“ขึ้น!”

“ขึ้น!”

“ขึ้น!”

พร้อมกับที่จู๋อิ้งคงโบกสะบัดธงเล็กสีดำออกคำสั่ง กลางภูผาธาราอันกว้างใหญ่ ทุกทิศทางที่เงาร่างของหลินสวินมุ่งไป ล้วนปรากฏพลังผนึกที่ถูกวางไว้นานแล้ว

มีภูเขาที่สูงใหญ่เกรียงไกรเสียดฟ้า

มีแม่น้ำที่กว้างใหญ่ราวกับธารดารา

มีหินหนืดที่เดือดปุดปลดปล่อยเปลวเพลิงหมื่นจั้ง

มี…

บนฟ้าใต้ดิน เหนือใต้ออกตก พื้นที่แปดด้านราวกับกรงขัง ปิดล้อมพื้นที่แห่งนี้โดยสมบูรณ์

ส่วนหลินสวินที่อยู่ภายใน ไม่ว่าจะหนีไปไหนก็ไม่มีประโยชน์!

สีหน้าของเขามืดทะมึนราวกับน้ำ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความสงสัย ตื่นตระหนก ประหลาดใจและขึ้งโกรธ

ภาพทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนในคันฉ่องสำริดอย่างหมดจด ถูกพวกคุนเซ่าอวี่ เซวี่ยชิงอีมองเห็นอย่างชัดเจน

พวกเขาต่างอดยิ้มไม่ได้

“พี่จู๋ฝีมือดีนัก เจ้าหมอนี่เหมือนปลาในแห ประสบเคราะห์ยากหลบหนี!”

ชืออู๋ซู่ปรบมือชื่นชม

คนอื่นๆ ต่างพยักหน้า เมื่อเห็นพลังผนึกกระบวนค่ายกลที่จู๋อิ้งคงวางอย่างแท้จริงแล้ว แม้แต่พวกเขายังรู้สึกตะลึงอย่างที่สุด

แต่พอเห็นหลินสวินประหนึ่งแมลงวันจนตรอกไม่สามารถหลุดพ้นได้ พวกเขาต่างรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

เจ้าหมอนี่ก็มีวันนี้ด้วยหรือ

พูดอย่างไม่เกินจริง ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาขุมอำนาจค่ายทัพที่พวกเขาเป็นตัวแทน ล้วนเคยเสียเปรียบในมือหลินสวินอย่างไม่มียกเว้น

ฝ่ายที่สูญเสียหนักที่สุดคือดินแดนโบราณมารโลหิตและดินแดนโบราณต้าหลัว ฝ่ายแรกโดนโจมตีหนักสุด รากฐานกำลังดั้งเดิมเสียหายหนักนานแล้ว อานุภาพอ่อนแอลง

ส่วนดินแดนโบราณต้าหลัวก็สูญเสียบุคคลระดับผู้นำอย่างเจี้ยนชิงเฉิน แรงโจมตีที่ได้รับหนักหน่วงยิ่งกว่า

และนอกจากนี้ ดินแดนอื่นๆ เองก็ได้รับแรงโจมตีจากหลินสวินไม่มากก็น้อย อย่างเช่นการพ่ายแพ้ของทัพพันธมิตรเจ็ดดินแดน ความพ่ายแพ้อย่างราบคาบในศึกทะเลผาดำ…

ดังนั้นตอนนี้พอเห็นหลินสวินถูกขัง จะไม่ให้พวกเขาดีใจได้อย่างไร

ฟังเสียงชื่นชมของทุกคน จู๋อิ้งคงอดยิ้มไม่ได้ สีหน้าเย่อหยิ่ง พูดอย่างไม่แยแส

“ทุกท่านอย่าได้รีบร้อนไป นี่แค่เรียกน้ำย่อย รอตอนกระบวนค่ายกลพันผีโคจรเต็มกำลัง จึงจะเป็นฉากสำคัญของงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้”

เพิ่งจะสิ้นเสียงเขาก็โบกสะบัดธงเล็กสีดำในมือ

ทันใดนั้นเงาร่างวิญญาณเซียนเหินที่ดุจดั่งกระแสน้ำพุ่งออกจากพื้นที่และตำแหน่งที่แตกต่างกันโดยพลัน

สัตว์ร้ายเหล่านี้ล้วนไอชั่วร้ายพลุ่งพล่านอย่างไม่มียกเว้น พลังน่าสะพรึงกลัว เพียงแค่กลิ่นอายระดับนั้น ก็สามารถทำให้บุคคลระดับอริยะแท้ทุกคนสิ้นหวังแล้ว

และตอนนี้ พวกมันปรากฏตัวเป็นกลุ่มก้อน!

อีกทั้งหากมองอย่างละเอียดแล้ว วิญญาณเซียนเหินเหล่านี้ทุกหนึ่งร้อยตัวจะรวมเป็นพลังสายหนึ่ง ยึดครองพื้นดินสิบฝั่ง สร้างรูปแบบการปิดล้อมทรงกลมอย่างหนึ่ง

และรูปแบบกระบวนทรงกลมเช่นนี้ก็สามารถทำให้พวกมันตอบสนองซึ่งกันและกัน เกิดการเชื่อมต่อมหัศจรรย์บางอย่าง ปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘หมุนเวียนตามลำดับ สมบูรณ์แบบไร้รอยรั่ว’

“นี่ก็คือกระบวนค่ายกลพันผี ถือกำเนิดจาก ‘สิบยอดค่ายกลพิฆาตมาร’ มรดกขั้นสูงของเผ่าข้า สามารถปกคลุมภูผาธาราสิบลี้ เชื่อมต่อกับพลังแห่งฟ้าดิน แปลงเป็นวงกลมที่โคจรหมุนเวียนตามลำดับ จากนั้นจะปรากฏสถานการณ์ปิดล้อมสังหารที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ ไม่สามารถหนีพ้นได้”

คำพูดของจู๋อิ้งคงเต็มไปด้วยความผงาดผยองและมั่นใจ

ทอดสายตามองไปในเก้าดินแดน ความสำเร็จด้านรอยสลักวิญญาณของเผ่าจู๋หลงโดดเด่นไร้เทียมทาน!

“สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดคือต้นไม้ใบหญ้าทุกต้น ภูเขาก้อนหินทั้งหมดในเขาตัดหมอกแห่งนี้ ล้วนปกคลุมด้วยพลังกฎระเบียบฟ้าดินอันลึกลับอย่างไม่มีข้อยกเว้น ไม่สามารถถูกพลังบุกทำลาย ตอนที่ข้าวางค่ายกล ก็ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ตามธรรมชาตินี้ จึงทำให้ตอนที่กระบวนค่ายกลพันผีโคจร แม้พลังต่อสู้ของหลินสวินจะพลิกฟ้าเพียงใด ก็ไม่สามารถใช้พลังทลายค่ายกลออกไปได้!”

จู๋อิ้งคงพูดเนิบๆ ในดวงตาสีม่วงมีประกายศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน “หลังจากนี้ก็คือเวลาสังหารเจ้าหมอนี่แล้ว!”

เพิ่งจะสิ้นเสียง

ก็เห็นทั่วสิบทิศในภาพที่สะท้อนจากคันฉ่องสำริดนั่น วิญญาณเซียนเหินนับพันออกโจมตี เหมือนวงกลมที่หดลงอย่างต่อเนื่อง ปิดล้อมหลินสวินที่อยู่ตรงกลางเอาไว้

ไม่ว่าใครเห็นภาพนี้ ล้วนเกิดความรู้สึกสิ้นหวังที่ ‘ไร้ทางหนี’

ตามคาด ชั่วพริบตาทุกคนก็เห็นว่าตอนนี้สีหน้าของหลินสวินดูย่ำแย่อย่างที่สุดแล้ว ท่าทางทำอะไรไม่ถูก

“ดี!”

หลายคนต่างหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“วิญญาณเซียนเหินนับพัน แม้พลังต่อสู้จะแข็งแกร่ง แต่ก็เกรงว่าจะยังไม่สามารถฆ่าเจ้าหมอนั่นได้กระมัง”

เซวี่ยชิงอีมุ่นคิ้ว

ครั้งนี้หลายคนต่างไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเซวี่ยชิงอี

วิญญาณเซียนเหินหนึ่งพันตน เทียบเท่ามกุฎอริยะหนึ่งพันคน!

ต่อให้ไปโจมตีระดับมหาอริยะยังเป็นเรื่องง่ายดาย ไม่มีความกังวลให้พูดถึง ตอนนี้หลินสวินถูกขังอยู่ในกระบวนค่ายกลแล้ว จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอีกได้อย่างไร

“ดูนั่น เจ้าหมอนั่นก็สัมผัสได้ถึงอันตราย กำลังล่าถอยต่อเนื่อง น่าเสียดายที่สี่ด้านแปดทิศของเขาล้วนเป็นเคราะห์สังหาร!”

ชืออู๋ซู่พูดอย่างตื่นเต้น

หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ด้วยสภาวะจิตของเขาไม่มีทางข่มอารมณ์ไม่ได้เช่นนี้แน่ แต่เขาเกลียดหลินสวินมากเกินไปจริงๆ ความชิงชังอัดอั้นเต็มทรวงอก เห็นหลินสวินกำลังจะประสบเคราะห์ก็สมใจเขาพอดี

คนอื่นๆ เองก็จับจ้องอย่างไม่คลาดสายตา สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเย็นเยียบ

เพียงวางกระบวนค่ายกลแห่งหนึ่ง ก็สามารถสังหารมหาศัตรูอย่างหลินสวินได้โดยไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ทุกท่านโปรดดู ตอนที่เจ้าหมอนั่นถูกกักขัง พลังของทั้งกระบวนค่ายกลก็จะรวมตัวในพื้นที่ที่เขายืนอยู่ เช่นนี้เขาจะต้องตายอย่างไร้ข้อขังขา!”

จู๋อิ้งคงเหมือนกลัวคนอื่นๆ ไม่เข้าใจความลึกลับภายใน จึงชี้แนะอย่างได้ใจ ย่ามใจอย่างที่สุด

“ไม่เลวๆ”

พวกคุนเซ่าอวี่ต่างพยักหน้า

นี่ทำให้จู๋อิ้งคงได้หน้ามาก หากคนทั่วไปชม เขาย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว แต่พวกคุนเซ่าอวี่กลับแตกต่าง ล้วนเป็นบุคคลระดับผู้นำที่เทียบเคียงเขา สามารถทำให้พวกคนเย่อหยิ่งเหล่านี้เอ่ยปากก่อน ชื่นชมว่าฝีมือของตนยอดเยี่ยม นั่นไม่ง่ายเลย!

“ไม่ถูกต้อง เจ้าหมอนั่นถึงกับสกัดการโจมตีไว้ได้!”

แต่ตอนนี้เองมีเสียงที่แฝงความตกใจดังขึ้น

ก็เห็นหลินสวินเรียกมุกแวววาวขนาดประมาณกำปั้นยี่สิบสี่เม็ดออกมา ปกคลุมทั่วสี่ทิศแปดด้านของตน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระบวนค่ายกลโดยพลัน

ตอนที่เหล่าวิญญาณเซียนเหินรอบๆ พุ่งโจมตีมา กลับไม่สามารถทลายการป้องกันของกระบวนค่ายกลนั่นได้ในทันที!

“นี่ไม่ใช่ ‘กระบวนค่ายกลใหญ่สยบฟ้ากำราบมหาสมุทร’ ในมือพี่เซวี่ยหรือ”

สือพั่วไห่ดูออกตั้งแต่แวบแรก มุกยี่สิบสี่เม็ดนี้คือมุกอริยะกำราบสมุทร เป็นสมบัติไม้ตายของเซวี่ยชิงอี

ตอนยามอยู่ทะเลผาดำ เซวี่ยชิงอีเคยใช้สมบัติชุดนี้วางกระบวนค่ายกล

ทุกคนหันมองไป ก็เห็นสีหน้าของเซวี่ยชิงอีในตอนนี้มืดทะมึนราวกับน้ำตามคาด ถลึงตาโต ท่าทางเหมือนอยากจับคนมากลืนกินให้สิ้นซากอย่างไรอย่างนั้น

“ทุกคนดูนั่น เจ้าหมอนั่นถึงกับ… ถึงกับ…”

มีคนเบิกตาโพลง ท่าทางยากจะเชื่อ

ทุกคนมองไปก็เห็นหลินสวินในตอนนี้กลับนั่งขัดสมาธิอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่สยบฟ้ากำราบมหาสมุทร

ไม่เห็นความตื่นตระหนกเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป แม้แต่สีหน้าก็ไม่อึมครึมแล้ว ใจเย็นและเงียบสงบอย่างมาก

นอกกระบวนค่ายกล วิญญาณเซียนเหินหนึ่งพันดวงปิดล้อมเข้ามาแล้ว โจมตีอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับไม่สามารถสั่นคลอนกระบวนค่ายกลใหญ่สยบฟ้ากำราบมหาสมุทรนั่นได้เลยสักนิด!

“พี่เซวี่ย เหตุใดค่ายกลนี้อยู่ในมือเจ้าหมอนี่แล้วมหัศจรรย์ถึงเพียงนี้”

สือพั่วไห่อึ้ง

หากทีแรกกระบวนค่ายกลใหญ่สยบฟ้ากำราบมหาสมุทรนั่นมีพลังป้องกันที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ ตอนที่พวกเขาถูกหลินสวินโจมตี จำเป็นต้องถึงขั้นหนีเอาตัวรอดเสียที่ไหน

“ข้า…”

พวกเซวี่ยชิงอีจ้องตาค้าง ยากจะเชื่อ มุกอริยะกำราบสมุทรยี่สิบสี่เม็ด เป็นชุดสมบัติอริยะที่หายากอย่างที่สุดจริงๆ

ทว่าอานุภาพของมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางต้านทานการโจมตีของสัตว์ร้ายที่อานุภาพเทียบเท่ามกุฎอริยะหนึ่งพันคนได้หรอก!

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

รอยยิ้มบนใบหน้าของคนอื่นๆ เองก็ชะงักไป ดูประหลาดใจไม่สามารถสงบได้ สายตามองไปที่จู๋อิ้งคงโดยไม่ได้นัดหมาย

ความได้ใจเต็มอกของจู๋อิ้งคงหายไปหมดในชั่วขณะนี้ เขาขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีม่วงมีประกายคลุมเครือพวยพุ่ง จับจ้องและวิเคราะห์อย่างละเอียด

ครู่หนึ่งเขาคล้ายตระหนักได้ถึงบางอย่าง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่อยู่ “ฝีมือของเจ้าหมอนี่ยอดเยี่ยมมาก ถึงกับใช้มุกอริยะกำราบสมุทรยี่สิบสี่เม็ดวางกระบวนค่ายกล จากนั้นดึงพลังของกระบวนค่ายกลพันผีมาป้องกัน! เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่วิญญาณเซียนเหินหนึ่งพันดวงนั่นกำลังโจมตี คือพลังของกระบวนค่ายกลพันผี!”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่อยู่ ในใจสั่นสะท้าน

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินกลับใช้วิธีนี้ ยืมแรงผู้อื่นมาโจมตี!

สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือ ภายใต้สถานการณ์จนตรอกเช่นนี้ เขากลับทำสำเร็จ!

“ข้าบอกแล้วว่าอย่าดูถูกเจ้าหมอนี่!”

เซวี่ยชิงอีแค้นจนกัดฟัน

ทุกคนแทบอยากพูดถากถางอย่างอดไม่อยู่ มุกอริยะกำราบสมุทรยี่สิบสี่เม็ดนี้เป็นของเจ้านะ ตอนนี้กลับถูกศัตรูใช้ นี่มันความผิดของใครกันแน่

“พี่จู๋ ตอนนี้ควรทำอย่างไร ตามที่เจ้าพูด หากวิญญาณเซียนเหินทลายกระบวนค่ายกล ก็เท่ากับช่วยเจ้าหมอนี่เปิดทางรอดทางมิใช่หรือ”

คุนเซ่าอวี่ถามเสียงขรึม

“อยากแก้ไขปัญหานี้ก็ไม่ยาก”

จู๋อิ้งคงสูดหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตาสีม่วงปรากฏความเด็ดเดี่ยว “ทุกท่านยินดีจะไปทลายกระบวนค่ายกลของเจ้าหมอนั่นกับข้าหรือไม่ ขอเพียงแค่ทำได้เช่นนี้ เจ้าหมอนั่นก็ไม่มีทางรอดชีวิตได้อีกต่อไปแล้ว”

แน่นอนว่าพวกคุนเซ่าอวี่ไม่มีทางไม่ตอบรับ

“ไป!”

ครู่ต่อมาพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว เข้าสู่พื้นที่อันกว้างใหญ่ที่กระบวนค่ายกลผนึกปกคลุมอยู่

แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่งลืมตาขึ้นกะทันหัน ประกายเย็นเยียบวาบผ่านส่วนลึกของสายตาเขา

เขานั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับสักนิด ชุดสีขาวพระจันทร์โบกสะบัด กลิ่นอายว่างเปล่าไร้มลทิน ราวกับเซียนอย่างไรอย่างนั้น

แม้นอกกระบวนค่ายกลมีวิญญาณเซียนเหินนับพันตนกำลังโจมตีอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่สามารถทำให้เขาขมวดคิ้วได้แม้แต่นิดเดียว

เพราะทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์ของเขา!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตั้งแต่หลายวันก่อนตอนที่เข้าสู่พื้นที่แห่งนี้ หลินสวินก็ได้ตัดสินใจว่าจะ ‘ลักฟ้าแลกตะวัน วางแผนซ้อนแผน’ แล้ว

ในช่วงหลายวันมานี้เขาดูเหมือนกำลังสำรวจตลอดทาง ท่องไปทั่วพื้นที่ ความจริงล้วนกำลังวิเคราะห์และอนุมานนัยเร้นลัยของกระบวนค่ายกลพันผีแห่งนี้

จนกระทั่งวันนี้พวกจู๋อิ้งคงคิดว่าเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เลือกจะหนีแล้ว

ความจริงหลินสวินเพียงเล่นละครตบตา ในขณะที่ทำทีว่าจะหนี ก็ได้เปลี่ยนคลื่นผนึกทั้งหมดในภูผาธารานี้อย่างไร้สุ้มเสียง

แน่นอนว่ากระบวนค่ายกลพันผีในตอนนี้ยังคงเป็นกระบวนค่ายกลพันผี และถูกจู๋อิ้งคงควบคุม

เพียงแต่ตอนที่หลินสวินตัดสินใจจะลงมือ กระบวนค่ายกลนี้ก็จะเปลี่ยนกระแส หลุดจากการควบคุมของจู๋อิ้งคง

คำว่าลักฟ้าแลกตะวันก็เป็นเช่นนี้แหละ!

——