ตอนที่ 1644: ท่านอาน่ากลัว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1644: ท่านอาน่ากลัว

สองพี่น้องดื่มกันจนถึงเช้าก่อนที่จะแยกย้ายกันในที่สุด

นายน้อยจากตระกูลเจียงหยางและแม่ของเขาอยู่ในลานกว้างที่หรูหรา พวกเขาทั้งคู่กังวลเล็กน้อย

ในเวลานี้หญิงรับใช้เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและพูดด้วยเสียงนุ่มนวล ฮูหยิน หัวหน้าตระกูลกลับมาแล้ว

มารดาของเจียงหยางซูมองอย่างว่างเปล่าเมื่อนางได้ยินอย่างนั้น จากนั้นนางก็เดินไปหาคนตรงหน้าของนาง เจียงหยางซู นางพูดอย่างตื่นเต้น ซูเอ๋อ บิดาของเจ้ากลับมาแล้ว บิดาและอาของเจ้าเป็นพี่น้องกัน เขามอบลูกท้อเมฆม่วงจำนวนมากให้กับนายน้อยจากเกาะสามเซียน แต่เขาไม่ได้ให้เจ้าแม้แต่ลูกเดียวด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวของเขาอีกหรือ ?

ใช่แล้ว ท่านแม่ ข้ารู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น ฮึ่ม นายน้อยเกาะสามเซียนดูถูกข้าเพราะเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาต้องการให้ข้าเรียกเขาว่าพี่ชาย เขาคิดว่าเขาคู่ควรงั้นหรือ ? เขาพึ่งลูกท้อเมฆม่วง ถ้าเกิดข้ากินสิ่งที่เพิ่มพลังได้ พลังของข้าจะมากกว่าเขาอย่างแน่นอน ในเวลานั้นเพียงแค่มองดูข้าลงมือกับนายน้อยเกาะ มาดูกันว่าเขาจะเย่อหยิ่งต่อหน้าข้าในอนาคตได้อย่างไร เจียงหยางซูพูดอย่างเย็นชา เขารู้สึกไม่พอใจอาของเขาอย่างมาก อาของเขาได้มอบลูกท้อเมฆม่วงให้กับคนนอก แต่กระนั้นเขาที่เป็นหลานยังไม่ได้รับแม้แต่ผลเดียว

สำหรับท่านปู่ก็เช่นกัน เขาได้รับลูกท้อเมฆม่วงจากนายน้อยเกาะสามเซียนแต่ปฏิเสธที่จะมอบให้เจ้า ถ้าปู่ของเจ้ามอบลูกท้อเมฆม่วงก่อนที่เจ้าจะเจอกับนายน้อยเกาะสามเซียน เรื่องราวมันจะเป็นอย่างไร ? โชคดีที่มีคนไม่มากที่รู้เรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นถ้าความจริงที่ว่านายน้อยจากตระกูลเจียงหยางไม่ยิ่งใหญ่เท่านายน้อยจากเกาะสามเซียนกระจายออกมา พวกเราทุกคนจะอับอาย ท้ายที่สุดตระกูลเจียงหยางของเราไม่สามารถเทียบได้กับเกาะสามเซียน แม่ของเจียงหยางซูกล่าว นายรู้สึกไม่พอใจอย่างมากต่อการกระทำของเจียงหยางป้า แต่นางก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจเช่นนี้ นางทำได้เพียงแค่ซ่อนมันไว้ในใจของนาง

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนเตียงที่หรูหราในบ้านของเขา เขาไตร่ตรองเรื่องดินแดนระหว่างทั้งสองโลก

ดินแดนที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งต้องการมีมากเกินไป หากข้าทำตามเขา มันจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่สำหรับสี่เผ่าพันธุ์ของโลกนี้ และถ้าส่งมอบดินแดนนี้ ผู้ที่อยู่อาศัยเก่าจะต้องถูกโยกย้าย การย้ายถิ่นฐานไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง

นายน้อยสี่ นายน้อยต้องการที่จะพบท่าน !

ในเวลานี้มีเสียงสุภาพดังออกมาจากยามที่อยู่ด้านนอก

ให้ซูเอ๋อเข้ามา เจี้ยนเฉินพูดอย่างสงบขณะที่เขามองออกไปด้านนอก

เจียงหยางซูเดินเข้ามาจากด้านนอกและคุกเข่าด้านหน้าเจี้ยนเฉิน เขาพูดอย่างสุภาพ เจียงหยางซูคารวะท่านอา !

เจี้ยนเฉินมองเจียงหยางซูและยิ้มอย่างกันเอง เขากล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมากพิธี เจ้าลุกขึ้นได้ จากนั้นเจี้ยนเฉินก็ยกแขนและมีพลังที่มองไม่เห็นเข้าพยุงเจียงหยางซูให้ลุกขึ้น

ขอรับ ท่านอา ! เจียงหยางซูเต็มไปด้วยความสุภาพ แม้ว่าเขาจะพูดหลายครั้งว่าเขาต้องการเอาชนะอาของเขาในอนาคต เขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลเมื่อเขาเผชิญหน้ากับอาในตำนานของเขา สุดท้ายอาของเขาก็โด่งดังเกินไป เขาเป็นราชันย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้ภายใต้ความฉลาดของอาของเขา

เจี้ยนเฉินยิ้มให้เจียงหยางซูและพูดเบา ๆ ว่า ซูเอ๋อ มันไม่ง่ายที่ตระกูลเจียงหยางของเราจะเปลี่ยนไปจากองค์กรไร้นามจนรุ่งเรืองในปัจจุบัน ในฐานะนายน้อยตระกูลเจียงหยาง เจ้าต้องเป็นแบบอย่าง เจ้าไม่อาจกลายเป็นคนหยิ่งยะโสและจองหอง ในเวลาเดียวกันเจ้าก็ไม่อาจสร้างปัญหาภายนอกโดยไม่มีเหตุผลหรือทำร้ายและรังแกคนอื่นด้วยความตั้งใจของเจ้า เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?

ขอรับ ท่านอา ข้าจะจดจำคำแนะนของท่านไว้ในใจ ! เจียงหยางซูตอบอย่างสุภาพ ก่อนที่เขาจะมาเขาคิดอยู่แล้วว่าเขาควรถามท่านอาของเขาเกี่ยวกับลูกท้อเมฆม่วงอย่างไร เขาเข้าใจจิตใจของเขาติดอยู่กับท่านอาของเขาจนกว่าเขาจะได้ลูกท้อเมฆม่วง ถ้าเขาปฏิเสธในตอนแรก อย่างไรก้ตามเมื่อเขาเผชิญหน้ากับอาของเขา จริง ๆ แล้วเขาก็พบว่าเขาสูญเสียความกล้าที่จะพูดออกไป แม้ว่าอาของเขาจะปฏิบัติของเขาเหมือนกับครอบครัว แต่เขาก็กลัวเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าอาของเขา เขาสั่นอยู่ภายในราวกับว่าเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับอาของเขา แต่เป็นเทพแห่งความอุตสาหะ !

บิดาและปู่ของเขาเคยบอกเขาด้วยคำเดียวกันหลาย ๆ ครั้ง แต่เขาไม่คิดที่จะใส่ใจ เขาทำหูทวนลม อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าเขาหมดความตั้งใจที่จะต่อต้านคำพูดของอาเขา โดยการที่เขาพูดกับตัวเองหลายครั้งในใจ

เจียงหยางซูรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงต่อหน้าอาของเขา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกกลัวและสั่นสะท้าน หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ ในขณะนั้นเขาก็เข้าใจว่าอาของเขาเป็นคนเช่นไร

ซูเอ๋อ เจ้ามาหาข้าในวันนี้เพราะเรื่องอันใด ? เจี้ยนเฉินถาม เขาทำกับเจียงหยางซูเหมือนกันลูกหลานของเขา นี่เป็นเพราะเขาคิดถึงซ่างกวนเอ๋อเจี้ยนเมื่อเขาเห็นเจียงหยางซู พวกเขา 2 คนอายุเท่ากัน

มะ ไม่มีอะไร ตอนนี้ข้าได้พบท่านอาแล้ว ข้าหวังว่าท่านอาจะพักผ่อนให้สบายและไม่โหมงานเกินไป ข้า ข้าจะไปแล้ว เจียงหยางซูพูดติดอ่างเล็กน้อยและเลิกคิดที่จะพูดถึงลูกท้อเมฆม่วงอย่างไม่เต็มใจ

เจี้ยนเฉินพยักหน้าและโบกมือของเขา ซูเอ๋อ เจ้าไปได้

ขอรับท่านอา ข้าจะไปแล้ว ! เจียงหยางอำลาอย่างสุภาพ

เจี้ยนเฉินมองไปที่เจียงหยางซูซึ่งหันหลังกลับไปและทันใดนั้นเขาก็พูด ซูเอ๋อ !

เจียงหยางซูดูเหมือนหัวใจของเขาจะกระดอนออกมาเมื่อได้ยินเจี้ยนเฉิน เขาสะดุ้งก่อนที่จะหันกลับไปโค้งคำนับเจี้ยนเฉิน ท่านอา ?

ซูเอ๋อ ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้า เจ้าแต่งกายเรียบร้อยเหมือนกับบุตรชายที่ไร้ค่าแถมเย่อหยิ่ง เจ้ามีความคิดผยอง หากเจ้าไม่เปลี่ยน ไม่นานเจ้าจะสร้างปัญหามากมายไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครกล้าล่วงเกินตระกูลเจียงหยางด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ แต่นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้ตั้งใจหรือยั่วยุผู้อื่น หากเจ้าทำให้คนอื่นขุ่นเคืองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมีบางคนยอมเสี่ยงที่จะผิดใจต่อตระกูลเจียงหยางเพื่อเอาชีวิตของเจ้า เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? เจี้ยนเฉินพูดอย่างโหดเหี้ยม

เจียงหยางซูกลายเป็นซีดเซียวในฉับพลันและตอบอย่างสุภาพ ข้าเข้าใจแล้ว !

ซูเอ๋อ เจ้าต้องจำไว้ว่าตระกูลเจียงหยางของเราไม่กลัวอะไรเลย ไม่ว่าศัตรูของเราจะแข็งแกร่งแค่ไหน เราก็ไม่กลัว แต่เราไม่อาจสร้างปัญหาได้โดยไม่มีเหตุผล เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? หากเจ้าต้องการเป็นจอมยุทธ เจ้าต้องออกเดินทาง ไม่มีจอมยุทธในทวีปเทียนหยวนที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างสุขสบายในบ้านของพวกเขาเราเอง แต่พวกเขามีประสบการณ์นองเลือดนับไม่ถ้วนและทำให้พวกเขาต้องเดินฝ่าดงเลือด จุดแข็งของเจ้าในตอนนี้เป็นดั่งสวรรค์มอบให้ มันจะไร้ประโยชน์กับเจ้าเมื่อเวลาผ่านไป มันจะส่งผลกระทบต่อรากฐานของเจ้าด้วย เจี้ยนเฉินพูดอย่างโหดร้าย ดูเหมือนว่าเขาจะแนะนำรุ่นเยาว์ในตอนนี้

ขอรับท่านอา ข้าจะจำให้ขึ้นใจ เจียงหยางซูมีเหงื่อไหลออกมาและเขาก็สั่นอยู่ภายในมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกหวาดกลัวอาของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่คิดเลยว่าอาของเขาจะยอดเยี่ยมมาก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายครั้งและไม่เคยเห็นเขามานาน แต่อาของเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

เจียงหยางซูยังรู้สึกประทับใจที่ว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกที่อาของเขาไม่รู้ ราวกับโลกของเขาอยู่ในฝ่ามือของอาเขา

ความคิดนี้ทำให้เจียงหยางซูรู้สึกเคารพอาของเขามากยิ่งขึ้นและเขาก็กลัวอาของเขา