ตอนที่ 1646: รุยจินมาแล้ว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1646: รุยจินมาแล้ว

เนื่องจากอายุขัยโดยเฉลี่ยของคนธรรมดาในทวีปเทียนหยวนนนั้นไม่เกิน 200 ปี เฉินฟางก็ไม่ถือว่าแก่นัก แต่การตายของเคนดัลก็ทำให้นางใจสลายอย่างมาก เวลาไม่สามารถทำให้ความรักที่นางมีต่อเคนดัลลดน้อยลงได้ แม้หลังจากที่ผ่านไปหลายสิบปี นางก็ยังไม่อาจเอาชนะความเศร้าของนางได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้นางกลายเป็นหญิงชรา แม้ว่าจะมาอายุเท่ากับวัยกลางคน

อาซ้อ ห่วงตัวเองบ้าง ท่านไม่อาจลืมได้ว่าท่านมีซานอยู่ แม้ว่าท่านจะไม่สนใจตัวเอง แต่ท่านต้องสนใจลูกชายของท่านด้วย เจี้ยนเฉินวิ่งเข้ามาประคองเฉินฟางที่กำลังเดินเข้ามา เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายใน เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเฉินฟางเหลือพลังชีวิตอยู่ไม่มากนัก นางไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาสามารถช่วยนางได้อย่างง่าย ๆ เขาสามารถยืดอายุขัยให้กับนางอีกพันปีได้อย่างง่ายดาย อย่างไนก็ตามนางได้ตายจากภายในแล้ว ดังนั้นต่อให้เขาให้พลังชีวิตกับนางมากเท่าไร มันก็ไม่อาจเป็นการช่วยนางได้มากนักนอกจากความเห็นแก่ตัวและเป็นการทรมานนางจากความตรอมใจ

นั่นคือเหตุผลที่เจี้ยนเฉินไม่ทำตามที่เขาต้องการ เขาไม่ต้องการให้เฉินฟางจากไป แต่เขาก็ไม่ต้องการให้นางเจ็บปวดด้วยเช่นกัน

ขอบคุณนายน้อย ท่านทำอะไรมากมายให้กับครอบครัวของข้ามากพอแล้ว เป็นโชคที่พ่อของซานได้พบกันท่าน นายน้อย มีคนจำนวนมากที่อยู่ที่นี่ ดังนั้นเราขึ้นไปพูดคุยกันเถอะ เฉินฟางยิ้ม นางพูดราวกับเป็นคำพูดสุดท้ายและพร้อมที่จะจากไปได้ง่าย ๆ

เฉินฟางหายตัวไปชั้นหนึ่งภายใต้การช่วยเหลือของเจี้ยนเฉิน ทำให้แขกทุกคนตกตะลึง มีความไม่อยากเชื่อบนใบหน้าของเขา

โอ้ พระเจ้า นั่นคือเจ้าของโรงเตี้ยมนี้หรือ ? ราชันเจี้ยนเฉินยังเข้าไปช่วยประคองนางด้วยตัวเอง… ไม่นานความโกลาหลก็ปะทุขึ้นบนชั้นแรก ทุกคนตกใจอย่างมากราวกับว่าพวกเขาเห็นในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดในโลก

..

สองชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินออกจากโรงเตี้ยม เขารู้สึกค่อนข้างกดดัน เขาพยายามโน้มน้าวเฉินฟางผ่านการพูดคุย เขาหวังว่านางจะเอาชนะความทุกข์ของนางได้ เขาถึงจะช่วยนางได้ การปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่อีกหลายพันปีจะไม่เป็นปัญหาสำหรับนางหากนางต้องการ น่าเสียดายที่เฉินฟางไม่เคยตัดใจจากเคนดัลและปฏิเสธความช่วยเหลือจากเจี้ยนเฉิน ในคำพูดของนางก่อนหน้านี้ เคนดัลนั้นโดดเดี่ยวอยู่บนสวรรค์ เขาต้องการใครสักคนอยู่กับเขา และนางก็จะเป็นคนผู้นั้น

คำพูดของเฉินฟางทำให้เจี้ยนเฉินหมดหนทาง มันไร้ประโยชน์แม้ว่าจะเอ่ยอ้างถึงซานขึ้นมา

ในตอนนี้ดวงตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลง ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ไหลโพ้นและพุ่งออกไปเป็นลำแสงสีม่วง เขาหายลับไปในเส้นขอบฟ้าภายในเสี้ยววินาทีด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

พื้นที่ใกล้ ๆ กับภูเขาที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของเกาะมังกรก็เริ่มบิดเบือน ประตูสีทองขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่มิติบิดเบือน

มีโลกจิ๋วอยู่ภายในประตู หลุมศพขนาดใหญ่เต็มไปด้วยและวิญญาณมังกรที่ล่องรอยอยู่รอบ ๆ พวกมันต่างแผดเสียงเป็นครั้งคราวและมีเสียงคำรามก้องไปทั่วเกาะ

นี่คือสุสานมังกร ซากมังกรจำนวนมากถูกฝังอยู่ที่นี่ รวมถึงมังกรระดับ 9

ในเวลานี้มีร่างสีทองบินออกมาจากส่วนลึกของสุสาน เขาเปล่งรัศมีที่ที่ทรงพลัง วิญญาณมังกรที่อ่อนแอทั้งหมดทรุดตัวลงและสั่นไหนเมื่อได้สัมผัสกับกลิ่นอายของเขา

ร่างสีทองไม่ได้หยุดขณะที่เขากำลังบิน เขาบินออกจากสุสาน ประตูมิติของสุสานปิดอย่างช้า ๆ หลังจากที่เขาจากไป เกาะมังกรก็กลับมาสงบเหมือนกับก่อนหน้านี้อีกครั้ง

ร่างสีทองค่อย ๆ จางลงและแสงสีทองรอบ ๆ ก็ค่อยหายไป เผยให้เห็นชายหนุ่มหล่อเหลาวัยกลางคนในชุดมังกรทอง

ในที่สุดเราก็ปรากฏตัวขึ้น เป็นเวลากว่าหลายสิบปีแล้ว ข้าสงสัยว่าเจี้ยนเฉินตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น สาวงามที่ดูเหมือนจะมีอายุเพียง 20 ปีเดินออกมาจากด้านหลังของชายวัยกลางคน นางใส่ชุดที่เต็มไปด้วยขกนกสีแดงเพลิง

ชายชราชุดดำเดินออกมาจากด้านหลังหญิงสาว ทั้งสามคนยืนด้วยกันและทุกคนต่างก็เปล่งประกายในแบบของตน ชายกลางคนแข็งแกร่งที่สุดในพวกเขาหลังจากที่ทะลวงมาถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 ของเซียนจักรพรรดิ

หญิงสาวคนนั้นอ่อนแอกว่าเล็กน้อย นางอยู่ชั้นสวรรค์ที่ 8 ของเซียนจักรพรรดิ

ชายชราคนนั้นอ่อนแอที่สุดในบรรดาทั้งสามคน แต่เขาก็เป็นเซียนจักรพรรดิเช่นกัน ยกเว้นแต่ว่าเขาอยู่แค่ชั้นสวรรค์ที่ 6 เท่านั้น

ทั้งสามคนคือ รุยจิน,หงเหลียนและเฮยยู่ พวกเขาบ่มเพาะอย่างเงียบสงบบนเกาะมังกรเป็นเวลาหลายปี

ทันใดนั้นก็มีแสงสีม่วงกระพริบ ก่อนที่พวกเขาจะตอบสนองต่อแสงสีม่วงที่มีความเร็วอย่างไม่เชื่อ ก่อนที่มันจะเผยให้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ภายใน

รุยจิน, หงเหลียนและเฮยยู่หรี่ตาลงอย่างตกใจ ทั้งสามคนได้กลายมาเป็นเซียนจักรพรรดิและหนึ่งในนั้นยังอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 9 ห่างจากขอบเขตดั้งเดิมแค่หนึ่งก้าว อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงล้มเหลวที่จะตอบสนองต่อแสงที่เขามาหาพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

แต่ในเวลาต่อมา พวกเขาก็ตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นร่างที่ปรากฏออกมาจากลำแสงสีม่วง มีความไม่น่าเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา

เจี้ยนเฉิน ! ทั้งสามคนตะโกนออกมา เมื่อพวกเขาเห็นว่าเขามาจากลำแสงสีม่วงก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป

พวกเขาไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินจะก้าวหน้าด้วยเวลาสั้น ๆ อย่างน่าหวาดกลัวหลังจากที่ผ่านไปหลายสิบปีที่ไม่เห็นเขา แสงสีม่วงนั้นเร็วเกินกว่าเซียนจักรพรรดิของตระกูลเป็ง ที่ครั้งหนึ่งเขาถูกกล่าวขานว่าเป็นคนที่เร็วที่สุดในโลก

เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเฉินรู้สึกดีใจอย่างมากเมื่อเห็นคนเก่าคนแก่ทั้งสามคน เขาป้องมือและพูดว่า ขอแสดงความยินดีด้วย ผู้อาวุโส !

เจี้ยนเฉิน เจ้ามาเร็วมาก ๆ โอ้ ใช่แล้ว ตอนนี้เจ้าอยู่ขั้นไหนแล้ว ? ข้าไม่อาจบอกได้เลย ข้าไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของเจ้า หงเหลียนจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจ

ข้าไม่อาจบอกได้ว่าเจ้าแข็งแกร่งหรือไม่แม้ว่าเจ้าจะอยู่ต่อหน้า ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ากำลังยืนอยู่เบื้องหน้าข้าหากว่าข้าหลับตา มีความเป็นไปได้ 2 อย่างคือ เจ้าใช้ทักษะลับในการซ่อนตัวกับอีกอย่างคือการบ่มเพาะของเจ้าล้ำหน้าพวกเราไปมากแล้ว ดูจากที่เจ้าปรากฏตัวในเวลาสั้น ๆ ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างหลังอย่างมาก มีเพียงสิ่งนี้ที่จะบอกได้ว่าเจี้ยนเฉินเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนพวกเราไม่อาจตอบสนองได้ทัน”

พวกเราทุกคนเป็นเซียนจักรพรรดิ ดังนั้นหากว่ามันเป็นอย่างที่สองนั้นก็หมายความว่าเขาไปถึงขอบเขตดั้งเดิมแล้ว เจี้ยนเฉิน ? นะ นั่นเป็นไปไม่ได้ มันผ่านไปไม่กี่สิบปีเท่านั้น เฮยยู่พูดด้วยความตกตะลึง