พิธีกรยิ้มและพูดว่า “โอ้ ไม่คิดเลยว่าคุณเซว์จะประทับใจมากขนาดนี้ คงจะรอการแต่งงานกันมานานมากเลยสินะครับ ทั้งสองฝ่ายมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน นี่เป็นการจับคู่ที่พระเจ้าสร้างขึ้นจริงๆเลยนะครับ ขอให้พวกเราทุกคนปรบมืออวยพรให้คู่บ่าวสาวมีความสุขในงานแต่งงาน รักกัน มีอนาคตที่สดใส และชีวิตมีแต่ความสงบสุขครับ!”
เมื่อเซว์จิ้งจิ้งได้ยินสิ่งนี้ เธอเกือบจะทรุดตัวลงนั่งยองๆ กับพื้น ใช้อ้อมแขนปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้ พร้อมกับร้องไห้เสียงดังออกมา
พิธีกรพูดต่อด้วยอารมณ์ว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าสาวของเราจะตื่นเต้นมาก งั้นเรามาสัมภาษณ์เจ้าบ่าวกันหน่อยดีกว่าครับ งั้นเรามาถามท่านซุนเต๋อวั่งกันดีกว่าครับว่าท่านรู้สึกอย่างไรที่ได้แต่งงานกับภรรยาที่อายุน้อยและสวยงามเช่นนี้?”
ซุนเต๋อวั่งหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ผมตื่นเต้นสุดๆเลยล่ะครับ…”
พิธีกรยิ้มและถามว่า “แล้วท่านซุนเต๋อวั่ง ในสถานการณ์แบบนี้ ท่านมีบทกวีบอกความในใจไหมครับ?”
ซุนเต๋อวั่งกล่าวอย่างเขินอาย “ผมไม่เคยเรียนหนังสือ ไม่มีวัฒนธรรมใดๆ เรื่องของบทกวีก็ช่างมันเถอะครับ”
พิธีกรกล่าวอีกครั้ง “วันนี้พ่อแม่ของคุณเซว์จิ้ง เจ้าสาวของเราก็มางานแต่งงานเช่นกัน ผมอยากจะถามคุณซุนเต๋อวั่ง ผู้เป็นเจ้าบ่าวว่า ท่านมีอะไรที่อยากจะพูดกับแม่ยายและพ่อตาของท่านในอนาคตไหมครับ?”
ซุนเต๋อวั่งมองไปที่ด้านล่างเวที มีเซว์ซิงหลงและภรรยาของเขาที่ดูอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เขาได้แต่โบกมือให้อย่างระมัดระวัง พร้อมกับพูดว่า “โปรดวางใจ ผมจะดูแลจิ้งจิ้งอย่างดี”
มีอีกหนึ่งประโยคที่ซุนเต๋อวั่งอยากจะถาม แต่ก็ไม่กล้าที่จะถาม
เขาต้องการถามเซว์ซินหลง พ่อตาในอนาคตของเขาว่าเงินสินสอดทองหมั้นห้าสิบล้านนี่ยังถือว่านับอยู่ไหม?
แต่เขากลัวว่าหลังจากที่เขาถามประโยคนี้ เซว์ซินหลงจะขึ้นมาและทุบตนเอง ดังนั้นเขาทำได้เพียงยอมแพ้
ในเวลานี้ พิธีกรกล่าวกับเซว์ซินหลงและภรรยาทั้งสองคนนี้ว่า “มาเถอะครับ เชิญพ่อแม่ของเจ้าสาวของเซว์จิ้งขึ้นมาบนเวทีกันเถอะ!”
ในเวลานี้ครอบครัวซุนนั้นได้กลายเป็นเครื่องจักรปรบมือที่ซึ่งไร้สีหน้าใดๆ
เซว์ซินหลงกับภรรยาจำต้องกัดฟันขึ้นไปบนเวที
พิธีกรยิ้มและพูดว่า “โปรดให้พ่อตาและแม่ยายมายืนด้านหน้าของเจ้าบ่าวเลยครับ”
เซว์ซินหลงและภรรยายืนอยู่ด้านหน้าของซุนเต๋อวั่งด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ
พิธีกรยิ้มและพูดว่า “เจ้าบ่าวครับ ผมของถามหน่อยว่า คนที่อยู่อยู่ด้านหน้าของท่านนี้คือใครกัน?”
ซุนเต๋อวั่งรีบพูดว่า “เป็นพ่อตาและแม่ยายของผมครับ!”
พิธีกรยิ้มและพูดว่า “ยังเรียกว่าพ่อตาแม่ยายอยู่เหรอครับ ควรพูดใหม่ไหมนะ?”
ซุนเต๋อวั่งยิ้มอย่างอึดอัดและรีบพูดออกไปว่า “ใช่ๆๆ ควรจะพูดใหม่”
ขณะที่พูด เขาก็รีบเรียกเซว์ซินหลงและภรรยาของเขาว่า “พ่อ แม่!”
ใบหน้าของเซว์ซินหลงนั้นดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก ไอ้สารเลวนี่ อายุก็พอๆกับตน ยังจะมีหน้ามาเรียกว่าพ่ออีก!
แม้ว่าตนจะไม่มีลูกชาย แต่ก็ไม่อยากที่จะได้ลูกชายราคาต่ำๆเช่นนี้
เมื่อพิธีกรเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ จึงรีบพูดต่อว่า “คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดูจะตื่นเต้นไปด้วยนะครับเนี่ย?ตื่นเต้นจนลืมตอบเจ้าบ่าวไปเลย นี่ก็เป็นครั้งแรกนะครับที่เจ้าบ่าวได้พูดใหม่แล้ว พ่อตาแม่ยายจะไม่มีอะไรแสดงสักหน่อยเหรอครับ?”
เซว์ซินหลงกล่าวด้วยท่าทางที่หดหู่ว่า “วันนี้รีบร้อนออกมาน่ะ เลยลืมเอาอั่งเปามาด้วย”
ซุนเต๋อวั่งพูดอย่างเร่งรีบ “ไม่เป็นไรไม่เป็นไรเลย อั่งเปาไม่ต้องก็ได้ครับ”
พิธีกรยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อได้เปลี่ยนคำพูดใหม่แล้ว ก็เป็นเจ้าบ่าวที่จะต้องมาเทชาให้กับพ่อตาแม่ยายนะครับ มา ให้เจ้าหน้าที่นำชาเข้ามาได้เลย!”
ซุนเต๋อวั่งถามอย่างงุ่มง่าม “ต้องก้มหัวด้วยงั้นเหรอ?”
———-