บนท้องฟ้า ด้านหลังหลินสวินเป็นหุบเหวใหญ่กดข่มลงมา ร่างของเขาพร่างพราวลุกโชน ถึงกับให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต สูงใหญ่ราวกับลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุด

นี่คือพลังของมรรคดับดารากลืนกิน ยิ่งเป็นการสำแดงพลังต่อสู้ของตัวหลินสวิน

หวนนึกถึงตอนแรก จักรพรรดิสงครามดับดาราข้ามผ่านวัฏจักรฟ้าดารา ทุกที่ที่ผ่านธารดาราระเบิดเป็นเสี่ยงๆ หมื่นดาราล่มจม อานุภาพระดับนั้นช่างน่ากลัวไร้ขอบเขต

บางทีหลินสวินเทียบกับจักรพรรดิสงครามดับดาราอาจยังห่างชั้นเกินไป แต่ในระดับมกุฎอริยะนี้ พลังมรรคดับดารากลืนกินที่ถูกเขาใช้จนถึงขีดสุด ยังคงแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถทำให้ทั้งโลกหวาดผวา

“ฆ่า!”

“ลงมือพร้อมกัน!”

มกุฎอริยะทั้งสามสิบคนนั้นต่างรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที เร่งเร้าพลังของตนโจมตีออกไปเต็มกำลัง อานุภาพอริยมรรคยิ่งใหญ่ที่รวบรวมปั่นป่วนฟ้าดิน พลังเดือดพล่านซัดกระหน่ำสิบด้านอย่างกำเริบเสิบสาน

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีอย่างไร ภายใต้การกดข่มของหุบเหวที่ยิ่งใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดและลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ก็ถูกกลืนกินและบดขยี้เป็นฝุ่นผงทั้งหมด!

ตูม!

สุดท้ายพร้อมกับเสียงกึกก้องสะเทือนหูอย่างที่สุด มกุฎอริยะสามสิบคน แต่ละคนราวกับถูกพายุพัดม้วน ถูกโจมตีจนเงาร่างเซถอยกระจัดกระจายไปทั่ว

“เป็นไปได้อย่างไร!”

“นี่…”

“นี่มันพลังอะไร”

ในที่นั้นเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ ผู้ชมการต่อสู้ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี จิตใจสั่นสะท้านขึ้นในตอนนี้

ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นหลินสวินบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง พวกเขาต่างมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าหลินสวินจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ไม่นานก็เกิดภาพน่าตระหนกที่น่ากลัวอย่างที่สุด!

เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งเพียงนี้

แม้แต่เซวี่ยชิงอี สือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียวยังหัวใจบีบแน่น สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำอะไรไม่ถูกนัก

ส่วนผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ แต่ละคนต่างอึ้งจนอ้าปากค้าง หัวสมองมึนงง ล้วนคิดว่าปรากฏภาพลวงตา

มกุฎอริยะสามสิบคนยังไม่สามารถกำราบหลินสวินได้หรือ

“ฉายาเทพมารหลิน… ไม่ได้เรียกกันซี้ซั้วหรอกนะ”

มุมปากชุ่มชื้นของจ้าวจิ่งเซวียนเหยียดขึ้นเล็กน้อย

และในสนามรบตอนนี้ หลินสวินได้เปิดฉากการเข่นฆ่าแล้ว!

ก่อนหน้านี้ถูกมกุฎอริยะสามสิบคนปิดล้อม ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมัดมือมัดเท้า ต่อให้อาศัยการเคลื่อนย้ายก็ยังยากจะแสดงพลังโดยสิ้นเชิง ก็เหมือนปลาที่ติดแห

ตอนนี้กลับแตกต่างแล้ว เขาเหมือนกระโดดออกจากกรง ไม่มีพันธนาการและอุปสรรคอีกต่อไป

“ตาย!”

เงาร่างของหลินสวินพริบไหวไปปรากฏตรงหน้าสงฆ์เฒ่าคนนั้นกลางอากาศ กระบี่ยอดสังหารฟันออกไปอย่างเดือดดาลด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง

สงฆ์เฒ่าหวาดผวา ถือคทาขักขระทองคำฝืนต้าน แต่ตอนนี้เขาอยู่เพียงลำพัง ถูกหลินสวินโจมตีมากะทันหัน การฟันเต็มกำลังเช่นนี้เขาจะรับไหวได้อย่างไร

ปัง!

คทาขักขระทองคำหักเป็นอันดับแรก กลายเป็นสองท่อน ส่วนร่างของสงฆ์เฒ่าคนนี้ถูกแหวกออก ร่างแห่งระดับอริยะของเขาที่ได้ฉายาว่าแข็งแกร่งไม่เสื่อมสลาย ยังยากจะต้านการโจมตีนี้

“เจ้าฆ่าข้าไม่ตายหรอก!”

สงฆ์เฒ่าตะคอก

เนื่องจากเขาใช้กายหยาบบรรลุมกุฎอริยะ ทำให้ไม่มีความเกรงกลัว

แต่ครู่ต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ร่างกายที่ถูกแหวกออกถูกพลังมรรคดับดารากลืนกินของหลินสวินปกคลุมไปตรงๆ จากนั้นสลายไปทุกกระเบียด!

ตอนที่หลินสวินหมุนตัวจากไป อริยสงฆ์ที่นับได้ว่ามีวิชาบารมีสูงส่ง ครอบครองอริยมรรคในการบำเพ็ญธรรมผู้นี้ก็ร่างดับวิญญาณสลายไปแล้ว

และนี่ก็เป็นอริยะคนแรกที่ตายในมือหลินสวินตั้งแต่เปิดศึกมา

ทันใดนั้นทั้งสนามรบล้วนสะท้านสะเทือน แตกตื่นขึ้นมา แต่ละคนทั้งโกรธทั้งเดือดดาล

มกุฎอริยะสามสิบคนพุ่งโจมตี ไม่สามารถกำราบคู่ต่อสู้คนเดียวก็ช่างเถอะ ตอนนี้กลับยังถูกสังหารไปคนหนึ่ง ใครจะกล้าเชื่อ

และการเข่นฆ่าก็เพิ่งจะเริ่มขึ้น

ทันทีที่ฆ่าสงฆ์เฒ่าตายเงาร่างของหลินสวินกะพริบไหวพุ่งออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่คิดจะให้โอกาสอีกฝ่ายร่วมมือกันอีก

“ฆ่า!”

“ขวางเขาไว้!”

มกุฎอริยะห้าคนเคลื่อนเข้ามาขวาง แต่ละคนโจมตีเต็มกำลัง อานุภาพอริยะล้นฟ้า แสงสมบัติพาดกวาด

“อย่างกับมด”

ในเสียงเย็นชาหลินสวินก้าวออกไป ทุกจุดชีพจรในร่างมีปราณกระบี่เรืองรองพวยพุ่งออกไป ราวกับภูเขาถล่มสมุทรคำราม

ปราณกระบี่แน่นขนัดดุจดั่งมหาสมุทรปราณกระบี่ผืนหนึ่งบดบังท้องฟ้าแห่งนี้ ตอนที่ไหลพุ่งลงมาแสงกระบี่ที่สว่างไสวเป็นประกายส่องสว่างฟ้าดิน ทำเอาแสบตาอย่างที่สุด

มกุฎอริยะห้าคนถูกกลบอยู่ภายใน โหยหวนไม่หยุด แต่ละคนถูกฟาดฟันแหลกละเอียด ฝนเลือดโปรยปราย จิตวิญญาณถูกฉีกทึ้งกลายเป็นฝุ่นผง

ส่วนหลินสวินพุ่งโจมตีไปอีกทางนานแล้ว

ความเร็วของการเคลื่อนไหว ความรวดเร็วรุนแรงของการเข่นฆ่าเหมือนดาบคมเล่มหนึ่ง ทุกที่ที่ผ่านล้วนถูกทำลายล้าง ไม่สามารถขวางได้!

บนท้องฟ้าสีเลือดสดพลิกตลบ เสียงครวญแห่งอริยะร่วงหล่นเริ่มก้องกังวาน

เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ดูการต่อสู้อยู่ห่างไปต่างตกตะลึงขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนไป อุทานด้วยความตกใจอย่างควบคุมไม่อยู่ ถูกภาพนองเลือดแต่ละภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้ากระตุ้น

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ก่อนหน้านี้หลินสวินทั้งถูกปิดล้อม ทั้งถูกกดดัน แต่ตอนนี้เขาได้เปิดฉากโต้ตอบแล้ว กล้าหาญไร้สะท้านโลก!

“นี่ นี่… นี่เป็นไปได้อย่างไร”

ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่หวาดผวากันถ้วนหน้า สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

ในสนามรบ

ชายกลางคนหนวดโง้งที่ถือทวนอสรพิษทะลวงอากาศโจมตีเข้ามา อานุภาพดุดัน ตัวคนยังมาไม่ถึง พลังที่พุ่งออกจากทวนอสรพิษนั่นก็แทงมากลางอากาศแล้ว

“หึ!”

หลินสวินชูหมัดต่อออกไปจากไกลๆ

พลังหมัดสีเขียวที่เรียบง่ายโปร่งแสงโฉบออกมา ผสมด้วยมรรคและวิชาของหลินสวิน ทำให้ทันทีที่หมัดนี้ปรากฏ ก็เกิดภาพน่ากลัวที่ ‘ท้องฟ้าถล่ม แผ่นดินแตกแยก สรรพสิ่งสูญสิ้น’ ทันที

สีหน้าของชายกลางคนหนวดโง้งเปลี่ยนไปโดยพลัน

ทว่าตอนนี้เองมีมกุฎอริยะสามคนลงมือ หมายจะสกัดการโจมตีนี้ไว้กลางทาง

ก็เห็นระฆังจรัสควบคุมฟ้านั่นขยายใหญ่ขึ้นกะทันหัน ดาบศึกที่ปรากฏเงามายากิเลนเพลิงม่วงก็โจมตีมาด้วย

พิณโบราณกังวานก้อง เสียงพิณเปลี่ยนเป็นเงามายาราวกับนางฟ้ามากมายลงมาเยือน

มกุฎอริยะสามคนลงมือพร้อมกัน!

น่าเสียดาย พวกเขายังคงประเมินพลังที่ประทับในหมัดนี้ของหลินสวินต่ำเกินไป

เคร้ง!

หมัดนี้กระแทกใส่ระฆังนั่นก่อน สมบัติอริยะที่มหัศจรรย์ไม่อาจคาดเดาชิ้นนี้ มีพร้อมทั้งการโจมตีและป้องกัน ยอดเยี่ยมมาก เป็นสมบัติที่นักพรตชุดดำคนนั้นภูมิใจ

แต่ตอนนี้ระฆังนี้กลับถูกหมัดเดียวกระแทกจนละอองแสงสาดกระเซ็น แม้แต่ตัวระฆังยังยุบเป็นรอยหมัดอย่างชัดเจน

พรวด!

สมบัติและเจ้าของมีพลังเชื่อมกัน เมื่อระฆังนี้ได้รับความเสียหาย ทำให้นักพรตชุดดำกระอักเลือดทันที สีหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ

แต่นี่แค่เริ่มต้น ที่ตามมาติดๆ คือหมัดนี้ปะทะกับดาบศึกเล่มนั้น เงามายากิเลนเพลิงม่วงที่ปรากฏบนคมดาบระเบิดออกโดยตรง เปลี่ยนเป็นละอองแสงกระเซ็นเต็มท้องฟ้า

เด็กหนุ่มชุดขาวร้องอย่างเจ็บปวด เงาร่างถอยร่น โซซัดโซเซเกือบจะร่วงล้ม

ส่วนเงามายานางฟ้ามากมายที่แปรเปลี่ยนมาจากเสียงพิณนั่นก็เหมือนกับกระดาษเปื่อย ยังไม่สามารถขวางได้ก็ถูกพลังหมัดพุ่งทะลวงบดขยี้

สุดท้ายพลังหมัดกระแทกบนทวนอสรพิษเล่มนั้น

ชายกลางคนหนวดโง้งก็นับว่าสุดยอด กัดฟันคำรามฝืนปะทะเต็มกำลัง แต่หมัดนี้ของหลินสวินเดิมก็พุ่งมาหาเขา จะต้านทานได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร

ปัง!

ทวนอสรพิษหนึ่งจั้งแปดชุ่นหักจากตรงกลาง

ร่างของชายกลางคนหนวดโง้งสั่นสะเทือน เหมือนถูกกดข่มอย่างไรอย่างนั้น พลันถอยออกไปสิบกว่าก้าว ทุกก้าวที่ถอยผิวหนังร่างกายของเขาก็จะแตกออกชั้นหนึ่ง หลังจากสิบกว่าก้าวเลือดเนื้อทั้งตัวเขาก็ไม่เหลือสภาพ ราวกับมนุษย์เลือด ดูทุลักทุเลน่าสยดสยอง

หมัดเดียวกำชัยเหนือมกุฎอริยะสี่คน!

อานุภาพกร้าวแกร่งที่หลินสวินสำแดงออกมาในชั่วขณะนี้ประหนึ่งพายุระลอกหนึ่ง ทำเอาทั้งที่นั้นสะท้านสะทือน

แต่สำหรับหลินสวิน หมัดนี้เพียงแค่ต้องการบีบให้ศัตรูถอยไป ไม้ตายที่แท้จริงของเขาคือกระบี่ยอดสังหารที่ถูกฟันออกมาพร้อมกัน!

พรวด!

และชั่วขณะที่พลังหมัดสงบลง อีกด้านกระบี่ยอดสังหารที่แดงสดราวกับเลือดปักเข้าไปกลางห้วงอากาศอย่างแรง

ครู่ต่อมาเงาร่างที่ซ่อนตัวอยู่ในห้วงอากาศอย่างไร้สุ้มเสียงถูกกระบี่นี้แทงทะลุและปรากฏออกมา ทั้งตัวถูกแหวกอกผ่าท้อง ฝนเลือดสาดกระเซ็น

มกุฎอริยะอีกคนร่วงหล่น!

ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ห่างไปทั้งโกรธทั้งตกใจ หลินสวินที่อยู่ภายใต้การล้อมโจมตี เมื่อระเบิดพลังออกมากลับดุดันถึงเพียงนี้ นี่เหนือความคาดหมายของพวกเขา

“ลงมือพร้อมกัน จะถูกเขาโจมตีทุกคนไม่ได้เด็ดขาด!”

ในที่นั้นเสียงคำรามดังก้อง มกุฎอริยะเหล่านั้นราวกับบ้าคลั่ง การเข่นฆ่าของหลินสวินเด็ดขาดเผด็จการไร้ที่เปรียบ ทำให้พวกเขาล้วนถูกกระตุ้น

และในเวลาเดียวกันสีหน้าของเซวี่ยชิงอีก็มืดทะมึนลง สายตาวูบไหว แม้แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่ามกุฎอริยะสามสิบคนออกโจมตี กลับยังไม่สามารถกำราบหลินสวินได้ กลับถูกเขาฉวยโอกาสเปิดฉากเข่นฆ่าในตอนนี้

‘ต่อให้สู้กับเขาตัวต่อตัว ข้าก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะ’

สีหน้าของสือพั่วไห่หนักอึ้งอย่างที่สุด ตอนแรกเขาดูถูกและเย้ยหยันหลินสวินมาก จากนั้นก็เริ่มมองอย่างจริงจัง คิดว่าหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ที่สามารถเทียบเคียงตนได้

แต่ตอนนี้ สือพั่วไห่ไม่กล้าคิดเช่นนี้แล้ว!

ภายใต้การสังหารของมกุฎอริยะสามสิบคนยังสามารถพลิกสถานการณ์ได้ หากเปลี่ยนเป็นเขาสือพั่วไห่ ก็ใช่ว่าจะสามารถทำได้

“หยั่งเชิงมาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเราควรลงมือหรือยัง”

ในสายตาของฮว่าหงเซียวไอสังหารวนเวียน มองมกุฎอริยะแต่ละคนที่ถูกหลินสวิงสังหาร นี่ทำให้เขาทนไม่ไหวแล้ว

“ช้าก่อน”

เซวี่ยชิงอีสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง “ผู้สูงส่งย่อมถนอนตน สถานการณ์ตอนนี้ยังอยู่ในการควบคุม ยังไม่จำเป็นที่ต้องให้พวกเราสอดมือ”

“เจ้าจะทนดูพวกเขาถูกฆ่าโดยไม่ทำอะไรเลยหรือ”

สือพั่วไห่ขมวดคิ้ว เขาเองก็ออกจะทนดูไม่ไหวแล้ว

“ทั้งสองท่าน ดินแดนเบื้องหลังพวกเราสามารถสูญเสียมกุฎอริยะบางส่วนได้ แต่ไม่มีพวกเราไม่ได้เด็ดขาด”

เซวี่ยชิงอีพูดเสียงขรึม “ตอนที่สถานการณ์ควบคุมไม่ได้ จึงจะเป็นเวลาลงมือของพวกเรา”

ว่าแล้วเขาก็ตะโกนคำหนึ่ง ออกคำสั่งเหล่ามกุฎอริยะที่ดูการต่อสู้มาโดยตลอด “พวกเจ้าลงมือพร้อมกัน! ข้าอยากเห็นนักว่าหลินสวินจะสามารถยืนหยัดได้ถึงเมื่อไหร่!”

มกุฎอริยะเหล่านี้มีถึงหกสิบกว่าคน พลันเคลื่อนไหวตามคำสั่งพุ่งเข้าสนามรบ

ทันใดนั้นสถานการณ์เปลี่ยนไปกะทันหัน

ก่อนหน้านี้มกุฎอริยะสามสิบคนลงมือพร้อมกันก็เรียกได้ว่าตะลึงโลกแล้ว

ตอนนี้มีมกุฎอริยะอีกหกสิบกว่าคนเข้าร่วม กำลังพลระดับนี้ยิ่งใหญ่อย่างที่สุด

พลังยิ่งใหญ่เช่นนี้รวมตัวกัน ล้วนสามารถจู่โจมค่ายทัพดินแดนหนึ่งได้แล้ว!

และตอนนี้พวกเขาพุ่งเป้าไปที่หลินสวินคนเดียว!

ไม่ว่าใครเห็นภาพนี้ก็คงสิ้นหวัง ระดับมกุฎอริยะเหมือนกัน แม้พลังต่อสู้ของหลินสวินจะพลิกฟ้าแค่ไหน แต่จะสังหารออกจากการปิดล้อมแน่นหนาได้อย่างไร

ในใจจ้าวจิ่งเซวียนกระตุกวูบอย่างแรง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ต่อให้หลินสวินจะหนี ยังยากที่จะคว้าโอกาสได้…

และที่อยู่ห่างไป ดวงตาแดงก่ำของเซวี่ยชิงอีเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งโหดร้าย ในใจพึมพำ ‘ฆ่าเถอะ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ว่าจะสูญเสียหนักหน่วงแค่ไหน ขอเพียงสังหารเจ้าหมอนั่นได้ก็คุ้มแล้ว!’

——