ตอนที่ 3182

War sovereign Soaring The Heavens

ผู้คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์เฉวียนโยว รวมถึงฉีเทียนหมิง ก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนได้ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดแล้ว

 

ทุกคนยังตั้งหน้าตั้งตารอดูต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และแสดงความดุร้ายด้วยการไปดักหน้าค่าย ทุบตีผู้อื่นอย่างไร้ทางสู้ เหมือนที่เคยทำมาทั้ง 3 เดือน สานตำนานอันดับ 1 ต่อไป!

 

เพราะพวกมันล้วนเชื่อมั่นถึงที่สุด ว่าหากต้วนหลิงเทียนไม่โชคร้าย จนเหินร่างเคว้งคว้างไม่พบผู้ใด ไม่มีทางที่จะไม่ได้รับอันดับ 1 แน่นอน!

 

อย่างไรก็ตาม พอขึ้นเดือนใหม่จนเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเสียที ราวกับคนหายสาบสูญไปเลย!

 

“เกิดอะไรขึ้น? ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนไปไหนแล้วเล่า?”

 

“เอ่อ…ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน คงไม่ใช่ว่าออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวเราไปแล้วหรอกนะ”

 

“ก็เป็นไปได้…หาไม่แล้วไฉนเดือนนี้แดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดมาสิบกว่าวัน แต่คนยังไม่เข้ามาอีก…”

 

“เฮ่ เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นคนนอกที่ผู้นำจ้างมาช่วยเหลือพวกเราเป็นครั้งคราวหรือไร? จะจากไปแล้วก็ไม่แปลกนี่นา? ไฉนเจ้าแลดูจริงจังขนาดนั้นเล่า?”

 

“ก็ข้าไปสืบมาจนรู้ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ที่แท้ถูกผู้ตรวจการฉีไปรับตัวมาจากนิกายอมตะเป้าผู่น่ะสิ! ไม่ใช่คนนอกที่ทางคฤหาสน์จ้างมาช่วยแต่อย่างใด!”

 

“นิกายอมตะเป้าผู่? หนึ่งในขุมกำลัง 3 นิกาย 2 ตระกูลใต้อาณัติคฤหาสน์เฉวียนเราน่ะนะ? โอ ทวยเทพ! ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะมาจากที่นั่น!!”

 

“ข้าว่าตอนนี้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสมควรถูกคนของตระกูลซูมาพาไปแล้วแน่แท้…หาไม่แล้วไฉนถึงไม่เข้าไปทำผลงานดีๆในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง?”

 

 

ศิษย์ขอบเขตขุนนางอมตะของคฤาหสน์เฉวียนโยวออกความเห็นกันระงมหู เพราะจนป่านนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียที

 

“เจ้าหนู เดือนนี้เจ้าไม่คิดเข้าไปหรือ?”

 

ฉีเทียนหมิงอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความมาถามไถ่

 

“เข้าไปไหน?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังคุยกับจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยอยู่ พอได้รับข้อความติดต่อจากฉีเทียนหมิง อารามครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่ก็เลยไม่ทันนึก ว่าฉีเทียนหมิงเอ่ยถามถึงเรื่องอะไร ได้แต่บดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณถามกลับไปอย่างงงๆ

 

“ก็เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอย่างไรเล่า”

 

ฉีเทียนหมิงส่งข้อความมาถามต่อ

 

“ผู้เฒ่าฉี ตอนนี้ข้าทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว…ท่านว่าข้ายังจะเข้าไปได้อีกไหมเล่า”

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็เข้าใจว่าเรื่องอะไร จึงส่งข้อความตอบกลับไปเร็วไว

 

หลังได้รับคำตอบดังกล่าวจากต้วนหลิงเทียน ฉีเทียนหมิงก็ยืนเหวอไปตาปริบๆ ด้วยคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้รับคำตอบลักษณะนี้จากต้วนหลิงเทียน

 

‘เจ้าหนูนั่น…มันทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว!?’

 

บัดนี้ฉีเทียนหมิงกลัวแล้วจริงๆ…

 

เพราะเท่าที่มันรู้มา ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งได้รับผลเทพสังเวยยสวรรค์ จนด่านพลังทะลวงจากขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศหรอกรึไง…?

 

แล้วเรื่องราวยังพึ่งผ่านไปเท่าไหร่กัน ต้วนหลิงเทียนกลับบ่มเพาะพลังจากขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ จนสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้แล้ว?

 

มันจดจำได้ว่าหากใช้ผลเทพสังเวยสวรรค์ จากขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดก็จะบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิษได้พอดี ไม่ได้มีพลังสั่งสมล้นเหลือมากมิใช่หรือ?

 

ในกรณีนั้นไม่ได้หมายความว่าหากคิดทะลวงถึงราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด ก็ต้องบ่มเพาะพลังเต็มขั้น ของขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศด้วยตัวเองก่อนหรือไร?

 

ตัดกลับมาทางด้านวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย

 

“ผู้อาวุโส ในเมื่อท่านว่าอย่างนั้น ข้าก็จะอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ไปไหน…รอให้พลังฝีมือข้าถึงขั้นสามารถเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงได้เมื่อไหร่ ข้าค่อยคิดเรื่องออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับชายชรา

 

“ดี”

 

ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน ชายยชราก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

ทันใดนั้น คล้ายมันฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ออก ชายชราจึงหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “จักว่าไป ดูเหมือนนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเราตอนนี้ จักมีแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาด้อมๆมองๆอยู่สองสามวันแล้ว…”

 

“ที่แปลกก็คือ ด้านหลังนางกลับมีคน 2 คนคอยสะกดรอยตามนางโดยที่นางไม่รู้ตัว”

 

“สตรีนางนั้นพึ่งมาถึงด้านนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวหลังนักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือด ยังมาถึงหลังคนของคฤหาสน์ปี้ชิงอีกด้วย เช่นนั้นก็สมควรไม่ใช่พวกเดียวกัน…”

 

“เจ้ารู้จักนางหรือไม่”

 

ชายชราถาม

 

“แม่นางน้อย?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “นางมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรหรือ?”

 

“ข้ามองไม่เห็นว่านางมีรูปโฉมอย่างไร…นางไม่เพียงแต่จะสวมผ้าปิดหน้า แต่ยังสวมงอบผ้าอีกด้วย เช่นนั้นจึงยากที่ข้าจะบอกได้ว่าหน้าตานางเป็นอย่างไร แต่รูปร่างนับว่าไม่เลวทีเดียว”

 

ชายชรากล่าว

 

และทันทีที่ชายชรากล่าวจบคำ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที เพราะลักษณะสตรีที่ปกปิดหน้าตามิดชิดขนาดนี้ อดทำให้ต้วนหลิงเทียนฉุกคิดถึงใครบางคนขึ้นมาไม่ได้

 

“ฮวนเอ๋อ?”

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน จากนั้นก็เร่งมองถามชายชราอย่างร้อนใจ “ผู้อาวุโส ไม่ทราบตอนนี้นางอยู่ที่ใด? นางอาจเป็นสหายที่พลัดหลงกับข้าเมื่อหลายปีก่อน!!”

 

“บางทีนางอาจได้ยินว่าตอนนี้ข้าอยู่ที่คฤหาสน์เฉวียนโยว ก็เลยมาตามหาข้าที่คฤหาสน์เฉวียนโยว!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว และยิ่งพูดก็ยิ่งสงสัยว่าอาจจะเป็นฮ่วนเอ๋อมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“สหายเจ้ารึ?”

 

ชายชราเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็โบกมือส่งๆ ปรากฏพลังไร้สภาพขุมหนึ่งแผ่มาปกคลุมห่อหุ้มต้วนหลิงเทียนเอาไว้ในฉับพลัน

 

พริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็พบว่าชายชราได้หอบหิ้วเขาเดินทางด้วยความเร็วสูง จนแลเห็นทิวทัศน์รอบกายเป็นเส้นแสงวูบวาบผ่านไปเร็วไว

 

“นางอยู่นั่น”

 

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนพบว่าชายชราได้ชะลอความเร็วจนหยุดลงแล้ว เสียงชายชราก็ดังขึ้นในหูเขาพอดี

 

ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินดังนั้น ก็หันมองไปเบื้องหน้าทันที

 

พริบตาเขาก็เห็นร่างบางหนึ่งยืนอยู่ไกลๆ

 

เป็นสตรีที่สวมใส่ผ้าคลุมและงอบผ้าปกปิดใบหน้ามิดชิด ชุดของนางมีสีขาวสะอาด รูปร่างของนางไม่ว่าจะทรวดทรงองค์เอวนับว่าไร้ที่ติ

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผ้าปิดปาก หมวกงอบผ้าบางๆนั่น หรือชุดที่นางสวมใส่อยู่ สำหรับต้วนหลิงเทียนมันคุ้นจนไม่อาจจะคุ้นมากกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว…

 

เพราะเขาเป็นคนพานางไปซื้อเอง!

 

“ฮ่วนเอ๋อ!”

 

ต้วนหลิงเทียนเผยทีท่าตกตะลึงทั้งประหลาดใจนัก ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอยู่ๆฮ่วนเอ๋อจะมาปรากฏตัวที่คฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้ ปมในใจอันหนักอึ้งเริ่มคลี่คลายทันที!

 

“อย่าได้รีบร้อนเผยตัว”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะออกไปแสดงตัว เสียงชายชราก็ดังขึ้นพอดี “อย่าได้ลืมไป ว่ามี 2 คนลอบสะกดรอยตามนางมาอย่างลับๆล่อๆ…ยิ่งไปกว่านั้นทั้ง 2 มิใช่มนุษย์แต่สมควรเป็นสัตว์อมตะ”

 

“ข้าลองแผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบพวกมันดูแล้ว…หากข้าดูไม่ผิด พวกมันสมควรเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายา”

 

พอชายชราเอ่ยถึงจุดนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง

 

คนของเผ่าจิ้งจอกมายา?!

 

จนถึงวันนี้ เขายังจำคำเตือนที่กูป๋อของฮ่วนเอ๋อกำชับไว้ได้ขึ้นใจ

 

กูป๋อของฮ่วนเอ๋อกำชับเขาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่า…ก่อนที่ฮ่วนเอ๋อจะบรรลุถึงขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะ อย่าปล่อยให้คนของเผ่าจิ้งจอกมายาพบเจอฮ่วนเอ๋อเด็ดขาด นอกเสียจากมารดาของนางเอง!

 

และหากมีคนของเผ่าจิ้งจอกมายาบังเอิญพบเจอฮ่วนเอ๋อโดยบังเอิญล่ะก็ เว้นเสียแต่มันผู้นั้นจะแซ่ตู้ ให้ฆ่าทิ้งทันที!

 

หาไม่แล้วฮ่วนเอ๋อจะมีภัยถึงชีวิต!

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็ทราบได้ทันที ว่านี่คือการแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจในเผ่าแน่นอน

 

“ผู้อาวุโส”

 

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะหันไปมองถามชายชรา “ท่านแน่ใจหรือไม่ ว่าสองคนที่ลอบสะกดรอยตามนางมาเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมาไม่ผิดแน่?”

 

“ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วน

 

ชายชราตอบ

 

“ผู้อาวุโสเช่นนั้นพาข้าไปพบพวกมันเถอะ…ถึงตอนนั้นข้าจะถามชื่อพวกมันมดู หากว่าพวกมันไม่ได้แซ่ตู้ ข้าขอรบกวนให้ผู้อาวุโสช่วยฆ่าพวกมันทิ้งได้หรือไม่?”

 

“และอย่าให้พวกมันได้มีโอกาสใช้ยันต์อมตะสื่อสารใดๆก่อนตายเด็ดขาด”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอชายชราด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด

 

“ได้”

 

ชายชราพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวถามอะไรให้มากความ ราวกับเต็มใจช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไข

 

อันที่จริงตอนนี้ตัวมันก็ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งฟางเส้นสุดท้ายแล้ว หากไม่มีต้วนหลิงเทียน โอกาสที่มันจะล้างแค้นให้บิดากับมารดาเรียกว่าริบหรี่เต็มที…

 

มีเรื่องหนึ่ง ที่ต้วนหลิงเทียนยังไม่รู้

 

อันที่จริงแล้วจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนี้ หาใช่อาจารย์ของอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเมื่อ 30,000 ปีก่อนไม่…แต่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนี้ ที่แท้ก็คือลูกชายแท้ๆของอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย!!

 

ในปีนั้นมารดาที่อุ้มท้องมัน หลังหลบหนีการล่าสังหารมาได้อย่างเฉียดฉิว ทว่าด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายหลังพบครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง นางก็ได้คลอดมันก่อนตาย…

 

ต่อมามันที่เติบโตขึ้นก็ได้ล่วงรู้เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่มารดาเหลือไว้ให้

 

ถึงแม้ในเวลาต่อมามันจะเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยว และขยันหมั่นเพียรโดยอาศัยความแค้นเป็นแรงผลักดัน แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีปัญญาเข่นฆ่าผู้นำตระกูลเหอเพื่อล้างแค้นให้บิดามารดาได้

 

ด้วยวิธีนี้มันก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับผู้อื่นเท่านั้น

 

การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน ทำให้มันเห็นรุ่งอรุณแห่งความหวัง

 

ตั้งแต่วินาทีที่ต้วนหลิงเทียนรับปากจะล้างแค้นให้บิดามารดามัน มันก็ยึดถือชีวิตของต้วนหลิงเทียนเป็นสำคัญเหนือชีวิตมันทันที

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะให้มันฆ่าผู้ใดก็ไม่รู้สองคนเลย หากต้วนหลิงเทียนสามารถล้างแค้นให้บิดามารดามันได้จริง ถึงตอนนั้นต่อให้ต้วนหลิงเทียนขอให้มันฆ่าตัวตาย มันยังไม่อิดออด!

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

ชายชราอบหิ้วต้วนหลิงเทียนไปปรากฏเบื้องหน้าคนทั้ง 2 ที่สะกดรอยตามฮ่วนเอ๋อ

 

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายชัดเจน เป็นชายหนุ่มกับชายวัยกลางคน และทั้งคู่ก็แลดูสับสนงุนงงไม่น้อยเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ ต้วนหลิงเทียนกับชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าต่อตา

 

“พวกเจ้าทั้งคู่ มาทำอะไรลับๆล่อๆในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองจ้องทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยถามเสียงหนัก “เป็นการดีเสียกว่าที่พวกเจ้าจะบอกฐานะความเป็นมาให้แน่ชัด…และแจ้งมาตามตรงว่าที่แท้พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่ หาไม่แล้วพวกเจ้าอย่าหวังเก็บชีวิตกลับไป!”

 

พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ สีหน้าท่าทีทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง

 

การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนกับชายชราเบื้องหน้า พวกมันไม่อาจแลเห็นร่องรอยใดๆได้เลย บ่งบอกให้รู้ว่าหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตพวกมัน เช่นนั้นพวกมันตายอย่างไรก็คงไม่ทราบแล้ว!

 

เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวก็บอกให้รู้ว่าอย่างน้อยๆ 1 ใน 2 ที่ปรากฏตัวเบื้องหน้า ร้ายกาจกว่าพวกมันมาก!

 

“ใต้เท้า พวกเราเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมาจาก ข้าเรียกว่าจางฉีอวี่ ส่วนด้านนี้คือจางลี่จง พวกเรามิได้มีความแค้นอันใดกับคฤหาสน์เฉวียนโยวของใต้เท้าเลย”

 

พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ หนึ่งในนั้นก็เร่งกล่าวออกมาเร็วไว

 

ไม่ได้แซ่ตู้!

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน

 

และในวินาทีเดียวกับที่ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลง เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยชราที่ยืนข้างๆ ก็ได้ยกมือขึ้นมาโบกสะบัดตามอำเภอใจ

 

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

 

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว เขาก็เห็นว่าคนเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 2 ที่ลอบสะกดรอบตามฮ่วนเอ๋อมา ได้ถูกเถาวัลย์ทะลวงแทงตกตายลงในชั่วพริบตา!

 

ในห้วงเวลาชั่วพริบตาเช่นนี้ อย่าว่าแต่ใช้ยันต์อมตะสื่อสารแจ้งเรื่องราว กระทั่งตกตายอย่างไร ก็เกรงว่าพวกมันจะไม่ทันรู้ตัว…

 

เพราะสีหน้าของทั้งคู่ ยังฉายถึงรอยยิ้มปั้นแต่ง เหมือนตอนกล่าวตอบคำเขาอยู่เลย…

 

‘ร้ายกาจยิ่ง!’

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงพลังอันน่ากลัวของชายชราข้างกายผู้เป็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที เรียกว่าทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ!

 

“ผู้อาวุโส ขอบคุณท่านมาก”

 

หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนก็ป้องมือประสานกล่าวขอบคุณชายชราจากใจ

 

หลังกล่าวขอบคุณแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาด้วยยสีหน้าจริงจัง “ผู้อาวุโสลองคนของเผ่าจิ้งจอกมายาตกตายแบบนี้ อย่างน้อยๆทางเผ่าพวกมันต้องตามร่องรอยมาถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวได้แน่…เรื่องนี้จะสร้างปัญหาอะไรรึเปล่า?”

 

“เผ่าจิ้งจอกมายาในแดนสวรรค์ใต้ ขุมกำลังยังนับว่าอ่อนด้อยกว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวเรามากนัก…ต่อให้พวกมันคิดมาหาความอันใด คฤหาสน์เฉวียนโยวเราก็ไม่หวั่น!”

 

ชายชรากล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

 

ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ

 

และภายใต้การนำพาของชายชรา ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไปปรากฏเบื้องหน้าฮ่วนเอ๋อไม่ไกล ฮ่วนเอ๋อก็ยังคงเหม่อมองคฤหาสน์เฉวียนโยวเบื้องหน้าไกลๆอย่างเงียบงัน

 

“ฮวนเอ๋อ!”

 

ต้วนหลิงเทียนมองฮ่วนเอ๋อด้วยอารมณ์สะทกสะท้อนครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆเรียกหานางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในดวงตาเขายังฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดีสุดระงับ