สวี่หุนหลุดหัวเราะพรืด “เห็นขอบเขตหยกดิบของข้าเป็นของประดับหรืออย่างไร? ตาเฒ่าเถาก็แค่ขอบเขตก่อกำเนิด เจ้าโง่ แต่เขาไม่โง่”
สวี่ปินเซียนพลิกเปิดหน้าตำราอย่างต่อเนื่อง “ระมัดระวังขับเรือได้นานหมื่นปี ข้ามักจะรู้สึกว่าภูเขาตะวันเที่ยงมีแต่เรื่องประหลาดอยู่เสมอ”
สวี่หุนครุ่นคิด สุดท้ายก็ร่ายวิชาตราผนึกที่มีเฉพาะของนครลมเย็น จากนั้นจ้องมองสตรีออกเรือนแล้วเขม็ง พูดด้วยสีหน้ามืดทะมึนว่า “แคว้นหูหนึ่งแห่ง เท่ากับต้นกำเนิดเงินทองครึ่งหนึ่งของนครลมเย็น เพ่ยเซียงยังเป็นแค่ขอบเขตก่อกำเนิด นอกจากที่ยันต์หนังจิ้งจอกจะทำเงินได้แล้ว ยังช่วยช่วงชิงเครือข่ายความสัมพันธ์ผู้คนบนภูเขามาให้นครลมเย็นด้วย นอกจากนี้ความหมายที่แท้จริงของแคว้นหู ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ สะสมรวบรวมโชคชะตาบุ๋นอย่างยากลำบากมาหลายร้อยปี พี่สาวของสวี่ปินเซียน ทุกวันนี้ยังรอคอยโชคชะตาบุ๋นส่วนนี้ตาปริบๆ อยู่สกุลหยวน!”
สตรีสกุลสวี่เงียบงันไม่ต่อปากต่อคำ แอบหลั่งน้ำตาเงียบๆ
สกุลสวี่ให้บุตรสาวภรรยาเอกแต่งงานกับบุตรอนุภรรยาของสกุลหยวนเสาค้ำยันแคว้น สิ่งที่มุ่งหวังนั้นใหญ่หลวงนัก มุ่งไปหา ‘ขุนนางบุ๋นแซ่สกุลเสาค้ำยันแคว้นก็ต้องการ ขุนนางตำแหน่งแม่ทัพบู๊ทูตผู้ตรวจการก็ต้องเอามาให้ได้’
สวี่หุนถอนหายใจ สีหน้าอ่อนลงหลายส่วน “นั่งลงพูดคุยกันเถอะ ไฉ่ป๋อฝูศิษย์พี่ของเจ้าคนนั้นอยู่ดีๆ ก็หายตัวไปทั้งอย่างนี้น่ะหรือ?”
นครลมเย็นมีสวี่หุนและเพ่ยเซียงเจ้าแห่งแคว้นหูที่เป็นผู้ฝึกตนก่อกำเนิดใหญ่สองคนพิทักษ์บัญชาการณ์อยู่ในนาม
แต่แท้จริงแล้วสตรีสกุลสวี่ยังมีศิษย์พี่ที่นิสัยแปลกประหลาดตัวตนลึกลับอยู่อีกคนหนึ่ง นามไฉป๋อฝู ฉายาว่าหลงป๋อ ผู้ฝึกตนอิสระ ก่อกำเนิดผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ร่องรอยไม่แน่นอน ประสบการณ์โชกโชน ตบะสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเชี่ยวชาญเวทน้ำ ถึงขั้นสามารถงัดข้อกับหลิวจื้อเม่าแห่งทะเลสาบซูเจี่ยนได้ เพื่อช่วงชิงคัมภีร์สกัดคงคาเล่มหนึ่งก็เกือบจะแบ่งเป็นแบ่งตายกันไปแล้ว
คนผู้นี้หยิ่งทระนงอย่างถึงที่สุด ทั้งยังเชี่ยวชาญเวทอำพรางตา ในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีปยังเคยใช้รูปโฉมแบบต่างๆ และสถานะที่แตกต่างกันไปปรากฏตัวตามสถานที่มากมาย ไฉป๋อฝูเองก็มีต้นทุนก้อนใหญ่พอจะให้เขาสายตามองสูงไม่เห็นหัวใครอยู่จริง เพราะถึงอย่างไรแจกันสมบัติทวีปก็มีผู้ฝึกตนอยู่แค่ไม่กี่คนที่สามารถทยอยประมือกับหลิวจื้อเม่า หลิวเหล่าเฉิงและหลี่ถวนจิ่ง และสุดท้ายยังมีชีวิตกระโดดโลดเต้นมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ตรงเอวไฉป๋อฝูผูกสายรัดเข็มขัดหยกขาวสลักลายชือหลง ห้อยหยกประดับและขวดไหน้อยใหญ่ไว้เป็นพรวน แต่นั่นเป็นเวทอำพรางตาเสียมากกว่า ท่าไม้ตายที่แท้จริงยังคงอยู่ที่เข็มขัดหยกเส้นนั้น เพราะแท้จริงแล้วมันคือเจียวน้อยที่หลับสนิทซึ่งได้มาจากซากปรักจวนของแคว้นสู่โบราณ ปีนั้นเพราะโชควาสนานี้ถึงได้ทำให้เขาผูกปมอาฆาตแค้นกับหลิวเหล่าเฉิง ไฉป๋อฝูถึงขั้นกล้าลอบโจมตีลูกศิษย์ผู้สืบทอดศาลบรรพจารย์เกาะกงหลิ่วหลายคนเพียงลำพัง ใจกล้าทั้งยังอำมหิต วิธีการก็มีมากมายเสียยิ่งกว่า
สวี่หุนเอาชนะเขาได้ไม่ยาก แต่ฆ่าเขากลับไม่ง่าย ไฉป๋อฝูเคยมาพบเจอกับภรรยาของเขาอย่างลับๆ อยู่หลายครั้ง ถึงขั้นกล้าถ่ายทอดมรรคาให้กับสวี่ปินเซียนบุตรชายของเขาโดยพลการ อันที่จริงสวี่หุนเกิดจิตคิดสังหารอีกฝ่ายมานานแล้ว ผู้ฝึกตนอิสระที่มีชื่อเสียง ฉายาว่าหลงป๋อผู้นี้เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักกับภรรยาอย่างแท้จริง ในอดีตคนทั้งสองเคยร่วมมือกันสังหารผู้ถ่ายทอดมรรคา ต่างคนต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วก็ทรยศออกจากสำนักพร้อมกัน เพียงแต่ว่าผู้ถ่ายทอดมรรคาของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ใช่คนดีอะไร สุดท้ายไฉป๋อฝูก็เดินไปบนเส้นทางของผู้ฝึกตนอิสระที่มีเสรีอย่างเต็มที่ไปอย่างสิ้นเชิง ส่วนศิษย์น้องหญิงของเขาแต่งเข้านครลมเย็น
หากไม่เป็นเพราะเวทน้ำที่ไฉป๋อฝูถ่ายทอดให้เป็นประโยชน์ต่อมหามรรคาของสวี่ปินเซียนอย่างมาก สวี่หุนก็ไม่มีทางหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งต่อคนผู้นี้อย่างแน่นอน
บวกกับที่ไฉป๋อฝูเท่ากับเป็นเค่อชิงของนครลมเย็นครึ่งตัว ยกตัวอย่างเช่นมีครั้งหนึ่งสวี่หุนปิดด่าน ได้ตรงกับช่วงเวลาที่เกิดความวุ่นวายในแคว้นหูพอดี ไฉป๋อฝูช่วยออกแรงไปไม่น้อย ไม่อย่างนั้นรอให้สวี่หุนออกจากด่าน แคว้นหูก็คงกลายเป็นเพียงแผงลอยเละเทะแผงหนึ่ง (เปรียบเปรยถึงปัญหายุ่งเหยิง/ปัญหาเละเทะ) เท่านั้น
สตรีพยักหน้า “ศิษย์พี่ระมัดระวังตัวมาโดยตลอด นับตั้งแต่ปีนั้นที่แยกทางกันฝึกตน กระทั่งภายหลังได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งที่นครลมเย็น อันที่จริงข้าก็ยังไม่เคยได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อน”
ในความเป็นจริงแล้วใช่ว่าน้องหลงป๋อที่อยู่ข้างกายหลิ่วชื่อเฉิงจะไม่เคยคิดทิ้งเบาะแสให้นครลมเย็นเพื่อขอความช่วยเหลือมาก่อน แต่ไม่จำเป็นต้องให้หลิ่วชื่อเฉิงที่จงใจหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งลงมือเลย สองครั้งล้วนถูกกู้ช่านจับได้คาหนังคาเขา
ส่วนจุดจบ ไม่ต้องคิดก็พอจะรู้ได้ ตกอยู่ในกำมือของมารร้ายกู้ช่านที่เหมือนผู้ฝึกตนอิสระเสียยิ่งกว่าไฉป๋อฝู ย่อมไม่ได้ผ่อนคลายไปกว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของหลิ่วชื่อเฉิงอย่างแน่นอน ดังนั้นระหว่างเดินทางไกลข้ามทวีปในภายหลัง น้องหลงป๋อผู้นั้นจึงแทบจะลงไปนอนแกล้งตายแล้ว พวกเจ้าหลิ่วชื่อเฉิง กู้ช่านศิษย์พี่ศิษย์น้องชาติสุนัขคู่นี้ หากไม่ฆ่าข้าไฉป๋อฝูตายเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว นอกจากนี้การที่ขอบเขตถดถอยก็ไม่นับเป็นเรื่องอะไรได้เลย ผู้ฝึกตนอย่างข้า ขอบเขตเลื่อนขึ้นสูงก็ไม่ใช่เพื่อเอามาไว้เผื่อขอบเขตถดถอยหรอกหรือ?
สวี่หุนพลันเอ่ยว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงความจริงเท็จของเนื้อหา เอาแค่คำบรรยายในบันทึกขุนเขาสายน้ำเล่มนี้ เฉินผิงอันผู้นี้ ทุกวันนี้อยู่ที่ใด ขอบเขตเป็นเช่นไร?”
สตรีสกุลสวี่พูดเสียงเบา “ที่ทะเลสาบชิ่งจู๋ หรือควรจะพูดว่าทะเลสาบซูเจี่ยน เฉินผิงอันเคยเป็นนักบัญชีอยู่ที่เกาะชิงเสียหลายปีจริงๆ คาดว่าพลังการต่อสู้ของคนหนุ่มผู้นี้ในเวลานั้นน่าจะสามารถเทียบกับผู้ฝึกกระบี่โอสถทองคนหนึ่งได้แล้ว”
สวี่หุนขมวดคิ้ว “ผู้ฝึกกระบี่?”
สตรีสกุลสวี่ลังเลเล็กน้อย “จะมองเป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทองหรือไม่ ตอนนี้ยังบอกได้ยาก แต่คนผู้นี้อายุน้อยๆ ก็มีกลอุบายลึกล้ำถึงเพียงนี้ เชี่ยวชาญการเก็บซ่อนอำพราง คนประเภทนี้ต้องไม่ใช่คนที่เรียบง่ายอย่างแน่นอน ปีนั้นข้าก็รู้สึกแล้วว่าคนผู้นี้เก็บเอาไว้ไม่ได้ยิ่งกว่าหลิวเสี้ยนหยาง เพียงแต่ว่าทางฝั่งของภูเขาตะวันเที่ยงประมาทเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งวานรเฒ่าพิทักษ์ภูเขาตัวนั้นที่ดูแคลนเศษสวะที่สะพานแห่งความเป็นอมตะขาดสะบั้นคนหนึ่ง ไม่ยินดีจะตัดรากถอนโคน”
“หลิวจ้งรุ่นแห่งเกาะจูไช ทุกวันนี้เป็นผู้ฝึกตนโอสถทอง ดูเหมือนว่าภูเขาลั่วพั่วจะมีมารยาทต่อหลิวจ้งรุ่นอย่างมาก ตามหลักแล้วน่าจะพออนุมานรากฐานของภูเขาลั่วพั่วออกมาได้ แต่มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเวทอำพรางตาที่ภูเขาลั่วพั่วแสร้งแสดงให้คนอื่นเห็น ข่าวที่แน่ชัดเพียงข่าวเดียวก็คือเมื่อหลายปีก่อน ภูเขาลั่วพั่วเกิดความขัดแย้งกับจวนเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ สุดท้ายดูเหมือนว่าภูเขาพีอวิ๋นจะไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก นับแต่นั้นเว่ยป้อก็ถึงกับใช้วิธีการของวงการขุนนางบนภูเขามากดข่มจวนเทพวารีแห่งนี้เอาไว้ ได้ยินมาว่าหลี่จิ่นเทพวารีแม่น้ำชงตั้นดื่มเหล้าเมาในงานเลี้ยงของศาลเทพอภิบาลเมืองจึงหลุดปากพูด บอกว่าภูเขาลั่วพั่วมีผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งนั่งพิทักษ์อยู่บนภูเขา คือปรมาจารย์ใหญ่ที่มีหวังจะเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเดินทางไกล รับผิดชอบคอยถ่ายทอดวิชาหมัดให้กับเด็กรุ่นหลัง ส่วนเหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ผู้นั้น ในทางส่วนตัวก็เกลียดแค้นภูเขาลั่วพั่วมาก หากไม่มีเว่ยซานจวินของภูเขาพีอวิ๋นคอยปกป้อง นางจะต้องยอมถูกหักลบคุณความชอบ แต่ก็ต้องทำให้น้ำท่วมกลบทับภูเขาลั่วพั่วให้ได้อย่างแน่นอน”
สวี่ปินเซียนพลันสอดปากยิ้มเอ่ยว่า “หากองค์เทพวารีทั้งสองนี้ บวกกับเทพอภิบาลเมืองของจังหวัดหลงโจว แท้จริงแล้วถูกภูเขาลั่วพั่วซื้อตัวไปนานแล้ว จงใจแสดงละครให้พวกเราดู นครลมเย็นของพวกเรากับภูเขาตะวันเที่ยงที่มีเซียนกระบี่ใหญ่สิบท่าน จะไม่ถูกผีบังตาอยู่ตลอดหรอกหรือ”
สตรียิ้มเอ่ย “มีอยู่ประโยคหนึ่งที่วานรเฒ่าพูดได้ไม่ผิด เวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบกว่าปี คนหนุ่มคนหนึ่งที่สะพานแห่งความเป็นอมตะเคยขาดสะบั้น บนเส้นทางการฝึกตนต่อจากนั้น ต่อให้จะมีโชควาสนามากแค่ไหน ราบรื่นมากเท่าไร แต่จะร้ายกาจได้ถึงขนาดไหนกันเชียว พวกเรากังวลก็ส่วนกังวล แต่หากถึงขั้นหลอกตัวเองนั้นก็ช่างเถิด ผีบังตา? ต่อให้ตำราขุนเขาสายน้ำเล่มนั้นจะมีความจริงแค่ห้าหกส่วน แต่อันที่จริงเจ้าขุนเขาหนุ่มของภูเขาลั่วพั่วที่วิ่งพล่านไปทั่วอยู่ในแจกันสมบัติทวีปเหมือนแมลงวันไร้หัวตัวหนึ่ง กลับยิ่งเหมือนถูกผีบังตามากกว่าเสียอีก ทั้งต้องการผลประโยชน์ที่แท้จริง ต้องการชื่อเสียงจอมปลอม แล้วยังหวังจะได้ประสบพบเจอเรื่องดีๆ ไม่ว่าอะไรก็ต้องการไปหมด ตลอดทางไม่ว่าอะไรก็ตัดใจทิ้งไม่ลง คนประเภทนี้ มหามรรคาไม่มีทางสูงไปยังไงแน่”
“ไม่ว่าจะอย่างไร นครลมเย็นเลื่อนเป็นสำนักอักษรจงต่างหากถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
สวี่หุนจ้องสตรีออกเรือนแล้วเขม็ง ต่อให้จะจัดวางตราผนึกเอาไว้แล้ว เขาก็ยังใช้เสียงในใจเอ่ยกับนางว่า “นอกจากนี้ ทางฝั่งของเพ่ยเซียงแคว้นหู มีเรื่องบางอย่างที่ข้าไม่เคยถามมาก่อน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะถูกปิดหูปิดตา ก่อนจะเกิดศึกใหญ่ครั้งนี้ ไม่ว่าก่อกำเนิดคนใดของแจกันสมบัติทวีปล้วนล้ำค่าทั้งสิ้น หากยังพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาคนอื่นต่อไป เพ่ยเซียงก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกกริ่งเกรงในตัวเจ้าที่เป็นขอบเขตประตูมังกรคนหนึ่งถึงเพียงนี้!”
สตรีหน้าซีดขาวเล็กน้อย
สวี่หุนโบกมือ “ข้าแค่ดูผลลัพธ์ ไม่เคยถามขั้นตอน”
กลับไปถึงลานบ้านที่เงียบสงบในเรือนพักของภูเขาตะวันเที่ยง บรรพบุรุษตระกูลเถาก็รีบร่ายวิชาอภินิหารสกัดกั้นฟ้าดินทันที
วานรชุดขาวคุ้มครองเถาจื่อมาส่งถึงที่นี่แล้วย่อมต้องจากไป
ในฐานะผู้ถวายงานปกป้องขุนเขาเพียงหนึ่งเดียวของภูเขาตะวันเที่ยง มีสถานะสูงส่งเป็นที่นับถือของผู้คน ต่อให้เป็นเซียนกระบี่ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แถวหน้าๆ ในศาลบรรพจารย์อย่างบรรพบุรุษตระกูลเถาก็ยังต้องปฏิบัติต่อมันอย่างมีมารยาทในทุกเรื่อง แล้วนับประสาอะไรกับที่บนภูเขาตะวันเที่ยง ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าวานรเฒ่าชุดขาวตัวนี้รักและเอ็นดูเถาจื่อเป็นที่สุด จนราวกับว่ากลายมาเป็นผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาของยอดเขาสายตระกูลเถาสายเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าบรรพบุรุษตระกูลเถาต้องภาคภูมิใจในเรื่องนี้อย่างมาก
เถาจื่อเปลี่ยนจากเด็กหญิงตัวน้อยที่ตอนนั้นไปเที่ยวหาประสบการณ์ในถ้ำสวรรค์หลีจู กลายมาเป็นหญิงสาวเรือนร่างเพรียวบางสะโอดสะองแล้ว ระหว่างที่วานรเฒ่าชุดขาวเอ่ยลา นางเพิ่งจะนั่งลงก็ลุกขึ้นยืนใหม่ กระทั่งส่งวานรชุดขาวออกไปจากลานเรือนขนาดเล็ก วานรเฒ่าร่างกำยำตบหัวของเถาจื่อเบาๆ บอกเป็นนัยแก่นางว่าไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ ดวงตาที่เป็นประกายน้ำฤดูใบไม้ร่วงคู่นั้นของสตรีหยีลงจนกลายเป็นจันทร์เสี้ยว สำหรับท่านปู่หยวนที่ปกป้องคุ้มครองตัวเองมาตั้งแต่เด็กผู้นี้ เถาจื่อรู้สึกใกล้ชิดสนิทใจอย่างแท้จริง มองอีกฝ่ายเป็นดั่งผู้อาวุโสในบ้านของตัวเอง เป็นเหตุให้ถ้อยคำมากมายที่ไม่แน่เสมอไปว่าจะพูดให้บรรพบุรุษตระกูลเถาฟัง กลับไร้ความกังวลยามอยู่กับท่านปู่หยวน ยอมพูดความในใจออกมาหมดสิ้น
ไม่ต้องให้บรรพจารย์ตระกูลเถา ‘เปิดประตู’ วานรเฒ่าชุดขาวก็ใช้มือผลักตราผนึกขุนเขาสายน้ำออกแล้วก้าวยาวๆ จากไปทันที
เซียนกระบี่ผู้เฒ่าตระกูลเถามีสีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่ชัด สนิทก็ส่วนสนิท ผู้ถวายงานพิทักษ์ขุนเขาผู้นี้ สำหรับสายของบ้านตนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นพันธมิตรทางธรรมชาติที่ได้แต่ปรารถนามิอาจได้มาครอบครอง เพียงแต่ว่านอกจากเถาจื่อแล้ว วานรเฒ่าตัวนี้กลับไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์มากนัก ไม่มีน้ำใจไมตรีให้ใครแม้แต่น้อย
หลังจากที่วานรชุดขาวจากไป เถาจื่อก็เดินย้อนกลับมานั่งลง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หากท่านปู่หยวนฝ่าทะลุขอบเขตได้สำเร็จก็จะต้องมีโชควาสนาเซียนเพิ่มเติมอยู่ติดตัวแน่นอน นี่เป็นเรื่องดีที่ใหญ่เทียมฟ้าเลย”
บรรพบุรุษตระกูลเถาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
ยกตัวอย่างเช่นหลิวเหล่าเฉิงที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระห้าขอบเขตบนเพียงหนึ่งเดียวของแจกันสมบัติทวีป ในความมืดมิดที่มองไม่เห็นก็ต้องมีโชควาสนาติดตัว คอยปกป้องมหามรรคา ทุกวันนี้ก็ได้กลายเป็นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของสำนักเจินจิ้งจริงดังคาด เล่าลือกันว่าเลื่อนเป็นขอบเขตเซียนเหริน คิดจะไล่ตามฝีเท้าของฉีเจินเทียนจวินใหญ่แห่งสำนักโองการเทพไปให้ทัน ก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น เว่ยจิ้นของศาลลมหิมะก็ยิ่งเป็นตัวอย่างดีเยี่ยมของคนที่คล้ายได้ยึดครองโชควาสนาบนวิถีกระบี่ไปเพียงลำพัง หากมองเช่นนี้ ปีนั้นหลี่ถวนจิ่งแห่งศาลลมหิมะถูกความรักพันธนาการอยู่นานหลายร้อยปีก็ช่างสิ้นเปลืองทรัพยากรสวรรค์จริงๆ ไม่รู้จักรักและทะนุถนอมโชควาสนาเกินไปแล้ว ไม่อย่างนั้นขอแค่หลี่ถวนจิ่งฝ่าทะลุคอขวดก่อกำเนิด คิดจะกลายเป็นเซียนกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินในพื้นที่คนแรกในประวัติศาสตร์ของแจกันสมบัติทวีปก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือคว้าเท่านั้น เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่จะต้องเจอหายนะก็คือภูเขาตะวันเที่ยงแล้ว คำว่าบุกเบิกเส้นทางวิถีกระบี่สิบเส้นเดินขึ้นสู่ยอดเขาสูงจะกลายเป็นเพียงเรื่องตลกที่ใหญ่ที่สุดของแจกันสมบัติทวีปเท่านั้น
ไม่อย่างนั้นหลี่ถวนจิ่งแค่คนเดียวขี่กระบี่มาถึงยอดเขาของภูเขาตะวันเที่ยง ถึงเวลานั้นใครจะกล้าพาตัวออกไปตาย?
วานรชุดเฒ่าขาวคิดว่าจะไปชมทัศนียภาพในจุดที่สูงที่สุดซึ่งก็คือศาลบนยอดเขา
ทางฝั่งของมุมกำแพงนอกจวนลู่หมิง ฉุนชิงถาม “เอาอย่างไร?”
ชุยตงซานผุดลุกขึ้นทันใด พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ในเมื่อสู้ศัตรูไม่ได้ ก็ได้แต่หลบเลี่ยงประกายแหลมคม!”
คนทั้งสองเผ่นปรู๊ดไปด้วยกัน
ในศาลาชมทัศนียภาพแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับหน้าผา ฉุนชิงเขย่งปลายเท้า ทอดสายตามองทิศไกล ฝุ่นผงตลบคละคลุ้ง ทรายเหลืองปลิวไกลหมื่นลี้ ประหนึ่งกระแสน้ำขึ้นที่หอบตัวโถมเข้ามา ฉุนชิงพยักหน้า “ใต้หล้าเปลี่ยวร้างคิดจะสร้างความวุ่นวายให้แก่ขบวนทัพของขุนเขาใต้ ผู้ฝึกตนทะยานลมทั้งหลายที่ต้าหลีของพวกเจ้าจัดเตรียมไว้ ไม่แน่เสมอไปว่าจะสามารถต้านทานการทะลวงขบวนรบของอีกฝ่ายได้”
ชุยตงซานยืนอยู่บนราวรั้ว เส้นสายตากวาดผ่านวัตถุใหญ่โตมโหฬารที่เกิดจากการเผยร่างจริงของเผ่าปีศาจ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นขอบเขตเซียนดิน และยังมีเผ่าปีศาจแห่งขุนเขาหนองน้ำบางส่วนที่เกิดมาก็มีเรือนกายใหญ่ยักษ์ ทว่าจุดที่ยุ่งยากอย่างแท้จริงคือจุดที่อยู่ห่างไปไกลมาก กากเดนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลที่ลากเอาแสงรุ้งแก้วใสยาวๆ ตามมาเบื้องหลัง ต่อให้เป็นชุยตงซานก็ยังไม่กล้าพูดว่าตนสามารถสกัดขวางการบุกรุดหน้าของอีกฝ่ายได้ สนามรบแห่งหนึ่งที่ผู้ฝึกตนบนภูเขาและกองทัพม้าเหล็กล่างภูเขาปนกันวุ่นวาย ประเด็นสำคัญคือทั้งสองฝ่ายต่างสยบกำราบกันและกัน ไม่อนุญาตให้ใครเป็นข้อยกเว้นไปได้ ยกตัวอย่างเช่นหากชุยตงซานเผยกายบนสนามรบจะต้องชักนำความสนใจจากพวกเซียนกระบี่อย่างโซ่วเฉินให้มาคอยเล่นงานเขาโดยเฉพาะอย่างแน่นอน ก็เหมือนอย่างก่อนหน้านี้ที่เฟยเฟยลงมือโคจรวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตเคลื่อนมหาสมุทรให้จู่โจมนครมังกรเฒ่า ทางฝั่งของแจกันสมบัติทวีปก็มีหวังจูที่เผยร่างจริง ตาต่อตาฟันต่อฟันกับอีกฝ่าย ขจัดวิชาอภินิหารแห่งสายน้ำส่วนใหญ่ของอีกฝ่ายไป ก่อนหน้านี้ป๋ายเหย่พกกระบี่ไปเยือนฝูเหยาทวีปก็ถือเป็นข้อยกเว้นที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นไม่ว่าโจวมี่มหาสมุทรความรู้จะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลมากแค่ไหนก็ยังจะเลือกล้อมฆ่าป๋ายเหย่ให้จงได้ ก่อนหน้านี้ป๋ายเหย่ใช้กระบี่สังหารเหย้าเจี่ยปีศาจบนบัลลังก์ เหย้าเจี่ยสังหารโจวเสินจือ ล้วนเป็นหลักการเดียวกันนี้
สงครามแห่งหนึ่งที่เกี่ยวพันไปถึงทิศทางการดำเนินไปของสถานการณ์ในใต้หล้า ต่อให้เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่บินทะยาน หรือกระทั่งเป็นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่ อันที่จริงไม่ว่าใครก็ไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ที่กำลังจะพลิกคว่ำได้
สิ่งที่สามารถตัดสินแพ้ชนะของสงครามได้อย่างแท้จริง ยังคงเป็นใจคน มีเพียงใจคนถึงจะเป็นจุดศูนย์รวมของสถานการณ์ใหญ่ เทพเซียนบนภูเขา ม้าเหล็กล่างภูเขา กองทัพชายแดนแคว้นใต้อาณัติ แม่ทัพ อัครเสนาบดี ผู้ฝึกยุทธในยุทธภพ ชาวบ้านร้านตลาด จะขาดใครไปไม่ได้
ฉุนชิงยื่นสองนิ้วออกมาขยำชุดคลุมสีเขียวเบาๆ ตามจิตใต้สำนึก “เมื่อเป็นเช่นนี้ เผ่าปีศาจที่พาตัวมาตายก็มีเยอะมาก ราคาที่ต้องจ่ายก็มากมหาศาล แต่ขอแค่สร้างความวุ่นวายให้กับขบวนทัพของกองทัพใหญ่ที่อยู่ตีนเขาขุนเขาใต้ได้ ใต้หล้าเปลี่ยวร้างก็ยังได้กำไรอยู่ดี”
ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “เจ้าตะพาบเฒ่ายังมีทางหนีทีไล่อยู่บ้าง”
วานรเฒ่าชุดขาวไม่ได้เจอกับเด็กหนุ่มชุดขาวและเด็กสาวชุดเขียว มันเดินไปที่ยอดเขาเพียงลำพัง ผลคือได้เจอกับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสามคน คนหนึ่งในนั้นยังเป็นหญิงสาวด้วย นางกำลังขมวดคิ้วน้อยๆ ทอดสายตามองสนามรบทางทิศใต้อยู่ในตำแหน่งหนึ่งเพียงลำพัง
คนหนึ่งในนั้นวานรเฒ่าชุดขาวรู้จัก หลี่เอ้อแห่งอดีตถ้ำสวรรค์หลีจู เล่าลือกันว่าเคยต่อสู้กับซ่งจ่างจิ้งไปครั้งหนึ่ง
ส่วนอีกสองคนที่เหลือ วานรเฒ่าชุดขาวไม่รู้จักแล้ว
เผยเฉียนที่ใช้นามแฝงว่าเจิ้งเฉียน รวมไปถึงผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางของอุตรกุรุทวีปที่อายุมากที่สุด แล้วยังเคยธาตุไฟเข้าแทรก หวังฟู่ซู่
วานรเฒ่าชุดขาวหลุดหัวเราะพรืด
หลี่เอ้อหันหน้ามามอง
วานรเฒ่าชุดขาวแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
หวังฟู่ซู่จุ๊ปากพูด “หลี่เอ้อ มีคนไม่เห็นแก่หน้าเจ้าแน่ะ หากอยู่ที่อุตรกุรุทวีปของพวกเรา แบบนี้แม่งไม่เรียกว่าจะถามหมัดแล้วจะเรียกว่าอะไร”
หลี่เอ้อเอ่ย “คน?”
ในที่สุดวานรเฒ่าชุดขาวก็หันหน้ามา
เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆ วานรเฒ่าชุดขาวก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง สีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน
ไม่มัวมาถือสาคนบ้าบิ่นคนหนึ่งกับหลี่เอ้ออีกแล้ว
เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีป อันดับแรกก็มีเทพสวมเสื้อเกราะร่างสูงหมื่นจั้งองค์หนึ่งลุกยืนขึ้นมาก่อน บนร่างแบกรับโชคชะตาบู๊ของแจกันสมบัติทวีปทั้งทวีปเอาไว้ เรือนกายล่องลอย เพียงชั่วพริบตาก็พุ่งจากเมืองหลวงแห่งที่สองของต้าหลีมายังอาณาเขตขุนเขาใต้ แต่ละก้าวเดินเหยียบลงบนความว่างเปล่า พลิ้วกายมุ่งหน้ามาทางทิศใต้
ส่วนชุยตงซานนั้นอึ้งงันพูดไม่ออก ก่อนที่จู่ๆ จะเปิดปากผรุสวาทเจ้าตะพาบเฒ่าชุยฉาน ทางหนีทีไล่ ทางหนีทีไล่ เวลาเล่นหมากล้อมมีใครที่ได้เล่นก่อนก็ไร้ศัตรูทัดเทียมอย่างเจ้าบ้าง? ฝีมือเล่นหมากล้อมห่วยแตกสิ้นดี ไสหัวไปให้ไกลๆ เลย กล้ามายืนตรงหน้าข้า ข้าจะกระโดดตบหน้าเจ้าดังฉาด…
ฉุนชิงมึนงงไม่เข้าใจ แต่เพียงไม่นานนางก็ทราบสาเหตุ
ที่แท้มีปัญญาชนโฉมหน้าพร่าเลือนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากศาลลำน้ำฉีตู้ สวมชุดสีเขียว ยามที่ลุกขึ้นยืนส่วนสูงไม่ต่างจากคนทั่วไป เพียงแต่ว่าพอก้าวหนึ่งก้าวก็หดย่อพื้นที่ของขุนเขาสายน้ำครึ่งทวีป ร่างพลันสูงหมื่นจั้ง กระทั่งมาปรากฏตัวที่ซากปรักของนครมังกรเฒ่าโดยตรง มือหนึ่งกดหัวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลตนนั้นเอาไว้ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “พบเจอเรื่องราวที่ไม่อาจตัดสินใจได้ ถามลมวสันต์ของข้า”