บทที่ 2153 นิสัยของคนชั้นต่ำที่ควรจะต้องมี + ตอนที่ 2154 เลื่อนงานแต่งออกไป

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2153 นิสัยของคนชั้นต่ำที่ควรจะต้องมี

พอได้ดื่มน้ำขิงที่ป้าฟางต้มให้อาการปวดท้องน้อยก็ทุเลาลงบ้างแล้ว เพื่อความปลอดภัยเธอจึงทานยาวิเศษเข้าไปอีกหนึ่งเม็ด ทุกครั้งที่ประจำเดือนมาเธอมักจะกินวันละเม็ด ซึ่งได้ผลดีมาก

หลังมื้อเช้าผ่านไปอาการปวดตรงท้องน้อยของเหมยเหมยก็หายเป็นปลิดทิ้ง ยกเว้นช่วงเอวที่ยังปวดอยู่ ตรงจุดอื่นก็สบายเป็นปกติดี

“ฉันไปเรียนก่อนนะ บ๊ายบาย!”

พอเหมยเหมยกินเกี๊ยวทอดชิ้นสุดท้ายในจานหมดก็ใช้ปากที่มันแผล็บกัดเข้าที่ใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่น และวิ่งออกไปด้วยความพึงพอใจ

เหยียนหมิงซุ่นดึงทิชชูออกมาแผ่นหนึ่งแล้วเช็ดคราบน้ำมันบนใบหน้าออก พร้อมหันไปกำชับตามหลังเหมยเหมยว่า“อย่าทานของเย็นกับของเผ็ดล่ะ”

“รู้แล้วค่ะ…คุณพ่อบ้าน…”

เสียงของนกลาร์คดังแว่วมาจากในสวน เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้ายิ้มขำพร้อมความระอา แต่มากกว่านั้นคือความรู้สึกเอ็นดู

พอถึงมหาวิทยาลัยเหมยเหมยก็ตรงไปที่หอพัก เธออยากจะถามเรื่องฉีฉีเก๋อ เมื่อไม่กี่วันก่อนพ่อของฉีฉีเก๋อไปดูม้าที่อังกฤษและทุกเรื่องในบ้านของฉีฉีเก๋อล้วนให้พ่อเป็นคนตัดสินใจ แต่ไหนแต่ไรมาแม่ของเธอไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้ เพราะงั้นจึงโทรหาไม่ติด

ตอนนี้พ่อของฉีฉีเก๋อคงกลับมาแล้ว เธอต้องไปถามให้รู้เรื่อง จะให้เธอทนดูแม่สาวจอมซื่อบื้ออย่างฉีฉีเก๋อส่งตัวเองไปเป็นเครื่องผลิตลูกได้อย่างไรกัน

แต่งงานได้ แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้!

แม่ของฉางชิงซงมีสิทธิ์อะไรที่จะยื่นข้อเสนอนี้ออกมา?

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อต่างก็ไม่อยู่ที่หอพัก เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ส่วนใหญ่ช่วงนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจะไปพักอยู่บ้านที่เขาซื้อร่วมกับอิงจวี้กัง ไม่อยู่ที่หอพักก็นับว่าเป็นปกติ

แต่ฉีฉีเก๋อไม่อยู่ที่หอพัก ก็แสดงว่าเธอไปค้างที่ห้องของฉางชิงซง

การอยู่ด้วยกันก่อนแต่งใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าฉางชิงซงยังไม่ใช่คู่ครองที่ดี ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่นหรอก แค่เขายอมรับข้อเสนอที่ไร้เหตุผลของแม่ตัวเองได้ แถมยังไม่คิดที่จะจัดงานแต่งงานให้กับฉีฉีเก๋อ เหมยเหมยรู้สึกว่าผู้ชายแบบนี้ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้ตลอดชีวิต

อย่างน้อยก็ต้องรอดูท่าทีของฉางชิงซงไปก่อน

เพราะงั้นตอนนี้ฉีฉีเก๋อยังไม่เหมาะที่จะไปอยู่กับเขา ไม่อย่างนั้นจะดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำมากเกินไป

เหมยเหมยโทรหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก่อน หล่อนยังคงสะลึมสะลือนอนอยู่บนเตียง พอได้ยินว่าฉีฉีเก๋อไม่อยู่ที่หอพัก เธอก็ตื่นขึ้นมาทันที

“ยัยโง่ ฉันย้ำไปเป็นพันครั้งหมื่นครั้งแล้วว่าอย่าไปอยู่กับฉางชิงซง บ้าชะมัดฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาจริง ๆ ไอ้บ้าฉางชิงซงนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไร มันต้องจงใจชิงสุกก่อนห่ามแน่ ๆ เพื่อให้ยัยซื่อบื้อฉีฉีเก๋อหนีรอดจากเงื้อมมือของมันไปไม่ได้!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่า ขนาดอยู่ปลายสายยังรับรู้ได้ถึงความโมโหทะลุฟ้าของเธอเลย

เหมยเหมยขมวดคิ้วมุ่น คำพูดต่าง ๆนา ๆของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแม้จะเหมือนพวกคนชั้นต่ำไปหน่อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ก่อนหน้านี้ฉางชิงซงให้เกียรติฉีฉีเก๋อมาตลอด แถมยังบอกอีกว่าจะเก็บเอาครั้งแรกที่ล้ำค่าที่สุดไว้สำหรับคืนแรกหลังเข้าห้องหอ

ตอนนั้นพอเธอกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ฟังยังรู้สึกว่าฉางชิงซงใช้ได้ แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?

เธอไม่เชื่อหรอกว่าชายหญิงที่อยู่กันตามลำพังทั้งคืนจะแค่คุยกันเฉย ๆ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาถึงมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็วแล้วพูดเสียงหอบว่า “ฉันส่งเพจเจอร์หาฉีฉีเก๋อแล้วว่าให้หล่อนรีบกลับมา คอยดูนะฉันจะด่าไม่ยั้งเลย!”

ฉีฉีเก๋อมาถึงช้าไปนิด ผมเผ้ายังไม่ทันได้หวี หายใจหอบถี่ ดูท่าทางคงจะวิ่งมาตั้งแต่หน้ารั้วมหาวิทยาลัย

“มีธุระด่วนอะไรเหรอ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่ทิ้งข้อความไว้ว่าให้เธอรีบกลับมาที่หอภายในครึ่งชั่วโมงไม่งั้นจะตัดความสัมพันธ์ด้วย เธอตกใจจนไม่สนใจคำพูดที่รั้งเธอไว้ของฉางชิงซงเลยสักนิดแล้วกลับมาด้วยความเร่งรีบ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลากตัวฉีฉีเก๋อไปทางสระบัว ในหอพักคนพลุกพล่านไม่สะดวกที่จะคุยกัน พอไปถึงสระบัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่เกริ่นอะไรสักอย่างก็ถลกดึงปกคอเสื้อของฉีฉีเก๋อลง จากนั้นตรงลำคอขาวนวลก็ปรากฏรอยคิสมาร์กเด่นหราขึ้นหลายจุด

……………………………………………………..

ตอนที่ 2154 เลื่อนงานแต่งออกไป

เหมยเหมยถอนหายใจลากยาว สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดดันเกิดขึ้นเสียแล้ว

ฉีฉีเก๋อหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย สะบัดมือของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทิ้งแล้วดึงปกคอเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อปกปิดร่องรอยคิสมาร์กพลางบ่นอุบ “เธอทำบ้าอะไรเนี่ยอย่างกับโจรปล้น”

“โจรปล้นงั้นเหรอ? เธอนี่ไม่ต่างไปจากหมาที่ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วเลยจริง ๆ เมื่อคืนนี้ไปทำอะไรที่ไหนมา? ไม่กลับมาทั้งคืนแบบนี้คงไม่ใช่ว่าไปนั่งคุยเรื่องราวชีวิตกับรุ่นพี่ฉางของเธอหรอกนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหที่เรื่องราวไม่เป็นดั่งใจหวัง ทำไมถึงไม่พยายามห้ามใจไว้ล่ะ น่าโมโหที่สุดเลย!

ฉีฉีเก๋อหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ทั้งเขินทั้งน้อยใจ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันตั้งใจจะกลับนะ แต่ตอนนั้นมันดึกแล้ว ประตูหอก็ปิดแล้วด้วย ก็เลยต้อง…”

“พวกเธอมัวแต่ทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงดึกขนาดนั้น ดูเวลาไม่เป็นหรือไง?”

“พวกเราก็แค่กินข้าวแล้วก็ดื่มเหล้าด้วยกัน ไม่ทันรู้ตัวก็ดึกไปเสียแล้ว” ฉีฉีเก๋อแก้ตัว

เมื่อคืนเธอกับฉางชิงซงต่างดื่มกันค่อนข้างหนัก จากนั้นก็เกิดเรื่องราวที่งดงามขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ฉีฉีเก๋อไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยสักนิด เธอชอบฉางชิงซงจริง ๆ เธออยากอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ดังนั้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็วมันก็ไม่แตกต่างกัน ถึงอย่างไรสักวันเธอก็ต้องมอบสิ่งล้ำค่านี้ให้รุ่นพี่ฉางอยู่ดีนี่นา!

เธอแค่รู้สึกเคอะเขิน โดยเฉพาะการคุยประเด็นนี้กับเพื่อน ๆ

เหมยเหมยดึงแขนเสื้อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้พลางส่งสายตาให้เธอ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วด่าไปก็รังแต่จะทำให้ฉีฉีเก๋อต่อต้านเปล่า ๆ ไม่พูดยังจะดีเสียกว่า

“ฉีฉีเก๋อ พ่อเธอกลับมาหรือยัง?”

พอสิ้นเสียงของเหมยเหมย เสียงเพจเจอร์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

“อาป๊าส่งข้อความมาแล้ว ฉันไปโทรศัพท์ก่อนนะ”

ฉีฉีเก๋อเตรียมจะออกไปหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ เหมยเหมยก็ล้วงหยิบมือถือของตัวเองออกมา “ใช้ของฉันโทรละกัน เธอลองถามพ่อเรื่องที่เราคุยกันเมื่อครั้งก่อนดูแล้วกัน ดูสิว่าท่านจะว่าอย่างไร”

“อืม”

ฉีฉีเก๋อรู้สึกใจแป้วเล็กน้อย เธอไม่นึกมาก่อนว่าเพื่อนของเธอจะคัดค้านเรื่องการแต่งงาน ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้รับคำอวยพรซะอีก แต่ตอนนี้…ต่อให้เธอความรู้สึกช้าแต่ก็เข้าใจดีว่าเพื่อน ๆต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเธอ

ไม่รู้ว่าอาป๊าจะไม่เห็นด้วยเหมือนกันหรือเปล่า?

ฉีฉีเก๋อไม่ได้หลบพวกเหมยเหมย เธอคุยสัพเพเหระกับพ่อไปหลายประโยค จากนั้นก็พูดถึงเรื่องที่แม่ของฉางชิงซงเสนอว่าอยากจะอุ้มหลานเร็ว ๆ เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างทำหูผึ่ง

“อาป๊าจะมาเหรอคะ? ตอนนี้เลยเหรอ?”

ฉีฉีเก๋อร้องเสียงหลง แล้วปลายสายก็วางไปอย่างรวดเร็ว เธอมองมือถือด้วยความตะลึงงัน ความรู้สึกกระวนกระวายใจก็ยิ่งทวีมากขึ้น

“อาป๊าบอกว่าจะมาหาตอนนี้เลย น่าจะถึงตอนบ่าย ๆ”

“งั้นฉันจะไปจองโรงแรม แล้วก็จองโต๊ะไว้รอต้อนรับพ่อเธอ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับดีใจมาก เห็นได้ชัดเลยว่าพ่อของฉีฉีเก๋อไม่เห็นด้วย ไม่งั้นจะถ่อมาไกลขนาดนี้เชียวเหรอ ทั้ง ๆที่ยุ่งมากขนาดนั้น

คุณลุงปาเกินมาถึงเร็วกว่าที่พวกเธอคิดเอาไว้ เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ในดวงตามีรอยแดงปรากฏให้เห็น พี่รองของฉีฉีเก๋อเป็นคนขับรถและหน้าตาเหนื่อยล้าไม่ต่างกัน เห็นได้ชัดว่าเดินทางมาโดยไม่ได้หยุดพัก เหนื่อยจนหายใจหอบถี่

“อาป๊า งั้นหนูเรียกรุ่นพี่ฉางมากินข้าวด้วยนะ”

ระหว่างทางไปโรงแรมฉีฉีเก๋อเสนอขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา พ่อและพี่ชายต่างแวะมาหา ตามหลักและเหตุผลแล้วควรให้ฉางชิงซงมาเจอสักหน่อย

“ค่อยเจอวันหลังแล้วกัน พ่อมีเรื่องจะคุยกับลูก”

คุณลุงปาเกินเอ่ยปฏิเสธทันที ตอนนี้เขาไม่อยากเจอหน้าเจ้าเด็กบ้านั่นแม้แต่น้อย เขาส่งยิ้มให้เหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร้อมเอ่ยเชิญชวนว่า “ทานข้าวด้วยกันสิ ลุงเองก็มีเรื่องจะคุยกับพวกหนูด้วย”

“ได้สิคะ หนูเองก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณลุงเหมือนกันค่ะ!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสมดั่งใจหวังสักที เธออึดอัดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

พอมาถึงโรงแรมลุงปาเกินกับพี่รองของฉีฉีเก๋อก็ขอแยกตัวไปอาบน้ำก่อน ดูท่าทางจะสดชื่นขึ้นมาบ้าง พวกเขาพากันไปที่ห้องอาหาร ลุงปาเกินไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดจึงโพล่งออกมาตรง ๆว่า “ฉีฉีเก๋อ เรื่องงานแต่งของลูกเลื่อนออกไปก่อนเถอะ!”

………………………………………..