ตูม!
ต้าวหยุนนั้นพลักฝ่ามือออกไปทำให้ร่างของศพอัปยศนั้นหายไปกว่าครึ่ง
แต่ศพอัปยศนั้นมันกลับไม่คิดสนใจและชักดาบฟันเข้ามา
ต้าวหยุนนั้นต้องขมวดคิ้วแน่นดูท่าแล้วคงเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมาก
เหล่านักบุญสูงทั้งหลายนั้นต่างลงมือพร้อมๆ กันคิดสังหารเหล่าศพอัปยศนั้น
แต่เหล่าศพอัปยศนั้นกลับยังคงพุ่งเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีหยุด
พลังงานอัปยศรอบๆ กายของเหล่าศพอัปยศนั้นมันเปลี่ยนสภาพเหมือนเป็นเกราะหุ้มร่างพวกมันไว้ทำให้พลังของพวกมันนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่านักบุญสูงทั้งหลาย
สีหน้าของเหล่านักบุญสูงทั้งหลายเปลี่ยนสีไปทันทีเพราะเวลานี้ต่อให้พวกเขาจะโจมตีออกไปมันกลับไม่อาจจะสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้ ทำได้เพียงแค่หยุดพวกมันลงชั่วครู่ก่อนที่สุดท้ายมันจะบุกเข้ามาใหม่
ปัง!
ต้าวหยุนและพวกนั้นต่างถูกพลังรุนแรงกระแทกจนต้องปลิวถอยหลังกลับไป
“ให้ตายสิ ศพอัปยศพวกนี้มันต่อต้านดาบหอกได้ไม่อาจถูกกฎใดโจมตี พวกมันเป็นอมตะโดยแท้!” ต้าวหยุนนั้นได้แต่ต้องกัดฟันร้อง
โฮ่ก!
เสียงมังกรลั่นขึ้นมาพร้อมด้วยปราณดาบที่พุ่งผ่านหน้าพวกเขาตัดหัวของศพอัปยศตัวหนึ่งลงก่อนที่ร่างของมันจะหยุดขยับไป
คนทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้างหันมามองเย่หยวนเป็นตาเดียว
ดาบนี่มันย่อมจะเป็นดาบมังกรวสันต์ที่เย่หยวนฟันออกมาแล้ว
“จุดอ่อนของศพอัปยศนั้นมันคือหัว ตัดหัวพวกมันออกก็พอแล้ว!” เย่หยวนสั่ง
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็สะดุ้งตัวกลับขึ้นมาโจมตีใส่หัวของศพอัปยศทั้งหลายทันที
แต่พูดมันง่ายกว่าทำนัก
เพราะแม้เหล่าศพอัปยศนี้จะไม่ได้มีสติสัมปชัญญะใดๆ แต่พวกมันนั้นก็ยังมีสัญชาตญาณของยอดฝีมือ
พวกมันนั้นปกป้องหัวของตนเองอย่างสุดฝีมือทำให้คนทั้งหลายไม่อาจโจมตีถึงได้ง่ายๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นต่อให้เหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกโจมตีโดยหัวพวกมัน มันก็ไม่อาจจะสร้างความเสียดายได้มากนัก
มีเพียงแค่เหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวทั้งหลายเท่านั้นที่เก่งกาจพอจะทำลายหัวของพวกมันลงได้อย่างเย่หยวน
คนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างเพราะหากเป็นเช่นนั้นมันก็เท่ากับว่าเย่หยวนนั้นมีพลังเทียบเคียงได้กับเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวแล้ว!
แต่เจ้าหมอนี่มันมีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นกลาง!
ต่อให้จะไม่มีภูติแท้นักบุญสูงติดตามแต่พลังของตัวเขานั้นก็ยังถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวได้ด้วยตัวเอง
ศพอัปยศรอบๆ ตัวของพวกเขานั้นมันยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมีพลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
เวลานี้แม้แต่เหล่าศพอัปยศพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นต้นก็เริ่มปรากฏขึ้นมาแล้ว
“ให้ตายสิ ทำไมมันถึงได้มีศพอัปยศมากมายปานนี้กัน? เช่นนี้อีกไม่นานเราคงได้ตายลงสิ้นแน่!” เทียนลู่กล่าวขึ้นมาด้วยความคับแค้นในใจ
เย่หยวนเองก็ต้องขมวดคิ้วแน่น ได้เข้าใจเสียทีว่าที่แห่งนี้มันคืออะไร
ขนาดว่านี่แค่ทางเข้าวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตมันยังมีศพอัปยศอันแข็งแกร่งมากมายปานนี้
หากเข้าไปลึกกว่านี้แล้วมันย่อมจะยิ่งอันตรายกว่าอีกหลายเท่า
“ดูเหมือนพวกมันนั้นจะบังคับให้เราเข้าไปทางนั้น เราจะไปไม่ได้! มันต้องมีอะไรที่ทรงพลังรอเราอยู่แน่!” จื่อหยางกล่าวขึ้น
“เช่นนั้นแล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า? ไปก็ตายไม่ไปเราก็ตายอยู่ดี!” หยวนอี้สวนขึ้นทันที
“ผู้อาวุโส เราทำอย่างไรกันดี?” เย่หยวนขมวดคิ้วถามขึ้น
ดูท่าแล้วเขาเองก็คงสัมผัสได้ถึงความกดดันนี้เช่นกัน
เวลานี้รอบๆ ตัวพวกเขานั้นมันเริ่มมีศพอัปยศพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนปรากฏมากขึ้นทุกที ปล่อยไปเช่นนี้แม้แต่เหล่านักบุญสูงเองก็คงไม่อาจจะต้านไหว
“อืม…ให้ต้าหวงเปิดทางตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าจำได้ว่าทางนั้นมันเป็นทางไปศาลาฝากสมบัติ! หากข้าเดาไม่ผิดแล้วที่นั่นมันย่อมจะมีหักโมฆะเซียนผงาดอยู่บ้าง เจ้าเด็กนี่มันอ่อนแออยู่มากคงเข้าไปลึกไม่ได้ แค่ไปถึงก็คงเต็มกลืนมันแล้ว” หมี่เทียนกล่าว
“ต้าหวง! ทางนั้น!” เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็รีบสั่งออกมาทันที
ต้าหวงที่ได้ยินก็ขยับหมุนร่างไปมาทันที
จากนั้นกีบเท้าของเขาก็ถีบออกมาทำลายร่างของศพอัปยศพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนลงหน้าลงทันที
แต่ว่าคลื่นพลังนั้นมันยังไม่หยุดลงและพุ่งไปทำลายร่างของศพอัปยศด้านหลังอีกหลายตัว
ภายใต้การแนะนำของหมี่เทียนนั้นกีบทุเรศไหวของต้าหวงมันได้พัฒนาจนไม่อาจเอามาเทียบกับของที่เขาใช้จัดการหลู่เจิ้งซินนั้นได้แล้ว
กอปรด้วยการบ่มเพาะที่สูงขึ้นของเขานั้นกลับของกีบทุเรศไหวมันจึงรุนแรงล้ำ ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นกลางเองก็คงไม่อาจจะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ!
เวลานี้ต้าหวงใช้พลังออกมาอย่างถึงที่สุดมันย่อมจะเปิดทางกว้างขึ้นมา
“ไปกัน!”
คนทั้งสองนั้นพุ่งตัวหนีออกจากวงล้อมทันที
เหล่านักบุญสูงทั้งหลายนั้นต่างผงะไปเมื่อได้เห็นการเตะนั้น แต่เมื่อได้เห็นพวกเย่หยวนฝ่าวงล้อมออกไปพวกเขาที่เหลือต่างก็วิ่งตามไปอย่างไม่คิดทันที
“ตามไป!” ต้าวหยุนร้องลั่น
เงาร่างมากมายพุ่งตัวออกไปแต่เหล่ายอดฝีมือที่ด้านหลังนั้นก็ค่อยๆ กลับมาถูกศพอัปยศปิดล้อมอีกครั้งในไม่นาน
“อ้า!”
“อ้าก!”
…
เสียงร้องโหยหวนดังลอยมาจากด้านหลังเหล่าคนที่เหลือนั้นถูกศพอัปยศรุมสังหารในพริบตา
ในหมู่คนที่ตายไปนั้น แม้แต่นักบุญสูงเองก็ไม่รอด!
เขานั้นถูกศพอัปยศพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนสองตัวเข้าโจมตีทำให้ไม่อาจจะหนีได้และถูกล้อมไว้
ได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากด้านหลังนั้นคนทั้งหลายก็ได้แต่ต้องขนลุกวิ่งหนีไปอย่างสุดแรงเกิดทันที
“โฮ่ก!”
แต่ในเวลานั้นเองมันได้เกิดเสียงคำรามทุ้มดังตามมา
พร้อมๆ กับเสียงนั้นมันก็ได้ปรากฏเงาร่างของศพสีดำพุ่งตามคนทั้งหลายออกมาอย่างรวดเร็ว
พลังงานอัปยศนั้นมันรุนแรงจนทำให้เหล่านักบุญสูงหน้าเสีย
“ไม่ดีแล้ว! นี่มันศพอัปยศพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นสุด มันมีสติปัญญาแล้ว! หากมันตามเรามาได้เราคงได้ตายสิ้นแน่! ที่พวกมันคิดดันเราเข้าไปในทางนั้นก็เพราะว่าเจ้านี่เอง! เวลานี้มันจึงอับอายจนโกรธเคือง!” ต้าวหยุนนั้นร้องลั่นหันกลับไปมอง
พวกเขานั้นสัมผัสได้ถึงพลังที่ตามติดมานั้นมันมีพลังถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นสุดทีเดียว
หากมันตามมาถึงได้พวกเขาคงได้ตายแน่
เดิมทีแล้วศพอัปยศนั้นล้อมคนทั้งหลายไว้ได้สิ้น ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ ต้าหวงนั้นกลับจะถีบเท้าออกมาเปิดทางหนีได้เสียอย่างนั้น
แน่นอนว่ามันย่อมจะไม่พอใจ
ศพอัปยศพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้นมันย่อมจะมีความเร็วที่เหนือคาด
ในทางเดินแคบๆ นี้พวกเขานั้นสัมผัสได้ว่ามันใกล้เข้ามาทุกวินาที
“ไอ้หนู ตะเกียงที่ตั้งตามแนวทแยงมุมเบื้องหน้านั้นคือค่ายกล! เจ้ารีบไปเปิดใช้งานมันเสีย!” หมี่เทียนสั่ง
เย่หยวนเบิกตาจ้องมองดูรอบข้างและปล่อยให้คนทั้งหลายผ่านไปก่อน
ในเวลานี้เขาได้เห็นถึงตัวศพอัปยศพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นสุดอยู่ตรงหน้าแล้ว
เมื่อเย่หยวนได้เห็นมันนั้นเขาก็ต้องขนลุกทั้งกายเช่นกัน
แต่วินาทีเดียวกันนั้นเองที่เย่หยวนได้เปิดใช้ตะเกียงขึ้น
วือ วืด…
เวลานี้ศพอัปยศนั้นมันแทบจะเข้าถึงตัวเย่หยวนแล้ว
แต่ในเวลานั้นเองที่มันกลับเกิดพลังงานปิดกั้นขึ้นมาในเส้นทางตรงหน้า
ก่อนที่ศพอัปยศนั้นมันจะทันได้ทำอะไรร่างของมันก็กลายเป็นควันสีดำ ตายลงทันที!
ส่วนศพอัปยศที่ตามหลังมานั้นพวกมันย่อมจะแหลกสลายลงไปสิ้นเช่นกัน
เมื่อเย่หยวนได้เห็นถึงพลังนี้พวกเขาก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกทันที
ช่างเป็นค่ายกลที่ทรงพลัง!
ศพอัปยศพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นสุดนั้นมันต้องทรงพลังแค่ไหน?
ดูท่าแล้วต่อให้จะเป็นมนุษย์ผู้มีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นสุดเองก็คงไม่อาจเอาชนะมันได้
แต่ว่าตัวตนเช่นนั้นกลับแตกสลายลงในพริบตา!
เป็นตอนนี้เองที่เองที่เย่หยวนได้รู้จักคำว่าทรงพลังอย่างแท้จริง!
ดูท่าแล้วพลังค่ายกลปิดกั้นนี้มันคงจัดการได้แม้แต่เหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเที่ยง!
เมื่อเหล่านักบุญสูงทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ทิ้งตัวลงนั่งพื้นด้วยความโล่งใจที่รอดพ้นจากภัยร้าย
“น น้องเย่ ข ขอบคุณเจ้าที่ช่วยเหลือ!” นักบุญสูงจื่อหยางกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดขาว
“น้องเย่ ขอบคุณเจ้ามาก!”
“ขอบคุณน้องเย่มากที่ไม่ถือเอาเรื่องก่อนหน้ามาใส่ใจ ช่วยชีวิตเราไว้!”
…
เหล่านักบุญสูงทั้งหลายนั้นต่างกล่าวขอบคุณเย่หยวนมาตามๆ กัน
เพราะก่อนหน้านี้มันเป็นอันตรายถึงชีวิตพวกเขาจริงๆ
พวกเขานั้นแทบจะถูกตามทัน
ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้น แต่ละขั้นมันเป็นความห่างชั้นที่มากล้น!
ต่อให้พวกเขาจะร่วมมือกันมันก็คงไม่อาจจะเอาชนะยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นสุดลงได้
หากมิใช่เพราะเย่หยวนแล้วพวกเขาคงได้ตายสิ้น
เวลานี้จิตใจความคิดของพวกเขานั้นมีแต่ความโล่งใจที่พ้นภัยมา มีหรือที่จะยังรู้สึกคับแค้นใดๆ เย่หยวนได้? เวลานี้พวกเขานั้นมีแต่ความซาบซึ้ง
แต่ว่าพวกเขานั้นก็ตื่นตะลึงไม่น้อยเช่นกันเพราะเย่หยวนนั้นกลับมองออกว่ามันมีค่ายกลที่ทรงพลังอยู่ตรงนั้น?
หากเย่หยวนนั้นคิดร้ายต่อพวกเขาแล้ว ร่างกายของพวกเขานั้นก็คงไม่ได้มีสภาพดีไปกว่าเหล่าศพอัปยศที่ตายลงไป กลายเป็นแค่ฝุ่นผง!