ช่องจิตของเขาก็กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ ผสานเข้ากับกฎชีวิต ความตาย เวลาและปริภูมิ จากวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด มุ่งสู่การแปรผันเป็นวัฏสงสารที่แท้จริง

ตัวหยั่งรู้แปรเป็นห้วงดารา วัฏสงสารซ่อนอยู่ภายใน มันช่างพอเหมาะพอดีกับเส้นทางแห่งวิถียุทธ์ที่เขาได้ฝึกตนมา

ห่างออกไปหนึ่งแสนลี้ในอนัตตา ชายหนุ่มชุดแดงเห็นฉากนี้ด้วยตาของตัวเอง นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายของความตกตะลึง

“ตัวหยั่งรู้ของคนผู้นี้ จะกลายเป็นห้วงดารางั้นหรือ?”

จิตใจเขาสั่นสะท้านไปกับสิ่งนี้ กระทั่งตัวหยั่งรู้ของเขาที่กลายเป็นวังอัมพรแล้ว ยังพลอยสั่นสะท้านตามไปด้วย

วังอัมพรกับห้วงดาราจะเทียบกันได้อย่างไร? เปรียบเสมือนการถือผงธุลีเพื่อเปรียบเทียบขนาดของฟ้าดิน

ตัวหยั่งรู้กลายเป็นวังอัมพร เป็นที่ภาคภูมิใจสำหรับชายหนุ่มชุดแดงเสมอ ในบรรดาบุตรแห่งสวรรค์ในรุ่นเดียวกัน มีเพียงสองหรือสามคนเท่านั้นที่ทำได้

แต่วันนี้ เขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าชายผู้หนึ่งกำลังจะทำให้ตัวหยั่งรู้กลายเป็นห้วงดารา ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เขาจะไม่มีทางจะจินตนาการภาพนั้นได้ถึงมัน และจะไม่มีวันเชื่อเป็นแน่

“คนผู้นี้ต้องมีโชคมากเป็นแน่ ตัวหยั่งรู้ของเขายังไม่ได้รับการแปลงสภาพ นั่นก็หมายความว่าเขากำลังบรรลุแดนเทพฟ้า! แต่คนคนหนึ่งบรรลุแดนเทพฟ้าด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความสำเร็จในอนาคตของเขาไม่อาจคาดเดาได้เลย!”

เมื่อคิดถึงจุดนี้ การหายใจของชายหนุ่มชุดแดงก็พลันเร่งจังหวะถี่ขึ้นมา

ว่ากันตามหลักการ ด้วยตัวตนและฐานะของเขา ภายในโลกะอัมพรเทวแห่งนี้ ไม่มีโชคหรือโอกาสใดที่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญ ต่อให้เป็นในตอนนั้นที่ตำหนักวัฏสงสารเปิดออก เขาก็ไม่สนใจ เพราะทรัพยากรที่เขาใช้ฝึกตนในเวลาปกติ มันมากกว่าโอกาสและความโชคดีที่คนเหล่านั้นได้รับในตำหนักวัฏสงสาร

แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป โชคลาภของผู้ที่ข้ามผ่านทัณฑ์ มันทำให้เขาอิจฉา!

“หากข้าได้รับโอกาสที่เป็นของเขามาแทน เช่นนั้นหากวันใดที่ข้าได้บรรลุเป็นมกุฎเทพ นั่นคือมกุฎเทพคนแรกของโลกะอัมพรเทว มกุฎเทพเพียงผู้เดียว!”

ในเวลานี้หัวใจของเขากำลังพลุ่งพล่าน แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาสามารถมั่นใจได้ว่า ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ต่อให้คนผู้นี้สามารถผ่านมันไปได้ ก็จะต้องอยู่ในสภาพอ่อนแอมากแน่ ๆ เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะคว้าโอกาสแย่งชิงโชคนั้นมา

“ปัง! ……”

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดแล้ว อนัตตาสั่นสะท้าน ตำหนักสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวทั้งหลายต่างหายสาบสูญ ฟ้าดินก็พลันสงบนิ่งลงในชั่วพริบตา แต่ท้องฟ้ายังคงมืดมิดไม่มีที่สิ้นสุด เมฆแห่งทัณฑ์สายฟ้า ยังไม่ได้สลายไป

หลังจากหลบหนีไปไกลกว่าแสนลี้ เจ้าสำนักไป่หยุนมองออกไปไกล ๆ ในท้องฟ้าที่มืดมิด กะโหลกคริสตัลตกลงมาจากท้องฟ้า

ตึง!

กะโหลกตกลงมา ทำให้ก้อนหินขนาดมหึมาแตกเป็นผุยผง จากนั้นก็มีหอกยุทธ์สีดำสนิททั้งด้ามตกลงมา และปีกลงไปในดินโคลน สั่นไหวไปมา

“ตายแล้วหรือ?”

ในหัวของเจ้าสำนักไป่หยุนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ท่านผู้นั้นที่ทั้งลึกลับและแข็งแกร่ง กลับผ่านให้กับการข้ามผ่านทัณฑ์?

แม้แต่ชายหนุ่มชุดแดงที่อยู่กลางอนัตตาก็ยังต้องรี่ตาลง ในใจกลับคิดว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ถึงอย่างไรสำหรับการบรรลุแดนเทพฟ้าแล้ว พลังอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าเช่นนี้มันมากเกินไป ต่อให้เป็นเขาเองก็ไม่แน่ว่าจะข้ามผ่านไปได้สำเร็จ

“ตัวหยั่งรู้กลายเป็นห้วงดารา โลภมากเกินไป โอกาสและความโชคดีเช่นนี้จะเป็นตกไปเป็นของคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร? ก็มีเพียงอัจฉริยะอย่างข้าเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้”

ชายหนุ่มชุดแดงสีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ ทันใดนั้นก็หมายจะเคลื่อนตัวออกไป ค้นหาสิ่งที่ผู้ข้ามผ่านทัณฑ์ผู้นั้นหลงเหลือเอาไว้

“ตึก!”

แต่ในเวลานี้เอง เสียงเต้นของหัวใจที่ทุ้มต่ำและทรงพลังก็ดังกึกก้องอยู่บนท้องฟ้า

ฝีเท้าที่ชายหนุ่มชุดแดงเพิ่งก้าวเดินออกไปก็หยุดลงทันที สีหน้าเหยเกสับสน ดวงตาเบิกโพล่ง

ร่างกายของหลัวซิวถูกทำลายไปแล้ว เหลือเพียงแค่กระโหลกชิ้นเดียว แต่บนท้องฟ้าอันสูงส่งนั้น ปราณโลหิตมหาศาลทั้งหมดบนร่างของเขาที่หลอมรวมเป็นมังกรสีเลือดหนึ่งแสนแปดหมื่นตัวนั้นยังไม่สลายไป