ต้องให้ตัวเองมาก้มหน้าต่อหน้าสาธารณชนจำนวนมากขนาดนี้ ซุนเต๋อวั่งนั้นจึงดูไม่เต็มใจสักเท่าไหร่

ยังไงซะ เขาก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว ยังไงมันก็ค่อนข้างน่าขายหน้าอยู่

แต่พิธีกรดันมากล่าวอย่างจริงจังในเวลานี้อีกว่า “เจ้าบ่าว วันนี้เป็นวันแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของท่าน สองครอบครัวจะได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ท่านไม่เพียงมีภรรยาที่อายุน้อยและสวยงาม แต่ยังมีพ่อแม่ที่รักท่านอีกด้วย สำหรับพวกเราชาวจีน ความกตัญญูกตเวทีนั้นสำคัญที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นคุกเข่าลงกราบพ่อแม่ จะลังเลทำไมกันเล่า?”

“อีกอย่าง นี่ก็เป็นประเพณีการแต่งงานของจีน ที่จะต้องให้ชากับพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย”

เมื่อภรรยาของเซว์ซินหลงได้ยินเช่นนี้ สักพักน้ำตาของหล่อนก็ไหลออกมา

ความจริงการที่ทั้งสองครอบครัวจะร่วมกันสร้างอีกครอบครัวหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพียงแต่ตนไม่อยากจะให้ลูกสาวต้องไปสร้างครอบครัวกับไอ้คนแก่ๆแบบนี้

แต่ตอนนี้ไม่สามารถถอยหลังได้อีก ทำได้เพียงมองดูมันต่อไปเท่านั้น

เมื่อซุนเต๋อวั่งโดนพูดด้วยคำพูดเช่นนี้จากพิธีกร จะลงเวทีก็ไม่ทันเสียแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องคุกเข่าลงกับพื้น จากนั้นก้มหัวให้กับเซว์ซินหลงก่อน พร้อมกับเรียกว่าพ่อ จากนั้นจึงก้มหัวให้แก่ภรรยาของเซว์ซินหลงต่อและเรียกว่าแม่

ทั้งคู่มองหน้ากันและหัวใจของพวกเขาหดหู่อย่างมาก

ในเวลานี้เอง พนักงานก็รีบนำเก้าอี้สองตัวขึ้นมา จากนั้นก็ให้เซว์ซินหลงและภรรยานั่งลงข้างกัน จากนั้นพิธีกรก็ได้พูดกับซุนเต๋อวั่งว่า “เดิมทีควรจะเป็นการยกน้ำชาให้กับคู่ของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแต่เนื่องด้วยวันนี้พ่อแม่ของเจ้าบ่าวนั้นไม่ได้มา ดังนั้นเราจะให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยกน้ำชาให้กับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเท่านั้น”

เจ้าสาวที่ร้องไห้ตาแดงก่ำ ได้แต่มาที่ด้านหน้าของพ่อแม่ด้วยความไม่เต็มใจ คุกเข่าลงข้างซุนเต๋อวั่ง

พนักงานนำชาสองถ้วยให้พวกเขาทันที ส่งให้ซุนเต๋อวั่ง ซุนเต๋อวั่งหยิบถ้วยแล้วพูดกับเซว์ซินหลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ “พ่อครับ เชิญดื่มชา…”

เซว์ซินหลงที่เกลียดจนแทบไม่ไหว อยากจะเอาน้ำชาสาดใส่หน้าให้รู้แล้วรู้รอด ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่แม้แต่อยากหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา

แต่เมื่อเขาลืมตาและมองดูก็ได้พบกับเฉินจื่อข่ายด้านล่าง มองดูมาที่ตนด้วยความมืดมน ทันใดนั้นคอของเขาได้หดตัวลง จากนั้นรีบเอื้อมมือไปหยิบน้ำชาจากซุนเต๋อวั่งทันที

ซุนเต๋อวั่งหยิบชาอีกถ้วยหนึ่งยื่นให้ภรรยาของเซว์ซินหลง พร้อมกับพูดว่า “แม่ครับ เชิญดื่มชา!”

ภรรยาของเซว์ซินหลงรู้สึกมีไฟในใจรุ่มร้อนมากกว่าเดิม และไม่เต็มใจอย่างแน่นอนที่จะต้องมาดื่มชาที่เขายื่นอย่างเคารพมาให้ เลยไม่ได้เอื้อมมือออกไปหยิบ ซุนเต๋อวั่งที่ยกน้ำชาค้างในอากาศ ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบไปที่แขน ในใจของเขานั้นอึดอัดมากขึ้นทุกที

เซว์ซินหลงรีบขยิบตาให้ภรรยาของเขา สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ สายตาที่ดูมีอะไรของเฉินจื๋อข่าย

ไม่ว่ายังไงก็ไม่กล้าทำให้เขาโกรธเคือง

ภรรยาของเซว์ซินหลงพบว่าสามีของตนจ้องมองมาอย่างดุดัน หล่อนจึงทำได้เพียงกัดฟัน เอื้อมมือไปหยิบถ้วยชา และทนดื่มไป

พิธีกรกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “การดื่มชาจากลูกเขยเท่ากับเป็นการอนุมัติลูกเขยแล้วนะครับ ผมของสัมภาษณ์พ่อแม่ของเจ้าสาวหน่อย ขอถามทั้งสองท่านว่า ท่านพอใจในตัวเจ้าบ่าวไหมครับ?”

เซว์ซินหลงถอนหายใจและพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “พอใจ พอใจ…”

แต่ในใจจริงๆแล้วต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปในตอนนี้

ภรรยาของเซว์ซินหลงได้แต่ทำตามสามีของหล่อน พูดสิ่งที่แย้งกับความต้องการของตนออกไป

เย่เฉินเฝ้ามองด้วยความตลก นี่คือค่าของความไร้ความปรานี คิดว่ารวย มีความสามารถก็ดูถูกเรื่องนี้เรื่องนั้นไปเรื่อยงั้นเหรอ คนพวกนี้ก็จะลงเอยจากสิ่งที่ตัวเองทำลงไปทั้งนั้นแหละ

หลังจากที่เรื่องตลกของซุนเต๋อวั่งและครอบครัวทั้งสามของเซว์ซินหลงจบลง พิธีกรกล่าวว่า“ต่อไป เราจะเชิญคู่ที่สองของเราขึ้นเวทีกันครับ เจ้าบ่าวซุนหงเหว่ยและเจ้าสาวจางเสี่ยวม่าน!”

—————