โคบายา ชิจิโร่พูดพลาง ก็ถอนหายใจยาวๆอย่างเสียใจ แล้วกล่าวอย่างโศกเศร้า “ผมเพิ่งจะถึงจินหลิงเมื่อเช้านี้ หลังจากที่ทำเรื่องเข้าประเทศเสร็จ ก็มาที่นี่เลย ไม่ทันได้ไปยิมเนเซียมดูการแข่งขันในวันนี้ของคุณอิโตะ ได้ยินว่าวันนี้คุณอิโตะใช้เพียงเพลงเดียวก็ชนะคู่ต่อสู้ได้แล้ว ผมไม่ได้เห็น น่าเสียดายอย่างสุดซึ้งจริงๆ!”

อิโตะนานาโกะกล่าว “คุณชิอิจิโร่ก็ว่าไป”

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกๆการแข่งขันของคุณอิโตะ ผมจะต้องไปให้กำลังใจคุณอิโตะติดขอบสนามอย่างแน่นอนครับ!”

“พูดตรงๆนะครับ บริษัทผลิตยาโคบายาของผม สนับสนุนรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันครั้งนี้ ตอนรับรางวัลผมจะเป็นคนมอบรางวัลให้ด้วยตัวเอง ผมรอไม่ไหว ที่จะให้ถึงนัดชิงชนะเลิศ และมอบถ้วยรางวัลให้กับคุณอิโตะดูตัวเองแล้วครับ!”

อิโตะนานาโกะกล่าวอย่างถ่อมตัว “คุณชิอิจิโร่ ก่อนที่การแข่งขันยังไม่จบ ไม่มีใครรู้ ว่าแชมป์จะตกเป็นของใคร แม้ฉันจะมั่นใจว่าต้องชนะ แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้แชมป์”

โคบายา ชิจิโร่รีบกล่าว “ผมเชื่อว่าคุณอิโตะทำได้แน่นอนครับ!”

อิโตะนานาโกะหัวเราะ นึกถึงคำสั่งของบิดา แล้วกล่าว “คุณชิอิจิโร่ ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน อยู่ทานอาหารกลางวันกันก่อนมั้ยคะ”

โคบายา ชิจิโร่ได้ยินประโยคนี้ ตื่นเต้นจนใจสั่นรัวๆ กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เป็นเกียรติของผมมาก ที่ได้อยู่ทานข้าวกับคุณอิโตะ!”

อิโตะนานาโกะพูดกับทานากะโคอิจิ “ทานากะซัง กรุณาอยู่ร่วมห้องอาหารที่เพลสซิเดนท์สูทนี้กับพวกเรา และอยู่ปรนนิบัติในระหว่างอาหารกลางวันให้ฉันกับคุณชิอิจิโร่ด้วยนะคะ”

ความจริง แม้อิโตะนานาโกะจะเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น แต่เธอเป็นตัวของตัวเอง น้อยนักที่จะเป็นเหมือนเศรษฐีรุ่นที่สอง ที่ต้องมีคนมากมายมารับใช้โดยรอบ

ดังนั้น ปกติตอนที่เธอทานข้าวก็ไม่เคยให้ทานากะโคอิจิรับใช้ข้างๆเธอ แต่วันนี้เธอไม่อยากอยู่กับโคบายา ชิจิโร่โดยลำพังจริงๆ ดังนั้นจึงให้ทานากะโคอิจิอยู่ข้างๆกาย ถือเป็นกันชก

ทานากะโคอิจิได้ยินคำสั่งของคุณหนู ก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล โคบายา ชิจิโร่คิดว่าอิโตะนานาโกะคุ้นเคยกับตอนทานอาหารแล้วมีคนอยู่ปรนนิบัติ ดังนั้นจึงไม่คิดมาก ยังไงต่อให้ไปทานอาการที่ร้านอาหาร ก็ต้องมีพนักงานบริการอยู่ข้างๆ

เมื่อมาถึงห้องอาหาร อิโตะนานาโกะนั่งตรงข้ามกับโคบายา ชิจิโร่

เพราะเนื้อที่ของเพลสซิเดนท์สูทนี้ใหญ่มาก ห้องอาหารจึงหรูหราและกว้างขวาง หนึ่งในโต๊ะอาหารตะวันตกที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม สามารถรับประทานอาหารร่วมกันได้อย่างน้อยก็12คน

ดังนั้นทั้งสองนั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะอาหารตะวันตก จึงมีการเว้นระยะห่างที่แน่ชัด ทำให้อิโตะนานาโกะจิตใจสงบลงบ้าง

หลังจากที่โคบายา ชิจิโร่นั่งลงแล้ว ได้หาเรื่องคุยกับอิโตะนานาโกะ แล้วกล่าว “คุณอิโตะน่าจะอยู่ที่จินหลิงสักพักใหญ่แล้วใช่มั้ยครับ?”

อิโตะนานาโกะพยักหน้า กล่าว “อยู่มายี่สิบวันแล้วค่ะ”

โคบายา ชิจิโร่ถามต่อ “มิทราบว่าคุณอิโตะได้เที่ยวที่จินหลิงบ้างหรือยังครับ? เมืองนี้เป็นเมืองที่สวยงามมากเลยครับ”

อิโตะนานาโกะถามอย่างนิ่งสงบ “เมื่อก่อนคุณชิอิจิโร่เคยมาที่จินหลิงเหรอคะ?”

“อ๋อ ครั้งแรกครับ” โคบายา ชิจิโร่ถอนหายใจ แล้วกล่าว “ความจริง สำหรับผมแล้ว จินหลิงเป็นสถานที่แห่งความเจ็บปวด ถ้าไม่ใช่เพราะคุณอิโตะมาแข่งขันที่นี่ แม้ว่าเมืองนี้จะสวยงามขนาดไหน ผมก็ไม่มีทางมาหรอกครับ”

อิโตะนานาโกะถามอย่างแปลกใจ “คุณชิอิจิโร่ หมายความว่าอย่างไรเหรอคะ?”

โคบายา ชิจิโร่กล่าวอย่างแสร้งเจ็บปวด “ผมมีพี่ชายที่เนรคุณคนหนึ่ง ผีหลงจิตใจ วางยาพิษใส่พ่อของเรา……”

“เพื่อจัดการคนไม่ดีออกไปจากวงศ์ตระกูลตระกูลเสี่ยวหลินของเรา ได้สั่งไล่ฆ่า พี่ชายคนนั้นของผม ได้ถูกนักล่าค่าหัวฆ่าตายที่จินหลิงช่วงก่อนนี้ จนกระทั่งตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยครับ ว่าตอนนี้ศพของเขาฝั่งไว้แห่งใด……”