ตอนที่ 1558 ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์!

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

“เดวิด ลอว์เรนซ์!”

หวังเผิงที่ตื่นจากอาการโคม่าได้ลืมตาขึ้น จากนั้นเขาก็คว้าตัวซิงเปียงซึ่งยืนอยู่ข้างๆ และพูด

“ผมเจอผู้บงการกบฏในเมืองก่วงฮั่น!”

“โอเค โอเค ผมรู้ สิ่งที่คุณต้องการตอนนี้คือพักผ่อน อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปเลยนะ” กัปตันซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย ในขณะที่เขามองไปที่หวังเผิงที่กำลังตื่นเต้น “เรื่องของคดีของเมืองก่วงฮั่นพักไว้ก่อน ให้ผมได้บอกข่าวดีกับคุณก่อน”

“ข่าวดีอะไรครับ”

“หลังจากที่เราออกจากทีมและลงมือกันตามลำพัง วิกฤตไวรัสอัลฟ่าได้รับการแก้ไขแล้ว” ซิงเปียงพูดต่อด้วยรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเขา “แม้ว่าจะมีเรื่องยุ่งยากมากมายหลงเหลือให้เราต้องจัดการ รวมทั้งวิธีปฏิบัติต่อหญิงท้องและ ‘วิญญาณ’ 1,024 ดวงบนดวงจันทร์ที่ได้รับการอัปโหลดไปยังฮาร์ดไดรฟ์ แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็ไม่ต้องเผชิญกับสงครามโลกอีก”

“มันจบแล้วหรือยัง”

“ใช่แล้ว หวังเผิง ยินดีด้วย” กัปตันซิงกล่าวพร้อมชกไหล่ของเขาเบาๆ ว่า “หลังจาก 100 ปี ในที่สุดคุณก็ทำภารกิจของคุณสำเร็จ เรื่องราวของคุณสามารถนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ได้เลยนะ”

หวังเผิงเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากที่มองเพดาน จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างซับซ้อน “พูดตามตรง ผมคิดว่าผมตายจริงแล้วคราวนี้”

“เราทุกคนก็คิดอย่างนั้น แต่มีปาฏิหาริย์อยู่เสมอในโลกนี้” กัปตันซิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือสิ่งที่หมอพูด มันเป็นปาฏิหาริย์ที่คุณสามารถตื่นขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะมีปัจจัยพิเศษที่สามารถต่ออายุของเซลล์ที่ได้รับความเสียหาย ดังนั้นอวัยวะที่ล้มเหลวในร่างกายคุณจึงสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ แน่นอนว่าปอดและอวัยวะที่ถูกเอาออกไปให้งอกกลับมาได้ ดังนั้นเราจึงแทนที่ด้วยอวัยวะเทียมแทน ผมหวังว่าคุณคราวนี้คุณจะระวังมากขึ้นนะ”

“ผมชอบมากครับ แล้วสือจินล่ะ” หวังเผิงมองไปรอบๆ และพูดว่า “ทำไมไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยครับ”

เจ้าหน้าที่ชื่อสือจินติดตามกัปตันซิงเสมอและถือเป็นมือขวาของเขาก็ว่าได้

หวังเผิงไปที่ฐานฝึกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เจ้าหน้าที่ซีเป็นคนพาเขาไปที่นั่น

กัปตันซิงนิ่งไปด้วยสีหน้าที่สนุกสนาน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาพูดเบาๆ ว่า “เขาไม่อยู่กับเราแล้ว”

หวังเผิงตกตะลึงเล็กน้อยและสีหน้าหนักใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“เสียใจด้วยครับ”

“ไม่ต้องเสียใจไปหรอกครับ การตายของเขาไม่คู่ควรกับความเห็นใจ” ซิงเปียนนิ่งไปและมองดูท้องฟ้านอกหน้าต่าง เขาพูดต่อ “แต่ในฐานะเพื่อน ผมยังคิดถึงเขานะ”

หวังเผิงไม่ได้พูดอะไร เขาลังเลว่าควรเปลี่ยนหัวข้อหรือไม่ แต่เขาคิดไม่ออกว่าคำพูดที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นอะไร

โชคดีที่กัปตันซิงปรับอารมณ์ของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้าของเขา

“อย่าพูดถึงเรื่องน่ารำคาญพวกนี้เลย ทุกอย่างมันผ่านไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วมาดื่มกับนักวิชาการลู่กันเถอะ พูดตามตรงผมต้องขอบคุณเขาจริงๆ ในครั้งนี้และขอโทษเขาด้วย”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ซิงเปียนละอายใจเล็กน้อย

อย่างแรกเลย การมีส่วนร่วมกับคนนอกในวิกฤตครั้งนี้และทำให้คนคนนั้นตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ส่วนสือจินที่เขาไว้ใจ แท้จริงแล้วคือมนุษย์ที่ตื่นขึ้นปลอมตัวมา

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาก็ต้องขอโทษอยู่ดี

หวังเผิงยิ้มและพูด “ผมคิดว่านักวิชาการลู่ไม่สนใจหรอกครับ แล้วเขามาที่นี่เหรอ”

ซิงเปียน “เมื่อวานผมไปหาคุณกับเขา แต่ตอนนั้นคุณยังไม่ตื่น มีอะไรเหรอ”

“ไม่มีอะไรครับ แต่ตอนที่ผมอยู่ในอาการโคม่า ผมได้ยินเสียงบางอย่างแผ่วเบา ราวกับว่าเขากำลังพูดอยู่ที่นี่” หวังเผิงเกาแก้มด้วยนิ้วชี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หวังเผิงพูดต่อ “และผมอยากคุยกับเขาเรื่องของเดวิด ลอว์เรนซ์”

“คุณจะได้เจอเขาอีกครั้งภายหลัง ตอนนี้ดูแลอาการบาดเจ็บของคุณก่อนเถอะนะ” ซิงเปียนพูดด้วยรอยยิ้ม “เราจะย้ายคุณไปที่โรงพยาบาลจินหลิงหมายเลข 1 ในวันพรุ่งนี้ คุณน่าจะรู้อยู่แล้วนะว่ามันอยู่ที่ไหน เพราะมันเป็นที่แรกที่คุณฟื้นขึ้น”

หวังเผิงพูดติดตลกว่า “กลับไปที่จุดเริ่มต้น”

“ไม่ดีเหรอครับ การเริ่มต้นใหม่” ซิงเปียนพูดต่อในขณะที่มองเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “เรามีเรื่องที่จะขอคำแนะนำจากคุณมากมายเลย”

เขาอยู่ในวอร์ดได้ไม่นาน หลังจากนั้นไม่นานซิงเปียนก็หันหลังและเดินจากไป

ในช่วงเวลานี้ไม่มีใครรบกวนเขายกเว้นพยาบาลที่มาวัดอุณหภูมิและอัตราการเต้นของหัวใจ

หวังเผิงยื่นมือออกมาในขณะที่มองดูถ้วยบนโต๊ะข้างเตียงด้วยความรู้สึกกระหายน้ำ

แต่ทว่าเมื่อเขาต้องการจะยกแก้วขึ้น แก้วที่เขาถืออยู่กลับแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เมื่อมองดูเศษแก้วที่แตกหักบนโต๊ะด้วยความตกตะลึง หวังเผิงก็ตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น”

ขณะที่กำลังมองดูเลือดที่ไหลออกมาจากมือของตัวเอง หวังเผิงนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นชั่วขณะหนึ่ง

เขาคิดว่าอวัยวะทั้งหมดของเขาถูกแทนที่ด้วยชิ้นส่วนกลไก แต่เพราะเลือดที่ออกหลังจากได้รับบาดเจ็บ มันจึงเป็นไปไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด

บางที…

ฉันปลุกพลังพิเศษบางอย่างเพราะพรที่ได้รับหรือยีนที่หลับใหลถูกปลดล็อกในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆ

ในเวลานี้ จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่ากัปตันซิงดูเหมือนจะพูดว่าลู่โจวมากับเขาด้วยเมื่อวานนี้

หรือเป็นนักวิชาการลู่

แต่… เขาเข้าใจเรื่องยาด้วยเหรอ

หวังเผิงส่ายหัวและพักเรื่องพวกนี้ไว้ก่อน

เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญตอนนี้ เขาจะได้พบกับนักวิชาการลู่ในไม่ช้า และในเวลานั้นก็ชัดเจนว่าเหตุผลคืออะไร

เขาเก็บชิ้นส่วนที่แตกหักอย่างสงบแล้วโยนลงในถุงขยะข้างโต๊ะ ตลอดเวลาเขาแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขานอนอยู่บนเตียงจนถึงประมาณ 5 โมงเย็น เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเกือบจะฟื้นตัวแล้ว เขาจึงลุกขึ้นจากเตียงด้วยความช่วยเหลือจากพยาบาล

หมอห้ามไม่ให้เขาลุกจากเตียงเร็วเกินไป แต่เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาไม่ต้องการให้ใครมาดูแลเวลาที่ต้องใช้ห้องน้ำ

หลังจากที่ขออย่างไม่ลดละ พยาบาลในโรงพยาบาลก็ไม่ได้ยืนกรานจะช่วยต่อ เพราะสุดท้ายคนจำนวนมากเกินไปถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลเร็วๆ นี้ และพวกเขาไม่มีกำลังมากพอที่จะดูแลเรื่องพวกนี้

หลังจากลุกจากเตียงแล้วหวังเผิงก็พยุงตัวเองโดยใช้กำแพงและเข้าห้องน้ำ

เหตุผลที่เขาเกาะผนังไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของเขา เป็นเพราะเขาไม่สามารถควบคุมความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างเต็มที่ในขณะนี้

เมื่อกลับมาที่วอร์ด เขาได้ยินเสียงที่คลุมเครือมาจากมุมทางเดิน

น้ำเสียงนั้นมีความตื่นเต้นปนอยู่ ราวกับว่าพวกเขากำลังโต้เถียงกับใครบางคน ดูเหมือนว่าจะมีการกล่าวถึงเขาด้วย

เขาหยุดและฟังอย่างเงียบๆ ด้วยความอยากรู้

“เจ้าหน้าที่ตำรวจ! คุณคงไม่เชื่อหรอกนะ แต่มันเป็นเพียงปาฏิหาริย์ในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์! ชายคนหนึ่งที่อวัยวะล้มเหลว และระบบประสาททั้งหมดเสียหายอย่างรุนแรงจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง! พระเจ้า นี่คืออัญมณีที่ธรรมชาติมอบให้เรา! เขาต้องอยู่ที่นี่และร่วมมือกับการวิจัยของเรา!”

“ถ้าเราเข้าใจเหตุผลที่ทำให้เขาตื่นได้ สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีววิทยาและการแพทย์ของเราโดยสิ้นเชิง!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงสีหน้าขายหน้า เขาได้ยินหมอพูดเหมือนคนบ้า

เจ้าหน้าที่สถานทูตที่ยืนอยู่ข้างเขาเหลือบมองนาฬิกาอย่างร้อนรน

เจ้าหน้าที่ตำรวจหุบยิ้มทันที จากนั้นเขาก็มองไปที่หมอและพูดพร้อมไอแห้ง “นายหวังเผิงเป็นพลเมืองของความสหการพาน-เอเชียน มันจะเป็นการดีสำหรับเราที่จะไม่ทำให้เกิดข้อพิพาททางการทูต”

“ทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน” แพทย์จ้องเขม็งและพูด “ผมได้ยินมาว่าเขาถูกส่งมาที่นี่เพราะเขาบุกเข้าไปในบ้านของประชาชนและติดอาวุธอย่างผิดกฎหมาย! แม้ว่าเขาจะเป็นพลเมืองของสหการพาน-เอเชียน แต่เขาก็ยังเป็นอาชญากรอยู่ดี”

เจ้าหน้าที่สถานทูตจ้องมาที่เขาและพูดด้วยน้ำเสียงเตือนว่า “ช่วยระวังคำพูดของคุณด้วย”

“ผม-”

“โอเคๆ” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังแย่ลง เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวด้วยท่าทางเขินอายว่า “ไม่ว่าจะอาชญากรหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้กรมตำรวจซานฟรานซิสโกของเราจะเป็นผู้กำหนดเอง พูดสั้นๆ ก็คือผมเกรงว่าเดวิด ลอว์เรนซ์จะกระทำความผิดจริงโดยการโจมตีนายหวังเผิง และการกระทำของหวังเผิงควรเป็นการป้องกันที่ถูกต้อง”

ใบหน้าของแพทย์เต็มไปด้วยความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อ

เขานึกไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างหน้าเขาจะพูดแบบนี้จริงๆ

เจ้าหน้าที่สถานทูตไม่ได้พูดอะไร เขาตรงไปที่วอร์ด

เมื่อเขาเดินผ่านมุมตึก เขาบังเอิญเห็นหวังเผิงยืนอยู่ตรงนั้นพอดี หลังจากมึนงงเล็กน้อย เขาก็ยิ้มและพูดว่า “คุณหวัง”

“สวัสดีครับ”

“ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาเป็นเรื่องจริงสินะ คุณฟื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ” เจ้าหน้าที่สถานทูตกล่าว เขายื่นมือขวาและพูดว่า “ยินดีด้วยครับ และขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณทำเพื่อชาวพาน-เอเชียน”

“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ”

หวังเผิงจึงจับมือกับคนคนนั้นอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าเขาจะใช้กำลังมากเกินไป หลังจากนั้นเขารีบชักมือขวาออก

“พรุ่งนี้ผมจะได้ย้ายโรงพยาบาลใช่ไหมครับ”

เจ้าหน้าที่สถานทูตไม่สนใจเรื่องที่หวังเผิงรีบดึงมือออก เขาถอนมือออกมาพลางยิ้มแล้วพูด “ใช่ครับ พรุ่งนี้จะมีเครื่องบินพิเศษมาถึงสนามบินซานฟรานซิสโก แล้วผมจะไปจินหลิงกับคุณ คุณหลี่กวงหยาหวังว่าจะได้พบคุณและอาจจะมอบเหรียญรางวัลให้กับคุณด้วย นับเป็นเรื่องดีที่คุณสามารถลุกจากเตียงและเดินได้”

“นักวิชาการลู่อยู่ที่ไหนครับ”

เจ้าหน้าที่สถานทูตพูด “เขาอาจจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน เขาต้องการอยู่คนเดียวสักพักแล้วเที่ยวเล่นรอบๆ ซานฟรานซิสโก”

เที่ยวเล่นเหรอ

ดูเหมือนว่าผมคงได้คุยกับเขาหลังจากกลับมาที่จีนเท่านั้นสินะ

“มีอะไรอีกไหมครับ”

“ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณมาก”

“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม” เจ้าหน้าที่สถานทูตพูดด้วยรอยยิ้ม “กลับไปที่วอร์ดและพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า”