ตอนที่ 1645: เฉินฟาง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1645: เฉินฟาง

เจียงหยางซูกลายเป็นคนใหม่โดยสิ้นเชิงเมื่อเขาออกมาจากที่พักของเจี้ยนเฉิน ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นอาของเขา แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด เขาเคยเห็นอาจากระยะไกล ๆ ในอดีตเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกกดดันใด ๆ อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าอาของเขาน่ากลัวแค่ไหนเมื่อเขาได้มาเห็นใกล้ ๆ แม้ว่าอาของเขาจะปกปิดพลังของเขา แต่เขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความกลัวต่ออาของเขา เขาไม่ได้พูดถึงลูกท้อเมฆม่วงแม้แต่คำเดียว แม้ว่าจะวางแผนล่วงหน้าแล้วก็ตาม

ไม่ใช่เพราะความเข้มงวดหรือความโหดร้ายของอา แต่เป็นเจียงหยางซูเองที่ขาดความกล้าหาญ

คำพูดของเจี้ยนเฉินก้องอยู่ในหัวของเจียงหยางซูหลังจากออกมาจากพี่พัก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจขณะที่เดินผ่านกลุ่มคนที่ผ่านไปผ่านมา เมื่อเขาเงยหน้า เขาก็พบว่าเขามาถึงบ้านโดยไม่รู้ตัว

ซูเอ๋อ เจ้าได้รับลูกท้อเมฆม่วงจากอาของเจ้าหรือไม่ ? ข้าได้ยินมาว่าอาของเจ้าไม่ใช่คนขี้เหนียว เขาได้มอบให้กับคนนอกมากมายก่อนหน้านี้ ในฐานะหลานชายของเขา เจ้าน่าจะได้รับลูกท้ออมตะสัก 2-3 ลูกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บอกข้าว่าเขาให้เจ้ามากี่ลูก ? แม่ของเจียงหยางซูที่คอยอยู่ที่บ้านร้อนใจและถามอย่างใจจดใจจ่อ ทันทีที่เจียงหยางซูเข้ามา นางก็ถามอย่างรีบร้อน

เจียงหยางซูค่อนข้างงงงวย เขานั่งลงอย่างไม่ใส่ใจและไม่พูดอะไรมากนักพร้อมกับส่ายหัว

ซูเอ๋อ อาของเจ้าไม่ได้ให้ลูกท้อเมฆม่วงกับเจ้าเลยหรือ ? นะ-นั่น… ดวงตาแม่ของเจียงหยางซูเบิกกว้าง มีอาการไม่อยากเชื่ออยู่บนใบหน้าของนางก่อนที่จะเป็นความไม่พอใจเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว

อาของเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร ? เขาได้มอบมันให้กับนายน้อยเกาะสามเซียน แต่เจ้าทำกับเจ้าเช่นนี้ เขาเป็นน้องชายพ่อของเจ้า ไม่ ! ข้าจะไปหาปู่ของเจ้า อาของเจ้าทำเหมือนกับว่าเจ้าเป็นคนนอกโดยสิ้นเชิง ไม่สิ มันยิ่งกว่าคนนอกเสียอีก แม่ของเจียงหยางซูโกรธมากและไปหาเจียงหยางป้าเพื่อบ่นทันที

เจียงหยางซูหยุนนางทันทีและพูดว่า ท่านแม่ ไม่ต้องไปหาท่านปู่ ท่านไม่อาจตำหนิท่านอาได้ ความสามารถของอานั้นยอดเยี่ยมมากจนไม่มีอะไรซ่อนจากเขาได้ เขาจะรู้ ใบหน้าของเจียงหยางซูเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่อาจหาเปรียบได้ เมื่อพูดถึงอาของเขา

ซี่หยานจ้องไปที่เจียงหยางซูอย่างประหลาดใจ นางเข้าใจลูกของนางเป็นอย่างมาก แต่นางไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากหลังจากที่เขาไปพบอาของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวอาของเขามาก

ท่านอาพูดถูก ไม่มีจอมยุทธคนไหนที่จะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างสบาย ๆ ท่านแม่ ข้าตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะออกจากตระกูลเพื่อเดินทาง คราวนี้ข้าจะไม่นำใครไปกับข้าเลย…

เช้ารุ่งขึ้น เจียงหยางซูออกจากตระกูล เขาออกไปคนเดียว มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจว่าอารมณ์ทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้คุยกับอาของเขา

เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ลืมตาภายในบ้านของเขา การจ้องมองของเขาดูเหมือนจะสามารถทะลุมิติและอาคารทั้งหมดได้ เขาเห็นเจียงหยางซูออกจากตระกูลไปแล้ว เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาออกจากบ้านของเขาและมุ่งไปยังสถานที่ต้องห้ามที่เจียงหยางป้าบ่มเพาะทันที

ท่านพ่อ ในกล่องนี้คือลูกท้อเมฆม่วงและใบชาหยั่งรู้ ข้าเตรียมมันไว้ให้กับซูเอ๋อ เมื่อเขากลับมาจากการเดินทางโปรดให้กล่องนี้กับเขา หากเขาเปลี่ยนไปจริง ๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องให้เขาตลอดไป ถึงแม้ว่าซูเอ๋อจะเป็นลูกชายของพี่ชายข้า แต่ข้าก็ไม่อาจช่วยเหลือเขาอย่างเปล่าประโยชน์ได้” เจี้ยนเฉินส่งกล่องที่มีสมบัติสวรรค์ทั้งสองให้กับเจียงหยางป้าและพูดอย่างโหดร้าย

เจียงหยางป้ารับกล่องและถอนหายใจเบา ๆ เราเหล่าผู้อาวุโสต่างก็ผิดต่อซูเอ๋อที่เขาเป็นเช่นนี้ เซียงเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร

เจี้ยนเฉินพยักหน้า เขาพูดกับพ่อของเขาอีกครั้งก่อนที่จะจากไป

ในวันนี้เจี้ยนเฉินออกจากตระกูลเจียงหยางและมาถึงกลางเมืองตรงจุดที่คึกคักที่สุด มีโรงเตี้ยมขนาดใหญ่ที่นั่น โรงเตี้ยมนี้อาจจะไม่โด่งดังมากนักในทวีปนี้ แต่ในเมืองลอร์และอาณาจักรเกอซุน มันมีสถานะที่ค่อนข้างพิเศษ

นี่เป็นเพราะตระกูลเจียงหยางได้ปกป้องโรงเตี้ยมนี้มาตั้งแต่ก่อตั้ง เจ้าของโรงเตี้ยมมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดของตระกูลเจียงหยางเช่นเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียน ไม่เพียงแต่นางจะถูกเชิญให้อยู่ในตระกูลเจียงหยางในฐานะแขก เจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนยังลดตัวลงมาเยี่ยมนางในช่วงต้นปีของทุก ๆ ปีพร้อมกับของขวัญ

มันเป็นการติดต่อกันระหว่างตระกูลเจียงหยาง โรงเตี้ยมแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ไม่อาจยั่วยุได้ในเมืองลอร์ แม้แต่ทายาทของเหล่าตระกูลโบราณหรือตระกูลสันโดษก็ต้องละทิ้งความยโสของพวกเขาและอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังโดยไม่ก่อปัญหา เมื่อใดก็ตามที่มีคนก่อนปัญหาในโรงเตี้ยมหรือมีการต่อสู้เริ่มขึ้น ทหารของตระกูลเจียงหยางจะไล่พวกเขาออกไป เมื่อเวลาผ่านไปหลายคนก็เข้าใจว่าการล่วงเกินโรงเตี้ยมแห่งนี้ก็เท่ากับการล่วงเกินตระกูลเจียงหยางโดยตรง

เมืองลอร์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีโรงเตี้ยมหรูหราหลายแห่งปรากฏขึ้น นี่ไม่ใช่โรงเตี้ยมที่หรูหราที่สุดหรือใหญ่ที่สุดในเมืองลอร์ แต่เป็นโรงเตี้ยมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเมืองเพราะตัวแทนขององค์กรต่าง ๆ ที่มาเยี่ยมตระกูลเจียงหยางจะเลือกพักที่โรงเตี้ยมแห่งนี้

ในวันนี้โรงเตี้ยมได้ต้อนรับชายหนึ่มคนหนึ่งซึ่งสะพายกระบี่สองเล่มไว้ที่หลัง ทันทีที่ชายหนุ่มเข้ามา เสี่ยวเอ้อคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาและขออภัย นายท่าน ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าท่านมากินข้าวหรือเปล่า ? หากท่านต้องการที่จะพักแรม ทางเราขอโทษด้วยเนื่องจากห้องของเราทุกห้อง… ทันใดนั้นเสียงของบริกรก็หยุดลง ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อมองไปที่เจี้ยนเฉิน ความไม่อยากเชื่อปรากฏเต็มใบหน้าของเขา

ทะ ทะ ทะ ท่านราชันเจี้ยนเฉิน… เสี่ยวเอ้อตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ในขณะนั้นเขาก็สงสัยว่าเขาตาฝาดไปหรือไม่ เขาเห็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในตำนาน เจี้ยนเฉินด้วยตัวเอง เขาไม่คุ้นเคยกับรูปร่างหน้าตาของเจี้ยนเฉิน เพราะเขาเห็นรูปปั้นของเขามานับครั้งไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยตาตนเองจริง ๆ

มีคนไม่กี่คนที่กำลังทานอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี้ยม มีหลายคนได้ยินเสียงตะโกนของเสี่ยวเอ้อ ดังนั้นทั้งโรงเตี้ยมก็เงียบไป มีคนไม่กี่คนตะลึง

แต่ไม่นานทุกคนก็รู้สึกตัว พวกเขาทั้งหมดยืนขึ้นและคำนับเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นปนความเคารพและชื่นชม

“นายน้อยสี่ ! ”

ในเวลานั้นเสียงที่คุ้นเคยที่เต็มไปด้วยความชราก็ดังขึ้น หญิงชราที่มีผมสีเทาเต็มหัวเดินลงบันไดพร้อมกับการประคองของหญิงรับใช้ 2 คน มีความสุขเต็มใบหน้าของนาง

อาซ้อ ! เจี้ยนเฉินวิ่งเข้าหา หัวใจของเขาสั่นเทาเมื่อเขาเห็นใบหน้าของหญิงชรา หญิงชราคนนี้คือเฉินฟางภรรยาของเคนดัล