ชุยตงซานหันหน้าไปพูดกับเฉาฉิงหล่าง “เรือมังกรเรือข้ามฟากลำนั้น สามารถเอามาซ่อมแซมที่นี่ได้ หากเจ้ารู้สึกว่าทางฝั่งของหลิวจ้งรุ่นเหมาะสม ก็บอกให้นางพาลูกศิษย์ผู้สืบทอดส่วนหนึ่งที่นิสัยสุขุมหนักแน่น ให้มาเลือกภูเขาสองสามลูกที่นี่ฝึกตน เพียงแต่ตกลงกันไว้ให้เรียบร้อยก่อนว่า ภายในเวลาหกสิบปี นอกจากเจ้าเกาะหลิวที่สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระแล้ว พวกลูกศิษย์ผู้สืบทอดล้วนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ”
ชุยตงซานยกสองมือขึ้นสะบัดชายแขนเสื้อ ชี้นิ้วไปยังสองจุด “ยกตัวอย่างเช่นสถานที่สองแห่งนี้ มีโชคชะตาน้ำอยู่เยอะมาก สามารถยกให้หลิวจ้งรุ่นแห่งเกาะจูไชได้”
สถานที่แห่งหนึ่งคือส่วนหนึ่งหนึ่งตำหนักหนันซวินที่เสิ่นหลินหลิงหยวนกงแห่งลำน้ำจี้ตู๋มอบให้ และยังมีลำธารอีกสายหนึ่งที่หลี่หยวนหลงถิงโหวมอบให้
เรือมังกรที่มีชื่อว่าฟานโม่ลำนั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่กลับมายังท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยว สภาพพังเสียหายอย่างหนัก โงนเงนจะล่มมิล่มแหล่ ลำพังเพียงแค่เงินเทพเซียนที่ต้องใช้ในการซ่อมแซมก็เกินกว่ามูลค่าของตัวเรือมังกรไปแล้ว หลิวจ้งรุ่นอยากซื้อมังกรลำนี้กลับไปอยู่เหมือนกัน ในเมื่อเป็นเรือข้ามฟากบนภูเขาไม่ได้ก็เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก สามารถเอาไปจอดไว้ในตำหนักวารี คิดไม่ถึงว่าภูเขาลั่วพั่วจะปฏิเสธเรื่องนี้ บอกว่าอยากจะซ่อมแซมให้กลับมาดีเหมือนเก่า เดิมทีหลิวจ้งรุ่นเองก็หวังดี อยากให้ภูเขาลั่วพั่วเสียเงินเสียทองน้อยหน่อย ในเมื่อภูเขาลั่วพั่วไม่ถือสา นางก็คร้านจะทำในสิ่งที่เกินความจำเป็น
การประชุมในห้องบัญชีภูเขาลั่วพั่ว เกี่ยวกับนครเหนือเมฆที่อยู่ห่างไกลถึงทวีปอื่น รวมไปถึงเกาะจูไชที่อยู่ใกล้เพียงตรงหน้า ต่อให้ทั้งสองฝ่ายจะเป็นตระกูลเซียนเล็ก แต่แท้จริงแล้วภูเขาลั่วพั่วกลับเห็นในน้ำใจเห็นในความดีของพวกเขา
เฉาฉิงหล่างพยักหน้ารับ ไม่มีความเห็นต่าง
ภูเขาลั่วพั่วคิดอยากจะหยัดยืนได้มั่นคงไม่ล้มลงทั้งในช่วงกลียุคและในช่วงที่โลกสงบสุขรุ่งเรือง คิดอยากจะมีกิจการรากฐานยาวนานพันปี ไม่เพียงแต่ต้องเป็นพันธมิตรกับสำนักใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมอบผลประโยชน์ให้กัน ยังจะต้องพยายามนำพาตระกูลเซียนที่ยังไม่โดดเด่นอย่างพวกเกาะจูไช นครเหนือเมฆและจวนไช่เฉวี่ย ฯลฯ ให้แข็งแกร่งเติบโตไปพร้อมกับภูเขาลั่วพั่วด้วย อีกทั้งยังไม่อาจเอาแต่คบค้าสมาคมกับผู้อื่นเพียงเพราะผลประโยชน์อย่างเดียว ภูเขาลั่วพั่วนั้นเงินก็อยากหา ควันธูปก็อยากช่วงชิงมา ใจคนก็ยิ่งต้องช่วงชิงมาด้วย!
ชุยตงซานกล่าว “วันนี้ข้าค่อนข้างเจ้ากี้เจ้าการอยู่บ้าง ถือเป็นข้อยกเว้น เกี่ยวกับพื้นที่มงคลรากบัวแห่งนี้ วันหน้าจะให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจหลักคนเดียวแล้ว เจ้ายินดีจะปรึกษากับใครก็ปรึกษาได้ตามสบาย ไม่ยินดีก็ลงมือทำด้วยตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในเมื่ออาจารย์เชื่อมั่นในตัวเจ้า ข้าก็เชื่อมั่นในตัวเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าจะคิดอย่างไร พวกเราลำดับศักดิ์เท่าเทียมกัน ไม่มีความจำเป็น แค่เจ้าห้ามทำให้อาจารย์ผิดหวังก็พอ”
เฉาฉิงหล่างประสานมือคารวะศิษย์พี่เล็ก แต่อันที่จริงในใจกลับไม่ได้ผ่อนคลายนัก
ชุยตงซานพลันหันไปยิ้มพูดกับจูเหลี่ยน “วันนี้ข้าทำอะไรค่อนข้างโดดเด่น พ่อครัวเฒ่าคงจะไม่รู้สึกไม่สบอารมณ์กระมัง”
จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “ผู้ที่มีความสามารถย่อมต้องเหนื่อยมาก ทำเยอะผิดเยอะคนอื่นยังโทษไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่อาจารย์ชุยน้อยทำมากถูกมาก”
ชุยตงซานถอนสายตากลับมา หลุบตาลงต่ำมองโลกมนุษย์ “ทุ่มเงินแล้วก็ทุ่มเงินอยู่ตลอด ในที่สุดก็สามารถหาเงินได้แล้ว เมื่อโอกาสมาถึงโชคชะตาก็เปลี่ยนแปลง นิมิตหมายที่ดี นิมิตหมายที่ดีที่ยิ่งใหญ่!”
พื้นที่มงคลระดับสูงทุกแห่งบนโลกที่ไปถึงคอขวดก็คืออ่างสมบัติที่เงินทองไหลมาเทมาอย่างแท้จริงแล้ว สำนักและตระกูลชนชั้นสูงที่เป็น ‘เทพเทวดา’ ซึ่งในมือครอบครองพื้นที่มงคล สามารถกวาดเอาสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดินที่ถือกำเนิดขึ้นตามโชคชะตามาและนำออกไปจากพื้นที่มงคลได้ตามแต่ใจปรารถนา
ผู้ฝึกตนในท้องถิ่นของพื้นที่มงคลบางส่วนก็สามารถถือโอกาสนี้หลุดออกไปจากกรงขัง ถูกนำพาออกไปจากพื้นที่มงคล กลายมาเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลในศาลบรรพจารย์ของจวนเซียน ‘นอกฟ้า’ นี่ก็คือคำกล่าวที่ว่า ‘บรรลุมรรคาบินทะยาน กลายเป็นเซียน’ ที่กล่าวถึงในตำราหลายๆ เล่มของพื้นที่มงคล
นี่ก็คือการที่ผู้ครอบครองพื้นที่มงคลใช้ปราณวิญญาณของฟ้าดิน หรือไม่ก็ใช้เงินเทพเซียนของจริงมาแลกเปลี่ยนเป็นเทพเซียนตัวจริงสมชื่อคนหนึ่ง
อีกทั้งการกระทำเช่นนี้ยังไม่ส่งผลเสียต่อมหามรรคา ไม่ส่งผลร้ายต่อชัยภูมิ และไม่ทำลายคนสามัคคี
สุดท้ายจูเหลี่ยนรั้งตัวเว่ยซานจวินที่ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรทำ ไม่สู้ชมทัศนียภาพผ่อนคลายอารมณ์อยู่ที่นี่ให้นั่งบัญชาการณ์ม่านฟ้าด้วยกันต่อ รับผิดชอบคอยจับตามองม้วนภาพนั้น สหายฉางมิ่งและนักบัญชีเหวยเหวินหลงเริ่มออกเดินทางไกลไปเก็บเงิน
ชุยตงซานพาเผยเฉียน เซียนกระบี่ผู้อาวุโสหมี่ รวมไปถึงหงเซี่ยที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ออกไปจากพื้นที่มงคลด้วยกัน
เฉาฉิงหล่างไปยังเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนเงียบๆ
ถงเซิง ซิ่วไฉ จวี่เหริน จ้วงหยวน ล้วนเป็นยศของเฉาฉิงหล่าง
ในอดีตเฉาฉิงหล่างได้เข้าร่วมการสอบเคอจวี่ของแคว้นหนันเยวี่ยน ตลอดทางราบรื่นเหมือนผ่าลำไม้ไผ่ สอบระดับท้องถิ่นได้ลำดับเจี่ยหยวน (ตำแหน่งผู้ที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งของการสอบท้องถิ่น/ชนบท) สอบระดับมณฑลได้เป็นฮุ่ยหยวน (ตำแหน่งผู้ที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งของการสอบระดับมณฑล) สอบหน้าพระที่นั่งได้ตำแหน่งจ้วงหยวน (หรือจอหงวน ลำดับที่หนึ่งในการสอบ) กลายมาเป็นบัณฑิตคนแรกในประวัติศาสตร์ของพื้นที่มงคลดอกบัวที่สอบได้อันดับหนึ่งในการสอบสามระดับติดต่อกัน
แม้แต่อาจารย์จ้งยังไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นี่คือยศยาวเป็นพรวนที่เฉาฉิงหล่างอาศัยความสามารถของตัวเองช่วงชิงมา
ดังนั้นภายหลังที่เฉาฉิงหล่างจากมาจึงกลายเป็นคดีปิดไม่ลงใหญ่เทียมฟ้าของวงการขุนนางเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน
ปีนั้นอยู่ที่สถานศึกษาหลี่จี้ของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ได้เจอกับอาจารย์ผู้เฒ่าเหวินเซิ่งที่มีสถานะเป็นอาจารย์ปู่ ซิ่วไฉเฒ่าได้ยินเรื่องนี้มาจากอาจารย์จ้งก็ให้ปิติยินดีเป็นล้นพ้น เกือบจะหยิบธูปสามดอกออกมาจุดเสียแล้ว เอ่ยว่ายอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม เป็นต้นครามที่เกิดจากครามแต่สีเข้มกว่าคราม สายบุ๋นของพวกเราเก่งกาจทะยานฟ้าจริงๆ ไม่ว่าจะศึกษาหาความรู้ เล่นหมากล้อม ดื่มเหล้า ฝึกกระบี่ เขียนตัวอักษร ฝึกหมัด พูดจาน่าฟัง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไร้เทียมทานในใต้หล้า และทุกวันนี้แม้แต่ความบกพร่องเพียงหนึ่งเดียวในความสมบูรณ์แบบอย่างเรื่องการมียศศักดิ์ก็ยังเงยหน้าอ้าปากได้แล้ว!
ชุยตงซานอยู่ต่อที่ภูเขาลั่วพั่ว หงเซี่ยติดตามอยู่ด้านข้างอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ส่วนเผยเฉียนกับหมี่อวี้เดินเท้ากันไปที่ท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยว หนึ่งใต้หนึ่งเหนือ เผยเฉียนต้องการนั่งโดยสารเรือข้ามฟากไปที่สนามรบอาณาเขตของขุนเขาใต้ ส่วนหมี่อวี้ต้องไปเยือนจวนไช่เฉวี่ยที่อุตรกุรุทวีปรอบหนึ่ง
ไปถึงท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวที่ยิ่งนานวันกิจการก็ยิ่งเจริญรุ่งเรือง ภูเขาตระกูลเซียนที่เคยเป็นร้านผ้าห่อบุญดั้งเดิมร้านหนึ่งมีสิ่งปลูกสร้างน้อยใหญ่ทอดยาวไปเป็นแถบ ครบถ้วนทั้งหอเรือนทั้งตลาด
ปีนั้นร้านผ้าห่อบุญมองการณ์ผิดพลาด ไม่เห็นดีกับการกรีฑาทัพลงใต้ของกองทัพม้าเหล็กต้าหลี จึงเท่ากับกึ่งขายกึ่งยกให้ภูเขาพีอวิ๋นและภูเขาลั่วพั่ว ภายหลังร้านผ้าห่อบุญใช่ว่าจะไม่เสียใจ คิดอยากจะซื้อกลับไปในราคาสูง เว่ยป้อจึงใช้งานเลี้ยงท่องราตรีครั้งหนึ่งมารับรองแขกสูงศักดิ์จากร้านผ้าห่อบุญ ต่อจากนั้นมาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
อีกเดี๋ยวหมี่วี้จะต้องขอให้เว่ยซานจวินช่วยส่งเขาไปที่ชายแดนของขุนเขาเหนือก่อน จากนั้นจึงจะอำพรางลมปราณ ขี่กระบี่ข้ามทวีปไปทางทิศเหนือเพียงลำพัง ซึ่งจะถือโอกาสนี้ได้ชื่นชมสะพานยามข้ามมหาสมุทรที่เชื่อมโยงสองทวีปเข้าด้วยกันพอดี ส่วนเผยเฉียนออกเดินทางไกลครั้งนี้ไม่ได้ถือไม้เท้าเดินป่าและสะพายหีบไม้ไผ่ แล้วก็เอาดาบแคบยันต์หิมะทิ้งไว้ที่ภูเขาลั่วพั่วด้วย เพียงแค่ห้อยป้ายหยกกรมอาญาของต้าหลี รวมไปถึงตรงเอวด้านหนึ่งห้อยดาบคู่วางทับซ้อนกัน นางจะโดยสารเรือข้ามฟากของกองทัพชายแดนต้าหลีลำหนึ่งลงใต้ ใช้นามแฝงว่าเจิ้งเฉียน
เผยเฉียนคิดว่าจะกดขอบเขตไว้ที่ขอบเขตร่างทองก่อน พูดด้วยสำเนียงคนธวัลทวีป วิชาหมัดใกล้เคียงกับสายของศาลเหลยกงจังหวัดหม่าหู
หมี่อวี้พูดกับเผยเฉียนว่า “ระวังตัวด้วย”
เผยเฉียนพยักหน้า “เซียนกระบี่หมี่ก็เหมือนกัน”
หมี่อวี้จนใจยิ่งนัก
ทุกวันนี้พอเขาได้ยินสองคำว่า ‘เซียนกระบี่’ ก็จะรู้สึกตะครั่นตะครอไปหมด
ทางฝั่งโต๊ะหินริมหน้าผา ชุยตงซานนั่งไขว่ห้างร่ายเวทคาถาอย่างไม่ใส่ใจ บนม้วนภาพที่อยู่บนโต๊ะหินเป็นภาพเงาร่างของศิษย์พี่หญิงใหญ่กับเซียนกระบี่อาวุโสหมี่ เด็กหนุ่มชุดขาวแทะเมล็ดแตงอย่างสบายอารมณ์ หงเซี่ยไม่กล้าแม้แต่จะนั่งลง
ชุยตงซานชำเลืองตามองเจียวน้ำก่อกำเนิดตัวนี้ “จะต้องให้ข้าคุกเข่าขอร้องให้เจ้าขยับขาก่อนหรือไม่ เจ้าถึงจะยอมไปเชิญนายท่านใหญ่อวิ๋นจื่อมาที่นี่?”
หงเซี่ยยอบตัวคารวะ แล้วรีบทะยานลมไปที่ภูเขาฮุยเหมิงทันที
ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ออกจากพื้นที่มงคลกลับมายังภูเขาลั่วพั่ว หงเซี่ยยังคงไม่กล้าเอ่ยอะไร อันที่จริงนางหมายตาแม่น้ำลำคลองสายหนึ่งในอาณาเขตแคว้นซงไล่ซึ่งที่ตั้งค่อนข้างกันดารห่างไกล เมื่อเทียบกับสถานที่ที่เพ่ยเซียงเลือกนำแคว้นหูไปลงหลักปักฐานแล้วก็แตกต่างกันอย่างมาก เพราะถึงอย่างไรฝ่ายหลังก็ยังอาศัยเส้นทางมังกรสายหนึ่ง เพียงแต่ว่ามังกรซ่อนตัวจึงมองไม่เห็นชัดเจนนัก
ในฐานะเจียวน้ำก่อกำเนิดตัวหนึ่ง หากพื้นที่มงคลรากบัวเป็นแค่พื้นที่มงคลระดับกลาง หรือเลื่อนขึ้นเป็นพื้นที่มงคลระดับสูงได้อย่างลุ่มๆ ดอนๆ หงเซี่ยย่อมไม่สะดวกจะฝึกตนอยู่ในพื้นที่มงคล เพราะจะดึงเอาปราณวิญญาณและโชคชะตาของขุนเขาสายน้ำในพื้นที่ออกไปมากเกิน ทว่าตอนนี้กลับไม่มีปัญหาแล้ว ชุยตงซานมองความคิดของหงเซี่ยออกในปราดเดียว แล้วก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากใจ ทุกวันนี้โชคชะตาน้ำของพื้นที่มงคลเข้มข้นจนถึงขั้นทำให้คนอื่นขนตั้งชี้ชันด้วยความโกรธ หากไม่มีพันธนาการเสียบ้าง ไม่มีพวกเซียนวารีเผ่าพันธุ์น้ำ พวกภูตน้ำมาคอยดึงปราณวิญญาณไว้ในฟ้าดินเล็กร่างมนุษย์เสียเลย กลับกลายเป็นว่าจะไม่เหมาะ
ดังนั้นชุยตงซานถึงได้ให้หงเซี่ยไปพาอวิ๋นจื่อที่เป็นขอบเขตโอสถทองมาที่นี่ด้วย ทุกวันจะได้ไม่ต้องเอาแต่กลิ้งคลุกดินคลุกทรายอยู่ที่เนินชิงหนีภูเขาฮุยเหมิง สร้างมลพิษสกปรกอย่างไม่สมควร เซียนซือบ้านอื่นทะยานลมผ่านทางไปเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้า เดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่าภูเขาลั่วพั่วเป็นรังโจรที่ทำเรื่องอย่างการดักปล้นกลางทาง
ตอนนั้นพื้นที่มงคลดอกบัวถูกเจ้าอารามผู้เฒ่าแบ่งออกเป็นสี่ส่วน นอกจากแคว้นหนันเยวี่ยนที่เหมือนภาพวาดลงสีสันแล้ว บุคคลและขุนเขาสายน้ำของพื้นที่อื่นๆ ล้วนเหมือนการวาดด้วยเส้นขาวดำ
ชุยตงซานรู้ดีแก่ใจว่า นี่ก็คือของขวัญหนักชิ้นหนึ่งที่นักพรตเฒ่าจมูกโคหน้าเหม็นมอบให้เขา เพื่อให้ซิ่วหู่อาศัยสิ่งนี้มา ‘ชดเชยบำรุงมรรคา’ แต่ชุยตงซานไม่คิดจะรับของขวัญชิ้นนี้ไว้แม้แต่น้อย
ชุยตงซานเอ่ยเสียงเบา “ก็ต้องดูที่ความสามารถในการไขปริศนาของพ่อครัวเฒ่าแล้วล่ะนะ”
ทางฝั่งของพื้นที่มงคล สหายฉางมิ่งค่อนข้างตาแหลมจึงไปเจอบุคคลน่าสนใจที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ปรากฎบนม้วนภาพขุนเขาสายน้ำเซียนเหริน คือหญิงสาวเรือนกายอรชรอ้อนแอ้นที่ร่างล่องลอยยากจะจับสังเกตได้เห็น คือการรวมตัวกันของกลิ่นหอมหนังสือชะตาบุ๋น เป็นการถือกำเนิดจากการแสดงออกของมหามรรคา ตอนนี้สตรีกำลังแอบเปิดอ่านตำราอยู่ในหอเก็บตำราของตระกูลปัญญาชนแห่งหนึ่งในนครใต้ฝ่าเท้า แม้ว่าจะยังไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ขอแค่อบรมปลูกฝังสักหน่อย สำหรับพื้นที่มงคลแล้วก็ถือเป็นผลกำไรมหาศาลก้อนหนึ่ง
ในใจเหวยเหวินหลงตกตะลึงระคนยินดียิ่งนัก ใช้เสียงในใจพูดกับผู้คุมกฎฉางมิ่งว่า “บุคคลหายากที่เกิดขึ้นตามโชคชะตาเช่นนี้มีมูลค่าควรเมือง พื้นที่มงคลเจ็ดสิบสองแห่ง ส่วนที่มีหลักฐานให้ตรวจสอบก็มีแค่สิบเจ็ดคนเท่านั้น”
ฉางมิ่งเอ่ย “นายท่านไม่มีทางตอบตกลง”
ในความเป็นจริงแล้ว นางเองก็ไม่ตกลง
ในฐานะการแสดงออกของเงินบรรพบุรุษของเหรียญทองแดงแก่นทอง มหามรรคาของฉางมิ่งใกล้เคียงกับสตรีที่เป็นการจำแลงของชะตาบุ๋นผู้นี้มาก จึงเกิดความใกล้ชิดกันตามธรรมชาติ
ก็เหมือนอย่างยามที่อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ฉางมิ่งไม่เคยปิดบังความลำเอียงรักใคร่ที่ตนเองมีต่อแม่หนูหน่วนซู่
เหวยเหวินหลงยิ้มเอ่ย “ผู้คุมกฎฉางมิ่งคิดไปคนละเรื่องแล้ว”
ฉางมิ่งเพียงยิ้มไม่เอ่ยคำใด
อันที่จริงนางไม่ได้คิดผิด ไม่อย่างนั้นนักบัญชีเหวยเช่นเจ้าก็ระวังเวลาเดินแล้วจะชนเงินจนขากะเผลกเข้าล่ะ
เฉินหลิงจวินนั่งขัดสมาธิลอยตัวอยู่กลางอากาศ ทะยานลมเดินทางไกลด้วยท่านี้ ติดตามอยู่ด้านหลังคนทั้งสอง เวลานี้ไม่มีห่านขาวใหญ่ผู้นั้นอยู่ นายท่านใหญ่เฉินที่รู้สึกผ่อนคลายสบายไปทั้งเนื้อทั้งตัวจึงพูดเหมือนคนแก่ว่า “พี่หญิงผู้คุมกฎ ผู้ฝึกตนในพื้นที่มงคลดอกบัวทุกวันนี้มีโอสถทองอยู่หรือไม่? เฮ้อ ต่อให้มี ทุกวันนี้ก็คนละรุ่นกับข้าแล้ว”
ฉางมิ่งตอบอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างมากสุดสามสิบปีก็น่าจะมีโอสถทองห้าหกคนกระมัง”
ผู้ฝึกตนที่ค่อยๆ เดินขึ้นเขา สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสาน้ำที่เริ่มสร้างร่างทอง วิญญาณวีรบุรุษวิญญาณผี ภูตตัวประหลาดแห่งป่าเขาลำเนาไพร ล้วนต้องมีการช่วงชิงลำดับก่อนหลังกันบนมหามรรคา ต่างคนต่างมีโชควาสนาเป็นของตัวเอง
เพียงแต่ว่าทุกวันนี้ต่อให้มีใครได้เลื่อนขั้นเป็นโอสถทองก่อน ก็ไม่ได้รับการประทานโชควาสนาบนมหามรรคาเพิ่มเติม เพราะผู้ฝึกตนตามความหมายที่แท้จริงคนแรกในประวัติศาสตร์ของพื้นที่มงคลดอกบัวอย่างอวี๋เจินอี้แห่งพรรคหูซาน ก่อนที่พื้นที่มงคลจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนก็ได้เป็นโอสถทองแล้ว คนผู้นี้อยู่ในพื้นที่มงคลระดับล่างแห่งหนึ่ง แต่กลับสามารถฝ่าทะลุขอบเขตได้ติดๆ กัน เลื่อนขั้นเป็นเซียนดินโอสถทอง เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในบรรดาผู้มีพรสวรรค์ ดังนั้นพื้นที่มงคลรากบัวในทุกวันนี้ ต่อให้มีโอสถทองคนใหม่ปรากฏขึ้นมา สามารถปิดประตูแอบยินดีกับตัวเองได้จริง แต่หากคิดจะคุยโวโอ้อวด ก็อย่าดีกว่า
ตามคำกล่าวของ ‘โจวเฝย’ ผู้ถวายงานภูเขาลั่วพั่วในปีนั้น อวี๋เจินอี้ผู้นั้นคือคนหน้าไม่อาย เป็นคนคนหนึ่งที่วิ่งขึ้นเขาไปฝึกวิชาเซียน ฝึกสำเร็จจึงลงมารังแกคนเรียนวรยุทธฝึกวิชาหมัดล่างภูเขา มีใครเขารังแกคนอื่นแบบนี้บ้าง?
เฉินหลิงจวินพลันตบหัวตัวเอง “ข้าต้องไปช่วยสำรวจเส้นทางให้พี่น้องคนดีที่แคว้นหูสักรอบก่อน พี่หญิงฉางมิ่ง เหวยลูกคิด ลาล่ะ ลาล่ะ”
เฉินหลิงจวินบอกจะไปก็ไป เขาจะไปเที่ยวแคว้นหูสักรอบหนึ่งจริงๆ เวทอำพรางตาเขาก็ร่ายเป็นเหมือนกันนี่นา ขอบเขตก่อกำเนิดของนายท่านใหญ่เฉินไม่ใช่แค่ของประดับสักหน่อย
ไปดูสิว่าจะช่วยพี่น้องคนดีเฉินจั๋วหลิวสหายคนใหม่ล่าสุดหาภรรยาสักคนได้หรือไม่
ภูเขาเมฆาเรือง แคว้นหู และตำหนักฉางชุนทางทิศเหนือของเมืองหลวงต้าหลีล้วนขึ้นชื่อเรื่องมีผู้ฝึกตนหญิงเยอะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคว้นหูที่ในอดีตสกุลสวี่นครลมเย็นทุ่มเงินดูแลจัดการมานานแห่งนี้ที่ยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านเกิดอันอบอุ่นของวีรบุรุษผู้กล้า
เพียงแต่ว่าถูกเพ่ยเซียงร่ายวิชาอภินิหารเอาไว้ หลังจากย้ายจากนครลมเย็นมาอยู่ภูเขาลั่วพั่วก็สกัดกั้นฟ้าดิน หล่นลงพื้นหยั่งรากอยู่ในพื้นที่มงคล จากนั้นจึงถูกซานจวินใหญ่เว่ยที่สายตาหล่นลงไปในกองเงินปีนไม่ขึ้นผู้นั้นปลุกเสกตราผนึกให้มั่นคง เป็นเหตุให้คนต่างถิ่นที่คิดจะเดินทางไปท่องเที่ยวแคว้นหูหรือมาฝึกตนอยู่ที่นี่เหมือนแมลงวันไร้หัวที่พุ่งชนสะเปะสะปะ กว่าแคว้นหูจะปลอบบำรุงขวัญให้สงบได้ไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งพวกภูตจิ้งจอกแคว้นหูยังเป็นพวกลุ่มหลงในรัก เชี่ยวชาญการเป่าลมข้างหมอน มีวีรบุรุษผู้กล้าคนใดบ้างที่ต้านทานได้
ในฐานะ ‘ผู้อาวุโส’ คนหนึ่งที่ทำให้เจ้าขุนเขาหนุ่มได้รู้จักบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำก่อนใคร อันที่จริงเฉินหลิงจวินเข้าใจภูเขาน้อยใหญ่ในแคว้นหูอย่างแจ่มแจ้งมานานแล้ว
แคว้นหูมีหนึ่งภูเขาหนึ่งศาล โชคชะตาบุ๋นเข้มข้น ในประวัติศาสตร์ได้ทำให้บัณฑิตยากจนหลายคนที่เดินทางอ้อมไกลมาจุดธูปกราบไหว้ที่นี่ได้ภาคภูมิใจบนสนามรบ มีชื่อติดกระดานทองคำอย่างแท้จริง เฉินหลิงจวินคิดไว้ว่าวันหน้าจะพาเฉินจั๋วหลิวมาจุดธูปด้วยกันที่นี่ เปลี่ยนชื่อ ‘จั๋วหลิว’ ที่ไม่ได้ความเป็น ‘ชิงหลิว’ ไปเลย เป็นมงคลกว่ามากนัก ทุกวันนี้สถานะขุนนางน้ำใส (ชิงหลิว) ในวงการขุนนางต้าหลีมีมูลค่าอย่างยิ่ง ส่วนจะช่วยพี่น้องขอสถานะปัญญาชนในท้องถิ่นของต้าหลีมาได้อย่างไรก็ค่อยไปขอร้องเว่ยซานจวินน่ะสิ ใช่ว่าไม่เคยขอเสียหน่อย บนภูเขาพีอวิ๋นมีสำนักศึกษาหลินลู่อยู่ ไม่ว่าเรื่องอะไรเฉินหลิงจวินล้วนคิดไว้เรียบร้อยแล้ว หาช่วงเวลาที่เดือนมืดลมแรงบนภูเขาคนน้อย เขาก็จะแอบไปเข้าพบเว่ยซานจวินที่ภูเขาพีอวิ๋น
——