ร่างของนางพร่ามัวทำให้เห็นนางได้ไม่ชัด นอกจากความจริงที่ว่านางเป็นผู้หญิง

เอเดรียนน่าแห่งเผ่าเทพคารวะเทพเจ้าสงครามผู้ยิ่งใหญ่ ! ภาพเงาได้คุกเข่าลงและก้มหัวจรดพื้น นางทักทายเถี่ยต้าด้วยการคุกเข่าและก้มหัว นางเป็นคนที่สุภาพอย่างมาก

เถี่ยต้ายืนอยู่ที่นั่น ขณะที่เสื้อคลุมสีทองของเขาปลิวไหวเบา ๆ เขาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่คุกเข่าและถามว่า เจ้าเป็นใคร ? เถี่ยต้ารู้อยู่แล้วว่าต้นไม้เทพเจ้าเอลฟ์มีความพิเศษ แต่ความเข้าใจของเขาที่มีต่อมันก็ไม่ได้มากเท่ากับเจี้ยนเฉินหรือจิตวิญญาณราชันย์ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่รู้จักเอเดรียนน่าจริง ๆ ว่านางได้สืบเชื้อสายมาจากเผ่าราชาเทพจากเขา เทพเจ้าสงคราม

เอเดรียนน่าไม่ได้ปิดบัง นางบอกทุกอย่างเกี่ยวกับตัวตนและต้นกำเนิดของนาง นางทำให้เถี่ยต้าตะลึงทันที

เจ้าเป็นราชาเทพจริง ๆ หรือ ? และราชาเทพนั่นยิ่งใหญ่ที่สุดในเผ่าเทพ ? เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้หลอกข้า ? เถี่ยต้าถามอย่างไม่เชื่อ แค่จิตวิญญาณราชันย์ที่ไม่ได้พลังรบเท่าไหร่ก็กดดันทวีปเทียนหยวนอย่างมากแล้ว ตัวตนอย่างราชาเทพก็ไม่อาจมีอยู่ได้

เถี่ยต้าพบว่ามันไม่สมเหตุสมผล ด้วยพลังของราชาเทพจะมาคุกเข่าด้านหน้าของเขาได้อย่างไร

ข้าบอกความจริงทั้งหมด ข้าไม่ได้โกหกท่าน เทพเจ้าสงครามผู้ยิ่งใหญ่ ! หน้าผากของเอเดรียนน่ายิ่งจรดพื้นเข้าไปอีก ความเครารพของนางมาจากก้นบึ้งของหัวใจและไม่ใช่การเสแสร้ง

เถี่ยต้าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และถามว่า ทำไมข้าไม่เห็นเจ้าเมื่อข้ามาที่นี่ในอดีต ? เจ้าไม่แม้แต่จะพูดกับข้าสักคำ และทำไมเจ้าถึงไม่เรียกข้าอย่างนี้ก่อนหน้านี้ ?

ตอนนั้นยังไม่ถึงเวลา ข้าเลยไม่ได้ทักทายเทพเจ้าสงคราม โปรดยกโทษให้ข้า ข้าข้ามีคำขอให้กับท่าน เทพเจ้าสงครามในคราวนี้เพราะเรื่องของจิตวิญญาณปราชญ์ เอเดรียนน่าพูด

จิตวิญญาณปราชญ์ ? เถี่ยต้าถามอย่างสงสัย

จิตวิญญาณปราชญ์เป็นผู้คนจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง แม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าพวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร พวกเขาก็เป็นเศษซากจากโลกวิญญาณและตระกูลใหญ่และเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ในโลกเซียน แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะปฏิเสธ แต่พวกเขาก็ยังมีมรดกอยู่ ข้าได้รู้ว่าเทพเจ้าสงครามกำลังเดินทางไปทวีปเทียนหยวนในครั้งนี้เพื่อเจรจากับจิตวิญญาณปราชญ์เกี่ยวกับเรื่องของดินแดน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ข้าต้องการเห็นเทพเจ้าสงครามและขอให้เขาดึงจิตวิญญาณปราชญ์อยู่ข้างท่าน มันจะเป็นการช่วยเหลือที่ดีสำหรับเผ่าเทพในอนาคต เอเดรียนน่าพูด

..

จวนเจ้าเมืองอัคนีตอนนี้กลายเป็นว่างเปล่า มีเพียงทหารชนชั้นสูงเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ด้านนอก ถึงแม้ว่าทหารเหล่านี้จะมีน้อยที่สุดเท่าที่จะเคยมีมา แต่พลังโดยรวมก็ถือว่ามากที่สุดในประวัติศาตร์

จวนเจ้าเมืองอัคนีเป็นสถานที่เจรจาชั่วคราวด้านข้อตกลง หยางลี่, กุยไฮ่ยี่เต่า, ฮุสตัน, เทพเจ้าแห่งท้องทะลและคนอื่น ๆ พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองในระหว่างการเจรจาในครั้งนี้ แต่พวกเขาต้องการจะหยุดความกลัวต่อจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมของต่างโลกในระหว่างการเจรจานี้เช่นกัน ในโลกนี้มีเพียง 3 สถานที่เท่านั้นที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ และมีสองที่ที่พวกเขาไม่อาจจัดการได้

ที่แรกคือ โถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเมืองทหารรับจ้าง ถัดมาคือเกาะสามเซียน และสุดท้ายคือเมืองอัคนี

โถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเมืองทหารรับจ้างเป็นขุมทรัพย์ที่มีความสามารถในการป้องกัน หากพวกเขาจัดการเจรจาที่นั่น จอมยุทธจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งจะไม่อาจเข้าร่วมได้ สำหรับเกาะสามเซียน หยางลี่และคนอื่น ๆ ก็ไม่มั่นใจในการโน้มน้าวซ่างกวนมู่เอ๋อ พวกเขาจึงได้แต่จัดขึ้นที่เมืองอัคนีเท่านั้น

สุดท้าย เบื้องหลังของเมืองก็น่าตกใจอย่างมาก มันดูเหมือนจะเป็นเมืองธรรมดาในสายตาของจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมเท่านั้น เจี้ยนเฉินยังเป็นคนสร้างเมืองด้วยตัวเองและเจี้ยนเฉินเป็นเจ้าเมือง จวนเจ้าเมืองเป็นทรัพย์สินของเจี้ยนเฉิน เมื่อผนวกกับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจี้ยนเฉิน เมืองอัคนีก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป แม้แต่จอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมจากโลกเข้ามา พวกเขาก็จำเป็นต้องเชื่อฟังและไม่อาจทำอะไรโดยพลการได้