วินาทีต่อมา แม้จะมองด้วยตาเปล่าก็ยังเห็นว่าเลือดเนื้อบนร่างของหลัวซิวฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถูกสายฟ้าฟาดทำลายอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง วนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ……

จนกระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน กระดูกของหลัวซิวมีเลือดและเนื้อปรากฏขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าเทวะสีม่วงที่ฟาดฟันอยู่ด้านบนนั้น มันไม่สามารถสร้างความเสียหายได้อีกแม้แต่น้อย ถูกเนื้อและเลือดของเขาดูดซึมเข้าไปโดยตรง ร่างกายของเขาแสงสลัวสีม่วงปรากฏอยู่

“มีคนข้ามผ่านทัณฑ์?”

เรือรบสีทองลำหนึ่งเคลื่อนตัวอยู่ในอนัตตา บนดาดฟ้าของเรือรบลำนี้ มีชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีแดงเพลิงยืนอยู่ด้วยความสง่างาม

อิทธิพลจากการข้ามผ่านทัณฑ์ของหลัวซิวนั้นยิ่งใหญ่มาก แต่สถานที่ที่เขาข้ามผ่านทัณฑ์ กลับไม่ใช่กองกำลังที่ยิ่งใหญ่ เป็นเพียงแค่ตระกูลเล็ก ๆ เท่านั้น

โลกะอัมพรเทวกว้างขวางนัก ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธครอบคลุมรัศมีแสนลี้ โดยทั่วไปในสถานการณ์ปกติ มันไม่มากพอที่จะดึงดูดความสนใจของกองกำลังหลักอยู่แล้ว

ส่วนชายหนุ่มชุดแดงผู้นี้ ก็เพียงแค่บังเอิญผ่านมาทางนี้ แล้วสังเกตเห็นทิวทัศน์ที่หลัวซิวข้ามผ่านทัณฑ์ก็เท่านั้น

“ทัณฑ์สายฟ้าช่างรุนแรงยิ่งนัก เทียบกับทัณฑ์สายฟ้าที่เทพฟ้าบรรลุเป็นราชาเทพแล้วมันรุนแรงมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่กลับรุนแรงน้อยกว่าทัณฑ์สายฟ้าของราชาเทพที่จะบรรลุเป็นมกุฎเทพ”

ชายหนุ่มชุดแดงขมวดคิ้วขึ้นมา ทัณฑ์สายฟ้าที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เขากลับไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน

“โครมคราม……”

ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธยังคงเคลื่อนตัวลงมา เมื่อทะเลสายฟ้าสีม่วงสลายไปแล้ว เลือดเนื้อของหลัวซิวก็ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ ผิวทุกตารางนิ้วล้อมรอบด้วยสายฟ้าสีม่วง ราวกับสมบัติล้ำค่าในโลก

“แคร็ก!”

ทะเลสายฟ้าสีม่วงผ่านไป ตำหนักที่เกิดจากการหลอมรวมของสายฟ้าบนท้องฟ้า ก็เคลื่อนตัวร่วงลงมายังพื้นดิน เลือดเนื้อของหลัวซิวที่เพิ่งได้เกิดใหม่และแข็งแกร่งขึ้นมาเมื่อครู่ก็พลันแตกสลายในทันที พากันระเบิดออกเป็นผุยผง

แม้แต่กระดูกของเขาก็เช่นเดียวกัน ภายใต้การกดทับของตำหนักสายฟ้า มันยังส่งเสียงแตกราวกับถูกบดขยี้จนเป็นเถ้าถ่าน

วินาทีนี้เอง หลัวซิวก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะมีร่างอมตะ แต่หากว่าร่างเนื้อถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นเขาก็จะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีก ต้องตายอย่างแน่นอน

เขาเอื้อมมือออกไปจับ หอกยุทธ์มังกรดำก็พลันปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาแบมือแล้วลูบไปบนหอกยุทธ์ “ปลดผนึก!”

ปลดผนึกกฎดั้งเดิมขั้นที่สี่ หอกยุทธ์มังกรดำสั่นไหวอย่างรุนแรง ปลดปล่อยออร่าพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา จากเดิมทีเป็นเพียงอัญเทพฟ้า ตอนนี้ได้กลายร่างเป็นราชาแห่งศัสตราวุธแล้ว!

เขาโบกสะบัดหอกยุทธ์ในมือ โจมตีขึ้นไปยังตำหนักสายฟ้าเหนือศีรษะ ในเวลาเดียวกันดาราสามสิบหกดวงก็ลอยออกมา พุ่งเข้าปะทะกับตำหนักสายฟ้า

ในเวลานี้ ไม่ใช่แค่เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ต้องทนแบกรับบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของสายฟ้าและการชุบร่าง แม้แต่ดาราที่หลอมรวมอยู่ภายในร่างกายของเขาและหอกยุทธ์ ในนาทีนี้ก็ยังต้องเผชิญกับทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ และยิ่งแข็งแกร่งมากด้วย

ในเวลาเดียวกัน สายฟ้ามากมายระเบิดเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของเขา ทำให้ตัวหยั่งรู้ของเขาที่กำลังสงบนิ่งอยู่ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที

หลังจากบรรลุแดนเทพฟ้า อัจฉริยะไร้เทียมทานมีโอกาสอย่างมากที่ตัวหยั่งรู้จะกลายเป็นวังอัมพร

แต่หลัวซิวกลับไม่คิดที่จะเลือกเดินเส้นทางนี้ แต่ต้องการผสานเข้ากับวิถียุทธ์ของตนเอง ทำให้ตัวหยั่งรู้กลายเป็นห้วงดารา!

“จงสลาย!”

เขาไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการคุ้มกันของตัวหยั่งรู้ แต่เลือกที่จะกัดฟัน บดขยี้ตัวหยั่งรู้ด้วยตนเอง

ในชั่วพริบตา สายฟ้าอันมหาศาลราวกับถูกเทลงในตัวหยั่งรู้ พุ่งตรงเข้าไปยังช่องจิตที่แปรเปลี่ยนมาจากวิญญาณดั้งเดิมของเขา

เมื่อใดก็ตามที่ช่องจิตแหลกสลายภายใต้ทัณฑ์สายฟ้า เมื่อนั้นเขาก็จะดับสูญไปอย่างสมบูรณ์

ถึงอย่างนั้น เหตุที่หลัวซิวกล้าที่จะกระทำเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาต้องมีที่พึ่งของเขา นั่นคือภายในตัวหยั่งรู้ของเขา มีตำหนักวัฏสงสารที่ลึกลับโบราณอยู่!

ช่องจิตของเขาลอยเข้าไปภายในตำหนักวัฏสงสาร ต่อให้พลังของสายฟ้าจะโจมตีอย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง ก็ไม่สามารถระเบิดตำหนักวัฏสงสารออกไป ลำแสงของสายฟ้าทั้งหมดต่างถูกสะท้อนออกมา

ในขณะที่อาศัยตำหนักวัฏสงสารต้านทัณฑ์สายฟ้าเอาไว้ ตัวหยั่งรู้ที่แตกสลายของหลัวซิวก็เริ่มที่จะซึมซับพลังแห่งทัณฑ์สายฟ้า ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นห้วงดารา