ทะเลผาดำ

ตั้งอยู่ในแถบตะวันตกสุดของโลกรกร้างโบราณ น้ำทะเลที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดปรากฏสีดำลึกล้ำราวกับรัตติกาลนิรันดร์ ลมพายุโหมกระหน่ำตลอดทั้งปี คลื่นน้ำประหนึ่งมังกรดำทะลวงฟ้าตัวหนึ่ง ยิ่งใหญ่โออ่าอย่างที่สุด

ตอนนี้ผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันจากสี่ด้านแปดทิศ

บนฝั่งทะเลผาดำผู้คนหนาแน่น ผู้แข็งแกร่งในแต่ละขุมอำนาจของแปดดินแดนเบียดเต็มรอบบริเวณราวกับกระแสน้ำ

ในส่วนลึกของทะเลผาดำ กฎระเบียบฟ้าดินมากมายสลับทับซ้อน สาดละอองแสง กำลังสร้างประตูแดนลับบานหนึ่ง

ไม่นานแดนลับสนามแม่เหล็กก็จะมาเยือนทะเลผาดำแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

“เหอะๆ ก็ไม่รู้ว่าแพะดินแดนรกร้างโบราณที่หดหัวอยู่ในเมืองจะมาหรือไม่”

“แดนลับนรกโลกันตร์มาเยือนคราวก่อน พวกดินแดนรกร้างโบราณที่ไม่รู้จักประเมินตนถูกฆ่าจนแพ้ยับ เจอบทเรียนที่รุนแรงเช่นนี้พวกเขาจะกล้ามาได้อย่างไร”

“อย่าลืมว่าหลายวันมานี้พวกเราตระเวนอยู่ในโลกรกร้างโบราณแห่งนี้มาโดยตลอด ก็ไม่เห็นว่าพวกเขาดินแดนรกร้างโบราณจะมีใครกล้าออกจากเมือง แม้แต่หลินสวินก็กลายเป็นเต่าหัวหด!”

ผู้ฝึกปราณมากมายกำลังพูดคุยกัน

มองไปอย่างละเอียด เงาร่างของพวกเขาส่ายไปมา เบียดเต็มชายฝั่งบริเวณนั้นอย่างหนาแน่น แต่ยังคงสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาแบ่งแยกเป็นแปดค่ายทัพ

“พูดถึงหลินสวิน หายากมากจริงๆ สถานที่ข้นแค้นและอ่อนแออย่างดินแดนรกร้างโบราณ เหตุใดจึงกำเนิดบุคคลร้ายกาจที่พลังต่อสู้น่าตกใจอย่างเขา”

มีคนประหลาดใจ

“ใครจะรู้ เจ้าหมอนั่นเคยปราบเมืองหนึ่งเพียงลำพัง ทำลายล้างทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนด้วยตัวคนเดียว พลังต่อสู้น่ากลัวมากจริงๆ”

หลายคนต่างกังวล

ภายใต้ชื่อเสียงล้วนสมคำร่ำลือ ในช่วงเวลาหนึ่งปีกว่านี้ หลินสวินเริ่มจากก่อกวนโลกมารโลหิตก่อน จากนั้นใช้พลังของตนสกัดขวางการบุกรุกของทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนเพียงลำพัง สุดท้ายยังสร้างเมืองอารักษ์มรรคแห่งใหม่ในโลกรกร้างโบราณได้สำเร็จราวกับปาฏิหาริย์!

ผู้แข็งแกร่งระดับนี้ แม้ทอดสายตามองไปในแปดดินแดนยังเรียกได้ว่าหายาก แน่นอนว่าต้องดึงดูดสายตาและความสนใจมากเป็นพิเศษ

“หึ ถึงอย่างไรเขาก็หัวเดียวกระเทียมลีบ นอกจากนี้ครั้งก่อนที่เอาชนะทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนของพวกเราได้ ก็เพราะพึ่งกระบวนค่ายกลผนึกทั้งนั้น”

มีคนหัวเราะเยาะ

“ไม่ผิด ในช่วงที่ผ่านมาผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนของพวกเรารวมตัวกันที่นี่ เหตุใดหลินสวินจึงไม่กล้ากระโดดออกมาตอบโต้ เห็นได้ชัดว่ากลัวแล้ว!”

“รีบดูเร็ว!”

ตอนที่กำลังคุยกัน ผู้แข็งแกร่งทุกคนในที่นั้นล้วนตะลึงกับกลิ่นอายน่ากลัวระลอกหนึ่งอย่างไม่มีข้อยกเว้น

ไม่ทันไรกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์มากมายพุ่งมาจากไกลๆ ราวกับรุ้งเทพที่งดงามมากมายมาเยือนโลก

“หนึ่งคน สองคน สามคน… สวรรค์ เพียงแค่บุคคลระดับอริยะแท้ก็มีถึงแปดร้อยกว่าคน จำนวนของมกุฎอริยะยิ่งทะลุร้อยไปแล้ว!”

เสียงอุทานด้วยความตกใจมากมายดังขึ้น ลิ้นจุกปากกันไปหมด

“เพียงแค่เข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กเท่านั้น เหตุใดต้องเคลื่อนกำลังบุคคลระดับอริยะมากขนาดนี้”

หลายคนไม่เข้าใจ

“เจ้าไม่รู้เสียแล้ว ที่กลุ่มอริยะมากมายรวมตัวกันที่นี่ ไม่ใช่เพียงเพื่อคุ้มครองพวกเราเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็ก แต่ยังเพื่อสังหารหลินสวิน!”

มีคนพูดอย่างตื่นเต้น

“อริยะแท้แปดร้อยกว่าคน มกุฎอริยะมากกว่าร้อยคน ต่อให้มหาอริยะมาเองก็ต้องยอมถอย ขอเพียงหลินสวินกล้าปรากฏตัว ก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

เผชิญกับสถานการณ์ยิ่งใหญ่ที่อริยะกลุ่มนี้มารวมตัวกัน ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกหายใจไม่ออก อุทานด้วยความตกใจ ต่อให้คนที่ในใจเกรงกลัวหลินสวิน พอเห็นกระบวนทัพเช่นนี้ ความกลัวในใจก็ถูกวาดจนสิ้น

“ก็ไม่รู้ว่าหลินสวินกล้ามาหรือไม่”

มีคนพึมพำ

บนท้องฟ้ามีคลื่นอากาศม้วนตลบเป็นระยะ สะท้อนบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ รุ้งเทพแต่ละสายเป็นตัวแทนการมาเยือนของอริยะหนึ่งคน

จนสุดท้ายในพื้นที่รัศมีพันลี้ ล้วนถูกบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ปกคลุม แสงสีมหัศจรรย์ซัดสาด บรรยากาศเคร่งขรึม

“หากอยู่ในโลกภายนอก จะได้เห็นภาพที่น่ากลัวหนึ่งเดียวในโลกเช่นนี้หรือ”

ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนต่างตื่นเต้น เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ยิ่งเชื่อมั่นว่าไม่ว่ามกุฎอริยะคนใดมาเยือน ก็จะต้องถูกฉีกจนละเอียดเป็นฝุ่นผง!

ในเวลาเดียวกันส่วนลึกของทะเลผาดำ ตำหนักสมบัติยิ่งใหญ่ที่แปลงมาจากสมบัติอริยะหลังหนึ่งปรากฏบนผิวทะเล เสาหลายต้นที่ต้องใช้หลายคนจึงสามารถโอบรอบได้สลักผนึกหงส์ลายมังกรแน่นขนัด

ในตำหนักสมบัติ มกุฎอริยะหลายสิบคนบ้างนั่งบ้างยืน

บนร่างของพวกเขาบ้างมีเจตกระบี่หนาแน่น บ้างมีประกายทองไหลเวียน บ้างมีเพลิงเขียวอบอวล แต่ละคนล้วนราวกับเทพในตำนาน น่าเกรงขามเหมือนดั่งท้องทะเล

โดยเฉพาะกลิ่นอายของผู้นำทั้งสามแสงประกายแผ่กว้างที่สุด กลิ่นอายส่องไพศาลดุจดั่งสุริยันจันทรา

เป็นเซวี่ยชิงอี ฮว่าหงเซียว สือพั่วไห่นั่นเอง

“ข้าผู้แซ่เซวี่ยขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมทัพ!”

บนที่นั่งประธาน เซวี่ยชิงอีลุกขึ้นประสานหมัดไปรอบๆ เขาดูเหมือนอ่อนเยาว์หล่อเหลา แต่ทุกอริยาบถกลับมีอานุภาพกลืนกินทั่วทิศ

“พี่เซวี่ยไม่ต้องเกรงใจ พวกข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้าคนที่ชื่อหลินสวินนั่นมีความสามารถอะไร”

สือพั่วไห่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปาก เสียงดังราวกับฟ้าร้อง สะเทือนจนตำหนักสั่นไประลอกหนึ่ง

เขาก็เป็นผู้นำรุ่นเยาว์ของดินแดนโบราณอสูรดาว เครื่องหน้าหยาบกระด้าง คิ้วตาห่างกว้าง รูปร่างกำยำ นั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนกับเสือหมอบมังกรขด

อีกด้านฮว่าหงเซียวอยู่ในชุดคลุมดำ นั่งสันโษเงียบๆ ดื่มอย่างสุขสำราญ เขามีผมยาวสีน้ำเงิน ผิวขาวกระจ่างราวกับหยก ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเย็นชา

“พวกข้าแค่เป็นห่วงเพียงว่าเจ้าหัวขโมยหลินสวินนั่นจะรับรู้ได้ถึงอันตราย ไม่กล้ามา”

“ฮ่าๆ เป็นเช่นนี้จริงๆ”

ทุกคนในตำหนักต่างหัวเราะขึ้นมา

มกุฎอริยะมากกว่าร้อยคน อริยะแท้แปดร้อยกว่าคนรวมตัวกันที่นี่ พลังระดับนี้ถึงขั้นสามารถคุกคามความปลอดภัยของค่ายทัพทุกดินแดน นับประสาอะไรกับหลินสวินคนเดียว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีบุคคลพลิกฟ้าอย่างเซวี่ยชิงอี สือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียว ที่ถูกจัดอยู่ในแปดยอดนภาครามเป็นผู้ควบคุมบัญชา!

“ทุกท่าน หลินสวินคนนี้ดุดันอย่างที่สุด ฝีมือร้ายกาจ อย่าประมาทเกินไป”

เซวี่ยชิงอีพูดพร้อมเดินไปนอกตำหนัก “ทุกท่านตามข้ามา”

นอกตำหนักน้ำทะเลที่ดำปานรัตติกาลนิรันดร์พวยพุ่ง ที่อยู่ห่างไปผู้แข็งแกร่งค่ายทัพแปดดินแดนมากมายรวมตัวกันอยู่บนฝั่งทะเลอย่างหนาแน่น

เซวี่ยชิงอีสะบัดแขนเสื้อ แสงประกายยี่สิบสี่วงส่องแสงวาววับ มุกสมบัติสว่างไสวขนาดประมาณหมัดโฉบพุ่งออกจากน้ำทะเลแปดทิศ

มุกสมบัติทุกเม็ดล้วนประทับลายมรรคค่ายกลแน่นขนัด ไม่ทันไรก็เปลี่ยนเป็นกระบวนผนึกอริยมรรคยิ่งใหญ่ปกคลุมฟ้าดินแห่งนี้ กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่อบอวลออกมาส่องสว่างท้องฟ้า

“นี่คือมุกอริยะกำราบสมุทรยี่สิบสี่เม็ดหรือ”

สือพั่วไห่ประหลาดใจ

“ไม่ผิด มุกสมบัติชุดนี้รวมตัวกัน สามารถสร้างเป็น ‘กระบวนอริยะสยบฟ้ากำราบสมุทร’ อีกเดี๋ยวให้ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนของพวกเราเข้าไปชมการต่อสู้ในกระบวนค่ากลนี้ก็พอ จะได้ไม่โดนลูกหลงตอนต่อสู้ เสียโอกาสในการเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็ก”

เซวี่ยชิงอียิ้มพูด

ทุกคนไม่มีใครไม่พนักหน้าเห็นด้วย

เซวี่ยชิงอียังมีอีกประโยคที่ไม่ได้พูดออกไป นั่นก็คือหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น มีกระบวนค่ายกลนี้ก็เท่ากับมี ‘ทางหนี’ เพิ่มมาอีกทาง

แน่นอนว่าคำพูดที่ ‘ทำลายความองอาจของตน ยกย่องผู้อื่น’ พรรค์นี้ไม่สามารถพูดได้ หากพูดออกไปกลับจะทำให้เขาเซวี่ยชิงอีดูขี้ขลาดและระมัดระวังเกินไป จะต้องทำให้เกิดเสียงหัวเราะเยาะไม่น้อยแน่

ไม่นานภายใต้การเรียกรวมของเหล่ามกุฎอริยะ ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่กระจายอยู่บริเวณริมฝั่งทะเล ล้วนถูกจัดแจงเข้าไปในกระบวนอริยะสยบฟ้ากำราบสมุทร

ในที่นั้นเหลือมกุฎอริยะร้อยกว่าคน และสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับอริยะแท้ทั้งหมด ทำให้บรรยากาศของฟ้าดินแถบนี้ล้วนเปลี่ยนเป็นอันตรายและกดดันขึ้นมา

เซวี่ยชิงอีเห็นเช่นนี้ ความมั่นใจก็เพิ่มพูน ไร้ความกังวลอีกต่อไป

เขาหันกลับไปมองก็เห็นว่า ทางเข้าแดนลับสนามแม่เหล็กที่ถูกกระบวนค่ายกลใหญ่ปกคลุมไว้ข้างหลัง อีกไม่นานก็จะปรากฏอย่างเต็มที่

สือพั่วไห่กำลังพูดคุยกับคนข้างๆ สีหน้าใจเย็น หัวเราะพูดคุยเฮฮา

สีหน้าของฮว่าหงเซียวเย่อหยิ่งและเย็นชามาโดยตลอด ดื่มกินเพียงลำพัง แววตาเย็นยะเยือก ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

“หลินสวินนั่นคงไม่ได้กลัวจนไม่กล้ามาจริงๆ กระมัง”

มกุฎอริยะคนหนึ่งขมวดคิ้ว เริ่มหมดความอดทนแล้ว

ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจระลอกหนึ่ง

“ดูทางนั้น!”

“เจ้าหมอนั่นถึงกับมาจริงๆ”

“กล้านัก!”

ภายใต้จิตรับรู้ของทุกคน ก็เห็นว่างห่างออกไปไกลๆ มีเงาร่างสองร่างเคียงบ่าเคียงไหล่กันเข้ามา ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ราวกับเล่นเดินอยู่ในสวน ย่างก้าวกลางอากาศ ชายหล่อเหลาละโลกีย์ราวกับเซียนจุติลงมา หญิงงดงามราวภาพวาด เสื้อผ้าพลิ้วไหว

เป็นเขาจริงๆ!

ชั่วขณะนั้นสายตาของพวกเซวี่ยชิงอีทั้งหมดต่างจับจ้องที่หลินสวินคนเดียว ส่วนจ้าวจิ่งเซวียนกลับถูกมองข้าม

เพราะในความเข้าใจของพวกเขา ทั้งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณมีเพียงหลินสวินคนเดียวที่ควรค่าให้ความสำคัญ

เพียงแต่พวกเซวี่ยชิงอีคิดไม่ถึงว่าหลินสวินมาคราวนี้ กลับพาคนมาเพียงคนเดียว และเห็นได้ชัดว่าไม่เกรงกลัวใดๆ

ริมฝั่งทะเลผาดำ หลินสวินหยุดเท้า พูดเสียงเบากับจ้าวจิ่งเซวียน “จิ่งเซวียน เจ้าดูการต่อสู้อยู่ตรงนี้”

จ้าวจิ่งเซวียนพยักหน้า โรยตัวลงพื้น ดวงตาคู่งามกวาดมองในที่นั้นแล้วเอ่ยว่า “ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้มาเพื่อแดนลับสนามแม่เหล็ก แต่มาเพื่อฆ่าเจ้าคนเดียวถึงได้เคลื่อนกำลังพลยิ่งใหญ่เช่นนี้ หากเจ้ายันไม่ไหวก็อย่าฝืนเด็ดขาด”

หลินสวินลูบจมูก ยิ้มเอ่ย “บุรุษกลัวถูกสตรีของตนดูถูกที่สุด เจ้ารอดูก็พอแล้ว”

จ้าวจิ่งเซวียนเม้มปากยิ้ม “ได้!”

ตอนที่ทั้งสองพูดคุยกันไม่ได้เห็นคนในที่นั้นอยู่ในสายตา ท่าทางผ่อนคลายเช่นนั้น ทำเอาสีหน้าของมกุฎอริยะจำนวนไม่น้อยมืดทะมึนลง

“สุนัขชายหญิงคู่หนึ่ง! จะตายอยู่แล้วยังกะหนุงกะหนิงกันอย่างไม่ละอาย มีชีวิตอยู่มาจนเบื่อแล้วใช่หรือไม่”

มีคนตะโกน เสียงสะเทือนฟ้าดิน

เหล่าผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่ซ่อนอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ผิดคาดมาก พวกเขาส่วนใหญ่เจอหลินสวินเป็นครั้งแรก จึงคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะกำเริบเสิบสานและหยิ่งผยองกว่าที่เล่าลือ!

“หลินสวิน หากเจ้าจากไปตอนนี้ บางทียังมีโอกาสรอดชีวิต ไม่เช่นนี้ครั้งนี้เจ้ายากจะหนีเคราะห์พ้นแล้ว”

เซวี่ยชิงอีเอามือไพล่หลังพูดเนิบๆ

แม้จะพูดเช่นนนี้ เขากลับมั่นใจว่าหลินสวินไม่มีทางจากไป!

ตอนแรกสุดเพียงเพื่อพวกพ้องที่ไม่ได้มีความสำคัญ เจ้าหมอนี่ยังกล้าป่วนโลกมารโลหิตเพียงลำพัง แต่ครั้งนี้เกี่ยวข้องถึงวาสนาบรรลุมกุฎอริยะ เขาหลินสวินมีหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้

ตามคาด ก็เห็นหลินสวินที่อยู่ที่อยู่ห่างไปหัวเราะเยาะเอ่ยว่า “นี่เป็นโลกรกร้างโบราณของข้า พวกเจ้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ยังหมายปองวาสนาของพวกเราดินแดนรกร้างโบราณ คิดว่าข้าหลินสวินไม่กล้าฆ่าคนจริงๆ หรือ”

ทุกครั้งที่เขาเอ่ยคำหนึ่งออกมา ก็เหมือนฟ้าร้องสะท้าน ฟ้าดินสะเทือน น้ำทะเลแปดทิศล้วนเดือดพล่านซัดคลื่นนับพัน

คลื่นเสียงที่ราวกับแก่นแท้นั่นถึงขั้นกระแทกใส่กระบวนค่ายกล กระตุ้นให้ลายมรรคกระบวนค่ายกลมากมายปรากฏ แสงมรรคไหลวนเจิดจ้าสว่างไสว เข้าต้านทานสลายคลื่นเสียง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่อยู่ในกระบวนค่ายกลต่างสูดหายใจด้วยความตกใจ สีหน้าเปลี่ยนในบัดดล

หลินสวินดุดันและแข็งแกร่งเหมือนในคำเล่าลือดังคาด!

——