ตอนที่ 1573 หนึ่งนิ้วกำราบศัตรู

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

เสียงเดียวทำเอาฟ้าดินต่างตะลึง

แม้หลินสวินจะเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งหมดเพียงลำพัง แต่ท่าทีแข็งกร้าวเย่อหยิ่งนั่นกลับทำให้เกิดความฮือฮาในที่นั้น

“หึ! อะไรคือหมายปองวาสนาของดินแดนรกร้างโบราณ คุยโวจริงๆ”

เสียงหัวเราะเยาะหนึ่งดังขึ้น สือพั่วไห่รู้สึกประหลาดใจมาก เวลาใดแล้ว หลินสวินยังกล้าบ้าคลั่งเช่นนี้อีกหรือ

“เจ้าเป็นใคร ถึงกล้ามาเห่ามั่วซั่วตรงหน้าข้า”

หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อย

ทุกคนในที่นั้นอึ้งงัน บุคคลชั้นหนึ่งของคนรุ่นเยาว์ดินแดนโบราณอสูรดาว หนึ่งในแปดยอดนภาคราม สือพั่วไห่ที่ครอบครองรัศมีแสงสะดุดตาอย่างที่สุดกลับถูกด่าว่า ‘เห่ามั่วซั่ว’ หรือ

นี่เป็นการก่นด่าว่าเป็นสุนัขโดยตรง!

ทันใดนั้นมกุฎอริยะที่มาจากดินแดนโบราณอสูรดาวต่างสีหน้ามืดทะมึนลง

ส่วนสือพั่วไห่ยิ่งโกรธจัดจนหัวเราะออกมา ยื่นมือชี้หลินสวินที่อยู่ห่างไปพร้อมพูดเสียงเข้ม “วันนี้หากเจ้ายอมให้จับ คุกเข่าสำนึกผิด ข้าจะให้วิธีตายที่รวดเร็วกับเจ้า ไม่เช่นนั้นข้ารับรองว่าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”

“พวกเจ้าก็ตั้งใจเช่นนี้หรือ”

สายตาของหลินสวินกวาดมองรอบๆ

“หรือเจ้าคิดว่าวันนี้จะหนีรอด”

สีหน้าของเซวี่ยชิงอีเย็นชา ในดวงตาแดงก่ำมีประกายศักดิ์สิทธิ์โลดแล่น “หลินสวิน เจ้ามาเพื่อแดนลับสนามแม่เหล็ก ส่วนพวกข้ามาเพื่อสังหารเจ้า แน่นอนว่าไม่ตายไม่หยุด”

ไม่ตายไม่หยุดสี่คำนี้ ถูกเขาพูดออกมาทีละคำ ไอสังหารพลุ่งพล่านไปทั่ว

ดวงตาของเหล่ามกุฎอริยะและอริยะแท้จากแปดดินแดนล้วนฉายไอสังหาร มองหลินสวินเป็นปลาบนเขียงตั้งแต่ชั่วขณะที่เขามาถึงแล้ว

ด้วยท่าทีเด็ดขาดที่เซวี่ยชิงอีเผยออกมา ทำให้พวกเขาล้วนอยากลองอยู่บ้าง ในข่าวลือเจ้าหมอนี่พลังต่อสู้แข็งแกร่ง ฝีมือร้ายกาจ แต่วันนี้เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

“พูดจบแล้ว?”

จู่ๆ หลินสวินก็ยิ้มออกมา สายตาเย็นชา “เช่นนั้นข้าก็พูดประโยคหนึ่งแล้วกัน วันนี้คนของแปดดินแดนของพวกเจ้า หากมีใครสามารถเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กได้ ก็นับว่าข้าแพ้!”

พอคำพูดนี้ออกมา ทั้งที่นั้นต่างเงียบกริบ

ทุกคนต่างมองไปอย่างเหลือเชื่อ ราวกับมองคนบ้า

เผชิญหน้ากับมกุฎอริยะมากกว่าร้อย บุคคลระดับอริยะแท้แปดร้อยกว่าคน เขาหลินสวินกลับยังกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้ ไม่ใช่โง่แล้วอะไร

แม้แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ยังพูดไม่ออก

“ฮ่าๆๆ น่าสนใจ ดินแดนรกร้างโบราณถึงกับมีคนคลั่งที่ไม่เกรงกลัวเยี่ยงเจ้า ไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนอย่างไรหรือ”

สือพั่วไห่หัวเราะเสียงดัง

รอบตัวเขาประกายเทพอสูรดาวสีเงินเป็นสายอบอวล ควบคุมขับเคลื่อน ราวกับนายเหนือหัวแห่งธารดาราผู้หนึ่ง

“คนคลั่งเช่นนี้ ฟันทิ้งก็สิ้นเรื่อง!”

ฮว่าหงเซียวที่สีหน้าเย็นชาและเงียบมาโดยตลอดราวกับทนดูไม่ไหวแล้ว เอ่ยเสียงเย็นเยียบออกมา เสียงนั่นเยียบเย็นราวกับคมดาบ เผยไอสังหารน่ากลัว

ทันใดนั้นทั้งที่นั้นต่างหัวเราะเยาะขึ้นมา

นี่ดูเหลวไหลมากจริงๆ น่าขันมาก คนหนุ่มมกุฎอริยะแห่งดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง บางทีพลังต่อสู้อาจไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ พูดจาเช่นนี้ก็ยังคงดูตลกเกินไป

อีกไม่ถึงหนึ่งก้านธูปแดนลับสนามแม่เหล็กที่อยู่ห่างไปนั่นก็จะปรากฏสมบูรณ์ หรือเขาคิดว่าในเวลาหนึ่งก้านธูปจะสามารถพลิกฟ้าเย้ยจักรวาลได้

ช่างบ้าคลั่งจนถึงขั้นเสียสติไปแล้ว!

ในใจจ้าวจิ่งเซวียนถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง นึกถึงแต่ละเรื่องในอดีต เหมือนว่าทุกครั้งล้วนมีคนคิดว่าหลินสวินทำไม่ได้ มองว่าเขาบ้า

แต่สุดท้ายก็ล้วนถูกตบหน้าอย่างไม่มีข้อยกเว้น

ครั้งนี้จะมีเรื่องไม่คาดฝันหรือไม่

จ้าวจิ่งเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเงาร่างที่ยืนอยู่กลางอากาศของหลินสวิน ในใจกลับไม่ได้กังวลมากนัก ความจริงนี่ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนอย่างหนึ่งแล้ว!

แม้พันทัพหมื่นม้าอยู่ตรงหน้าแล้วอย่างไร

ประกายเฉียบคมที่มาเยือน หาใช่ทุกคนจะสามารถต้านทานได้

ชิ้ง!

และตอนนี้เอง พร้อมกับเสียงครวญใสฮึกเหิมสายหนึ่ง กระบี่ยอดสังหารที่แดงก่ำราวกับภายในมีแม่น้ำนรกพลุ่งพล่านพวยพุ่งออกมา สีเลือดหนาแน่น ย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงยาว

“ใครกันที่ไม่รู้ความ แล้วใครที่บ้าคลั่ง สู้สักตาก็รู้”

เสื้อผ้าของหลินสวินโบกสะบัด ผมยาวพลิ้วไหว ในดวงตาทั้งคู่เย็นชา เสียงกึกก้องสะท้านฟ้า ลมเมฆสั่นไหว

“ข้าขอลองความสามารถของเจ้าบ้านี่สักหน่อย!”

ทันใดนั้นมกุฎอริยะคนหนึ่งหมดความอดทน พุ่งพรวดออกมา

คนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ เผ้าผมหนวดเคราขาวขุ่น ดวงตาราวกับกระดิ่งสำริด ในมือถือทวนศึกสีดำพุ่งสังหารมา

ตูม!

เห็นเพียงว่าเขากวาดทวนออกมา สายฟ้าสีดำนับไม่ถ้วนปรากฏ กลิ่นอายกฎเกณฑ์อริยมรรคที่น่ากลัวถาโถมอยู่ภายในราวกับเปลวเพลิง

ทันทีที่ลงมือ ห้วงอากาศเต็มไปด้วยพายุสายฟ้า อานุภาพเสียงน่าสะพรึง

หลายคนต่างอุทานด้วยความตกใจ จำมกุฎอริยะอาวุโสคนนี้ได้ ฉายา ‘ชางหรัน’ มีชื่อเสียงมานานหลายพันปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรากฐานพลังหรือฝีมือการต่อสู้ล้วนลึกล้ำเชี่ยวชาญอย่างที่สุด

เหมือนกับการโจมตีนี้ มีอานุภาพดั่งทำลายล้างสรรพสิ่งอย่างง่ายดาย มาพร้อมกับพลังมหามรรค เพิ่งจะลงมือก็เข้ามาอยู่ตรงหน้าหลินสวินแล้ว เผยความองอาจของมกุฎอริยะอาวุโสคนหนึ่งออกมาอย่างหมดจด

ในขณะที่เห็นว่าทวนกำลังจะแทงทะลุร่างหลินสวิน จะได้ยกร่างของเขาขึ้นกลางอากาศ ในใจอดเกิดความเย่อหยิ่งไม่ได้

การโจมตีนี้เป็นท่าไม้ตายที่เขามั่นใจที่สุดในชีวิต ใช้พลังแทบจะเต็มกำลังแล้ว หากหลินสวินคิดว่านี่เป็นการการโจมตีที่ดูถูกและเลินเล่อ ก็ผิดมหันต์แล้ว!

ครู่ต่อมาใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้ม

ก็เห็นว่าหลินสวินถึงกับไม่หลบหลีก เพียงแค่ยกมือขึ้น นิ้วหนึ่งชี้ออกไปเบาๆ ปลายนิ้วที่เต็มไปด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์และปลายทวนสีดำสนิทปะทะกัน

“ฮ่าๆ เด็กเมื่อวานซืน เจ้าบ้าระห่ำเกินไปแล้ว การโจมตีนี้มีหรือจะรับง่ายขนาดนี้”

ชางหรันหัวเราะเสียงดัง ภายในทวนศึกสีดำนี้ของเขาประทับเพลิงสวรรค์ดำที่แข็งกร้าวเผด็จการ ต่อให้เป็นมกุฎอริยะหลอมกายยังไม่กล้าแตะต้องประกายคมนี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกแผดเผาจนไม่เหลือซาก

ตูม โครม โครม!

ตามคาด พร้อมกับเสียงฟ้าร้องสะเทือนหู สายฟ้าที่บาดตาแทรกสอดด้วยเพลิงสวรรค์ดำแผ่ลามจากปลายนิ้วหลินสวินขึ้นไปตามแขน

แต่พร้อมกับประกายทองที่ไหลเวียนรอบตัวหลินสวิน พลังมหามรรคซึ่งอบอวลด้วยกลิ่นอายดับสลายนั่นพลันทำลายล้างทุกสิ่งอย่างง่ายดาย สายฟ้าและเพลิงสวรรค์ล้วนถูกกลืนกินจนสิ้นซาก

รอยยิ้มของชางหรันชะงักไป นี่…

ตูม!

ในเวลาเดียวกัน ปลายนิ้วของหลินสวินที่แนบอยู่บนทวนศึกสีดำพลันเปล่งแสงโชติช่วง ชั่วพริบตาชางหรันก็ราวกับถูกภูเขาเทพชนร่าง

ทวนศึกสีดำที่อยู่ในฝ่ามือจู่ๆ ก็บิดงอ ทั้งยังมีเสียงระเบิดดังขึ้นกลางอากาศ ระเบิดแตกกระจัดกระจาย

นิ้วเดียว ทำลายล้างสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง!

อีกทั้งนิ้วนี้ยังถือโอกาสกดลงตรงหน้าอกชางหรัน พลังคุ้มครองรอบตัวอีกฝ่าย รวมถึงสมบัติป้องกันที่ปกคลุมอยู่บนร่างล้วนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ โดยพร้อมเพรียงในชั่วขณะนี้ ราวกับเป็นสิ่งของเปราะบางอย่างไรอย่างนั้น

ตูม!

ครู่ต่อมาก็เห็นร่างของชางหรันสะเทือนถอยออกไปหลายร้อยจั้ง แม้แต่อากาศยังถูกกระแทกยุบทลาย สุดท้ายตอนที่ล้มลงพื้น จมูกปากของเขาหลั่งเลือด ตรงหน้าอกยุบลง เผยหลุมที่นองเลือด

“เจ้า…” ชางหรันสีหน้าหวาดกลัว อ้าปากหมายจะพูด แต่เพราะความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้ร่างกระตุกขึ้นกะทันหัน

อะไรกัน

ทุกคนในที่นั้นนัยน์ตาหดรัด

การประมือครั้งนี้จบลงในชั่วพริบตา ทีแรกหลายคนยังกำลังอุทานด้วยความตกใจกับความเชี่ยวชาญและเก่งกาจของชางหรันอยู่เลย ไม่คิดว่าชั่วพริบตาชางหรันก็แพ้แล้ว

นอกจากนี้ยังบาดเจ็บสาหัส!

ชั่วขณะเดียวทั้งที่นั้นเงียบกริบแปลกประหลาด ถูกภาพนี้สะท้านขวัญ คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ออกว่าหลินสวินทำได้อย่างไร

แม้แต่เซวี่ยชิงอี ฮว่าหงเซียว สือพั่วไห่ยังขมวดคิ้ว หรี่ตาลงเล็กน้อย

ตามคาด เจ้าหมอนี่แม้จะบ้าระห่ำ แต่ก็นับว่ามีต้นทุนให้ทำเช่นนี้ แม้แต่มกุฎอริยะอาวุโสระดับชางหรันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

“ความสามารถเพียงเท่านี้ ยังกล้าบอกว่าข้าบ้าระห่ำ ไม่รู้สึกตลกหรือ”

ริมฝีปากของหลินสวินเผยยิ้มเยาะ

ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้ขยับเลยแม้แต่ก้าวเดียว

“พวกเจ้าเข้าไปพร้อมกัน!”

เซวี่ยชิงอีออกคำสั่งด้วยสีหน้าเย็นชา

ไม่ว่าจะเป็นเขา หรือสือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียวล้วนเจอหลินสวินเป็นครั้งแรก ในอดีตเพียงแค่รู้ผลงานการต่อสู้ของหลินสวินจากข่าวต่าง แต่แท้จริงแล้วพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ใครก็ไม่อาจรู้ชัด

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ออกโจมตีเต็มกำลังในทันที หมายจะทดสอบความสามารถของหลินสวินทีละก้าว

ทันใดนั้นมีมกุฎอริยะสิบคนเดินออกมา มีทั้งชายทั้งหญิง ทั้งหนุ่มทั้งแก่ แต่ละคนกลิ่นอายทะลวงฟ้า อานุภาพยิ่งใหญ่

แต่ในใจเซวี่ยชิงอีกลับกระตุกวูบ นึกถึงเรื่องหนึ่ง เมื่อครั้งที่อยู่หน้าเมืองอารักษ์มรรคโลกมารโลหิต หลินสวินเผชิญการล้อมโจมตีของมกุฎอริยะสิบกว่าคนยังสามารถสังหารทั่วทิศ ตอนนี้แม้เคลื่อนกำลังสิบคนออกมาก็คงไม่พอ

“ไปอีกสิบคน ไม่ ยี่สิบคน!”

เซวี่ยชิงอีสูดหายใจลึกออกคำสั่ง

นี่ทำให้อริยะแปดดินแดนมากมายผิดคาด นี่หมายความว่าอย่างไร หรือเซวี่ยชิงอีคิดว่าเล่นงานหลินสวินคนเดียว ต้องเคลื่อนกำลังมกุฎอริยะสามสิบคนเชียวหรือ

“พี่เซวี่ย เจ้าประเมินเจ้าหมอนี่สูงเกินไปแล้ว”

แม้แต่สือพั่วไห่ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ คิดว่าการกระทำนี้ของเซวี่ยชิงอีเป็นการลดตัวไม่น้อย หากแพร่ออกไปจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกแน่

“เชื่อข้า หากอยากบีบขีดจำกัดของพลังเจ้าหมอนี่ออกมา ก็ต้องทำเช่นนี้”

เซวี่ยชิงอีสูดหายใจลึก ในสายตาประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน “อย่าลืมว่าตอนนั้นเขาสำแดงอานุภาพในโลกมารโลหิตของข้าอย่างไร”

ประโยคเดียวทำเอาสายตาของทุกคนต่างวูบไหว

หลินสวินมองเซวี่ยชิงอีที่อยู่ห่างไปอย่างคาดไม่ถึงแวบหนึ่ง ตอนที่ทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดนจู่โจมโลกรกร้างโบราณ มีเพียงดินแดนโบราณมารโลหิตที่ไม่ได้เข้าร่วม

ตอนนั้นหลินสวินก็รู้สึกแล้วว่าเซวี่ยชิงอีเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง

ตอนนี้ดูแล้ว อีกฝ่ายไม่ใช่บุคคลที่คนทั่วไปจะเทียบได้จริงๆ อย่างน้อยในสถานการณ์ที่ได้เปรียบด้านจำนวนคนนี้ ยังสามารถรักษาจิตใจที่ระมัดระวังเช่นนี้ไว้ได้ ถือว่ายากมากจริงๆ

ควรรู้ว่ายิ่งเป็นบุคคลพลิกฟ้าก็ยิ่งเย่อหยิ่งและเชื่อมั่น บางทีอาจไม่ได้ขาดสติปัญญา เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรก็คือพลัง

โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง น้อยมากที่จะมีคนระมัดระวังเหมือนเซวี่ยชิงอี

ฟ้าดินกดดัน มกุฎอริยะสามสิบคนเคลื่อนพลเป็นแนวยาว ราวกับพัดที่ถูกคลี่ออก โอบล้อมจากไกลๆ

ทุกคนล้วนกลิ่นอายทะลวงฟ้า พลังขับเคลื่อนรอบตัวโคจรถึงขีดสุด ในฐานะมกุฎอริยะที่ผ่านการต่อสู้มานับร้อย พวกเขาย่อมเข้าใจหลักการที่ว่า ‘กับเรื่องเล็กก็ทุ่มเต็มกำลัง’

ชั่วขณะเดียวกลางฟ้าดินประกายเทพเจิดจ้าปกคลุมไปทั่ว มกุฎอริยะเหล่านี้แต่ละคนอบอวลด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ ถือกุมสมบัติอริยะหลากชนิด ประหนึ่งเทพไท้กลุ่มหนึ่งมาเยือน ทำเอาภูผาธาราพันลี้ละแวกนี้ต่างหม่นแสง

เห็นเช่นนี้จ้าวจิ่งเซวียนกำมือหยกแน่นเงียบๆ สีหน้ากลับไร้คลื่นลม

หากแม้แต่การต่อสู้ครั้งนี้หลินสวินยังรับมือไม่ไหว เช่นนั้นศึกนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินต่อไปแล้ว

ห่างออกไปพวกเซวี่ยชิงอีเองก็จับจ้องอย่างจดจ่อ

การต่อสู้นี้สามารถสัมผัสถึงรากฐานพลังของหลินสวินได้ ขอแค่หลินสวินเผยสัญญาณว่าต้านไม่ไหว เช่นนั้นสิ่งที่รอเขาอยู่ก็ถูกกำหนดให้เป็นการโจมตีทำลายล้างปานปกฟ้าคลุมดิน!

บรรยากาศกดดันถึงขีดสุดในชั่วขณะนี้

ไอเข่นฆ่าอัดแน่นเต็มฟ้าดิน!

——