บทที่ 2155 อย่าเรียนรู้จากหวังเป่าไช + ตอนที่ 2156 เธอต้องคิดเรื่องการแต่งงานให้ดีๆ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2155 อย่าเรียนรู้จากหวังเป่าไช

ฉีฉีเก๋อหน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัดแล้วมองคุณลุงปาเกินด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ “อาป๊า ทำไมคะ? ป๊าเห็นด้วยกับการที่หนูจะแต่งงานกับรุ่นพี่ฉางหลังเรียนจบไม่ใช่เหรอ?”

พี่สองหน้าดำคล้ำเครียดตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงแล้ว เขาสบถออกมาว่า “นั่นเป็นเพราะตอนนั้นยังไม่เห็นธาตุแท้ของผู้ชายคนนั้นต่างหาก ฉีฉีเก๋อถ้าเธอบอกตั้งแต่แรกว่าแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้พี่จะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย แล้วนี่มันอะไรกัน? ไม่ต่างอะไรกับแม่ม้าที่สนามม้าของเราเลยนะ!”

อยากอุ้มหลานก็เลยให้น้องสาวของเขาแต่งงานเพื่อไปรับความไม่เป็นธรรมงั้นเหรอ แม้กระทั่งงานแต่งงานก็ยังจัดให้ไม่ได้ ยิ่งค่าสินสอดยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม้แต่สลึงเดียวก็คงไม่มีเลยมั้ง!

พอพี่รองนึกขึ้นได้ก็โมโห เดิมทีเขาไม่ชอบหน้าฉางชิงซงอยู่แล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้รังเกียจความจนรักความร่ำรวยอะไรเทือกนั้นหรอก แต่ถ้าหากเลือกได้เขาอยากให้น้องสาวแต่งงานกับหนุ่มที่ทุ่งหญ้ามากกว่า ไม่ใช่แค่อยู่ใกล้แล้วดูแลง่ายเท่านั้น แต่ชายหนุ่มที่เขาเห็นดีเห็นงามด้วยแต่ละคนต่างก็มีฐานะดี ๆทั้งนั้น น้องสาวแต่งงานด้วยคงไม่มีทางลำบากแน่นอน

ไม่เหมือนฉางชิงซงอะไรนั่น แม้แต่เรื่องกินข้าวก็ยังเป็นปัญหา เขาไม่ชอบหน้ามันเลยสักนิด!

เรียนหนังสือให้มากจะมีประโยชน์อะไร แม้แต่ลูกเมียก็ยังเลี้ยงดูไม่ได้ งั้นสู้กลับทุ่งหญ้าไปเลี้ยงม้าไม่ดีกว่าเหรอ

ฉีฉีเก๋อดวงตาแดงก่ำไม่พอใจต่อคำคัดค้านของผู้เป็นพ่อและพี่ชายอย่างมากพลันรู้สึกน้อยใจมากขึ้นกว่าเดิม จึงอดไม่ได้พูดติดสะอื้นว่า “รุ่นพี่ฉางไม่ได้ขอให้หนูแต่งงานแล้วมีลูกทันทีสักหน่อย เป็นหนูที่พูดเสนอเองต่างหาก ทุกคนเข้าใจผิดกันหมดแล้ว”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตอกกลับอย่างโมโห “คนแบบนี้ถึงเรียกว่าฉลาดไง ไม่พูดเองแต่กลับให้แม่ตัวเองเป็นคนออกหน้า และรอให้คนโง่ ๆอย่างเธอเป็นฝ่ายยินยอมพร้อมใจที่จะกระโดดเข้าไปในกองไฟแล้วใช้ชีวิตที่แสนลำบากยากเข็ญไปกับเขา และยังต้องคลอดลูกเลี้ยงลูกแทนเขาอีก ไม่แน่ว่าถ้าวันหนึ่งเขาประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงขึ้นมา เธอก็จะกลายเป็นแค่ยายแก่หงำเหงือก ส่วนเขาก็เหยียบเรือสองแคม…”

เหมยเหมยเห็นว่าเธอพูดไม่เข้าท่าขึ้นเรื่อย ๆเลยรีบปรามเธอด้วยสายตา

พ่อกับพี่ชายของฉีฉีเก๋อก็อยู่ด้วย ทำไมถึงได้พูดจาไม่มีสมองแบบนี้นะ พูดจาแบบนี้ออกไปเขาจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาหรือไงกัน?

พี่รองกลับรีบเอ่ยเย้ยหยันคล้อยตามขึ้นว่า “ไอ้ฉางชิงซงนั่น พี่มองมันออกหมดแล้ว ถึงเธอจะร่วมทุกข์ไปกับมันแต่วันข้างหน้ามันอาจจะไม่ได้ร่วมสุขไปกับเธอก็ได้ หากมันประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงมันต้องสลัดเธอทิ้งแน่ ๆ เหมือนกับเด็กผู้หญิงในนิยายที่คอยเฝ้าปกป้องเขามาตลอดสิบแปดปี ละทิ้งชีวิตสุขสบายมาแต่งงานกับผู้ชายที่ชอบเล่นกับความรู้สึกผู้หญิง สุดท้ายก็จะมีจุดจบที่ไม่ดีนักหรอกนะ”

น่าเสียดายที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับพี่รองเจอกันช้าไปเพราะทั้งคู่ต่างเกลียดคน ๆเดียวกัน

เธอพูดผสมโรงต่อเลยว่า “ผู้หญิงคนนั้นชื่อหวังเป่าไช เดิมทีเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยแต่งงานกับคนยากคนจน จากนั้นก็ใช้ชีวิตลำบากมาตลอดสิบแปดปี พอสุดท้ายคนจนกลายเป็นแม่ทัพแล้วไปแต่งงานกับเจ้าหญิง สุดท้ายหวังเป่าไชมีจุดจบที่ดีไหมล่ะ? หลังจากนั้นรับตัวกลับไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ตายจาก”

“ก็ใช่ไง ถ้าให้พี่พูดนะผู้หญิงที่ชื่อหวังเป่าไชโง่เขลาจริง ๆ ละทิ้งชีวิตความเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยของตัวเองไปแล้วรั้นจะกระโดดเข้ากองไฟ”

พี่รองกับคุณหนูเหริ่นสลับกันพูดกันจนทำเอาฉีฉีเก๋อโมโหและน้อยใจ

“รุ่นพี่ฉางไม่ใช่คนแบบนั้น เขาดีกับฉันมาก ฉันเชื่อว่าถ้าเขามีเงินเขาก็ยังจะดีกับฉันเหมือนเดิม” ฉีฉีเก๋อแก้ตัวแทนฉางชิงซง

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะ “ถ้าดีกับเธอจริง ๆจะยอมให้แม่ตัวเองยื่นข้อเสนอไร้เหตุผลนั่นออกมาเหรอ? แม้แต่งานแต่งงานง่าย ๆก็ไม่คิดจะจัดงั้นเหรอ? แล้วไหนจะให้เธอรีบแต่งงานขนาดนั้นอีกล่ะ?”

“ตอนนี้รุ่นพี่ฉางไม่มีเงิน เขารับปากฉันว่าถ้าวันข้างหน้าเขามีเงินจะจัดงานแต่งงานใหญ่โตให้อีกรอบ…”

“งั้นก็รอให้มันมีเงินก่อนแล้วค่อยแต่งงานสิ หึ แค่คนจน ๆคนหนึ่งยังริอาจคิดที่จะแต่งอะไรอีก หาเงินให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” พี่รองใช้ฝ่ามือทุบโต๊ะอย่างรุนแรง เขาโมโหไม่น้อยเลย

“พี่รอง พี่นี่มันรังเกียจความจนรักความรวย ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ อาป๊า…” ฉีฉีเก๋อน้ำตาไหลพรากมองหน้าลุงปาเกินที่นั่งเงียบ ๆอยู่ตลอดโดยไม่แสดงความคิดเห็นอะไร

……………………………………………….

ตอนที่ 2156 เธอต้องคิดเรื่องการแต่งงานให้ดีๆ

พี่รองแย่งลุงปาเกินพูด “พี่รังเกียจความจนรักความร่ำรวยงั้นเหรอ? ครอบครัวพี่สะใภ้รองของเธอมีเงินนักหรือไง? ไม่มีเงินเลยแต่พี่ชอบเขาก็เลยสู่ขอเข้าบ้าน เพราะพี่ไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักต้องมีชีวิตที่ลำบาก นี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องมี แต่รุ่นพี่ของเธอที่แซ่ฉางอะไรนั่น แค่เรื่องเล็ก ๆน้อย ๆแค่นี้ยังทำให้ไม่ได้แต่ยังคิดจะแต่งงาน เหอะ!”

“อาป๊า…”

ฉีฉีเก๋อเรียกอีกครั้ง

ลุงปาเกินดื่มชาในแก้วจนหมด ลูบไล้ใบหน้าพลางมองลูกสาวด้วยสายตาที่ซับซ้อน ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะเอ่ยขึ้นว่า “ฉีฉีเก๋อ เพื่อนของลูกกับพี่รองของลูกอาจจะพูดจาไม่น่าฟังนัก แต่คำแนะนำที่ตรงไปตรงมาไม่น่าฟังต่างหากที่มีคุณค่ามากที่สุด ส่วนคำพูดหวาน ๆอาจจะไพเราะเสนาะหูแต่คนที่พูดมักไม่ค่อยมีเจตนาที่ดีหรอกนะลูก ”

เขานิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อ “ความหมายของพ่อก็ได้พูดไปเมื่อกี้แล้ว เลื่อนงานแต่งออกไปก่อน ลูกสาวที่พ่อฟูมฟักเลี้ยงดูมาดั่งสมบัติล้ำค่าไม่ได้มีไว้เพื่อให้กำเนิดหลานของตระกูลฉางหรอกนะ”

เสียงของคุณลุงปาเกินดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและท่าทีก็เคร่งขรึมมากขึ้นด้วย

ฉีฉีเก๋อไม่กล้าเงยหน้ามองพ่อเพราะเธอตกใจมาก

เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลแถมยังเป็นลูกคนสุดท้องด้วย ตั้งแต่เล็กเธอเติบโตขึ้นมาภายใต้ความรักของพ่อแม่และพี่ชายทั้งสามคน อาป๊าไม่แม้แต่จะเอ่ยคำพูดที่รุนแรงเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้กลับ…

“อาป๊า รุ่นพี่ฉางไม่ได้ขอให้หนูมีลูกให้ แต่เป็นตัวหนูเองที่…” ฉีฉีเก๋อคิดจะแก้ตัวให้กับฉางชิงซง

คุณลุงปาเกินพูดขัดขึ้น “เขาไม่ได้ขอแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ฉีฉีเก๋อ ลูกไม่เหมือนพวกผู้หญิงธรรมดาในทุ่งหญ้า พวกนั้นไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไม่มีการศึกษา เพราะงั้นถึงได้แต่งงานมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย ๆและใช้ชีวิตที่เรียบง่ายไปตลอดชีวิต

แต่ลูกไม่ใช่ ลูกเป็นถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังและกำลังจะเป็นจิตกรในอนาคต ลูกจะยอมเป็นเครื่องจักรผลิตลูกตั้งแต่อายุยังน้อยได้อย่างไร? ความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กของลูกล่ะ? ลูกไม่อยากทำให้มันเป็นจริงแล้วเหรอ?”

ลุงปาเกินพูดแฝงด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวด

ลูกสาวของเขาเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็กแถมยังวาดภาพได้ดีมากด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาทุ่มเทแรงใจแรงกายไปกับการอบรมเลี้ยงดูลูกสาว หวังเพียงว่าในอนาคตลูกสาวของเขาจะแตกต่างไปจากหญิงสาวทั่วไปในทุ่งหญ้าที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมในชีวิต

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อลูกสาวของเขาในตอนนี้กลับเลือกเดินตามเส้นทางเหมือนพวกผู้หญิงเหล่านั้น และกลับมายืนจุดเดิม

เช่นนั้นหลายปีที่ผ่านมาเขายอมลำบากไปเพื่ออะไร?

ฉีฉีเก๋อน้ำตาไหลพรากแต่ก็ยังไม่ยอมจำนน “ความฝันเหล่านั้นถึงหนูจะแต่งงานไปแล้วก็ยังสามารถทำให้มันเป็นจริงได้นี่คะ”

“ทำให้มันเป็นจริงอย่างไรล่ะ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะ “ความฝันของเธอคือการวาดภาพทิวทัศน์ที่สวยงามทั่วโลก ตอนนี้พ่อของเธอเป็นคนจ่ายเงินให้เธอได้ออกเดินทางไปทั่วทุกสารทิศเลยยังไม่มีแรงกดดันใด ๆ แต่ถ้าวันหนึ่งเธอแต่งงานแล้ว เธอยังกล้าที่จะแบมือขอเงินทางบ้านตัวเองอยู่อีกเหรอ?”

ใบหน้าฉีฉีเก๋อแดงก่ำ ส่ายหน้าอย่างละอายใจ “ฉันหาเงินด้วยตัวเองได้…”

“เธอลองหาเงินให้ฉันดูหน่อยสิ ฉางชิงซงมีปัญญาหาได้เท่าไร  เศษเงินแค่นั้นยังไม่พอยาไส้คนทางบ้านเขาเลย พวกเธอไม่มีเงินไม่มีบ้าน ถ้ามีลูกด้วยกัน พวกเธอคงไม่มีแม้แต่เงินที่จะซื้อนมผงให้ลูกกิน แล้วยังจะพูดถึงความฝันอะไรอีก!”

ความปากร้ายของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำลังทำงาน ทำเอาฉีฉีเก๋อเป็นใบ้พูดไม่ออกจึงทำได้แต่ร้องไห้

เหมยเหมยตักซุปไก่ให้ลุงปาเกินหนึ่งถ้วยเพื่อดื่มเรียกสติ จากนั้นก็ดึงทิชชูแผ่นหนึ่งยื่นให้ฉีฉีเก๋อ

“เชี่ยนเชี่ยนพูดจาไม่น่าฟังแต่เขาก็หวังดีกับเธอนะ ฉีฉีเก๋อ ในเมื่อเรื่องนี้คนในครอบครัวและเพื่อน ๆของเธอต่างคัดค้าน เธอเองก็ควรที่จะคิดไตร่ตรองดูอีกสักครั้งถึงความเป็นไปได้ อย่าดึงดันทำตามใจตัวเองเลยนะ”

พี่รองระเบิดอารมณ์ออกมา ตะคอกใส่ “ยังต้องคิดอะไรอีก ยกเลิกงานแต่งไปเถอะ ขนาดเลือกคนในทุ่งหญ้าแบบลวก ๆมาสักคนยังดีกว่าคนพรรค์นั้นเป็นร้อยเท่าเลย!”

ฉีฉีเก๋อรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก ทั้ง ๆที่เธอแต่งงานด้วยความรัก แต่ทำไมทุกคนถึงได้คัดค้านล่ะ?

…………………………………………………