ฉินเอ้าเสวี่ยนยิ้มอย่างเขินอาย กล่าวด้วยความเชื่อฟังว่า “รับทราบค่ะคุณพ่อ หนูจะดื่มกับอาจารย์เย่นะคะ”
เย่เฉินยิ้ม แล้วกล่าว “เอ้าเสวี่ยน เดี๋ยวหลังจากกินข้าวต้องช่วยดูดฤทธิ์ยาของยาวิเศษของคุณอีก ดังนั้นคุณไม่ค่อยเหมาะที่จะดื่มเหล้านะครับ ถ้าคุณอยากจะดื่มเป็นเพื่อนผมจริงๆ รอหลังจากที่คุณได้แชมป์แล้วค่อยว่ากัน”
ฉินเอ้าเสวี่ยนกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง แล้วกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “อาจารย์เย่ ถ้าอาจารย์ให้ฉันสู้กับอิโตะนานาโกะ แม้แต่ความมั่นใจว่าจะชนะยังมีไม่ถึง20%เลยค่ะ……อิโตะนานาโกะคนนี้เก่งกาจมากจริงๆ ในรุ่นคราวเดียวกันไม่มีใครสู้เธอได้เลยสักคน ”
เย่เฉินยิ้มพลางถาม “อิโตะนานาโกะนี่เทพขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนกล่าว “อิโตะนานาโกะเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่5ขวบ แล้วอาจารย์ของเธอเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดที่มาจากประเทศญี่ปุ่นมาโดยตลอด และสิ่งที่เจ๋งที่สุดคือ เธอฝึกวิชาหมัดต่างๆนานา การต่อสู้แบบฟรีสไตล์ การต่อสู้ คาราเต้ ถึงขั้นจี๊ดคูนโด จนเป็นผู้เล่นอัจฉริยะ”
“แต่ฉัน อายุสิบปีเพิ่งจะเริ่มฝึกการต่อสู้แบบฟรีสไตล์ ช้ากว่าอิโตะนานาโกะไปห้าปีเต็มๆ แตกต่างกันมากเหลือเกิน ต่อให้ยาวิเศษของอาจารย์จะเพิ่มสมรรถภาพให้ร่างกายของฉัน ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะชนะเธอได้ เพราะการแข่งขันการต่อสู้แบบฟรีสไตล์ ไม่ได้ใช้แค่กำลังและความคล่องแคล่วเท่านั้น ยังมีความเร็ว ประสบการณ์กับแทคติก ประสบการณ์กับแทคติกต้องใช้เวลาสะสม ค่อยๆสะสมมาเรื่อยๆ และนี่คือความแตกต่างที่เห็นชัดที่สุดระหว่างฉันกับอิโตะนานาโกะ”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ฉินเอ้าเสวี่ยนกล่าวต่อด้วยความเหี่ยวเฉาว่า “เหมือนกันผู้ชายที่ชอบฟุตบอลที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแมสซี่หรือคริสเตียนโน่ โรนัลโด ความเก่งกาจของพวกเขาจริงๆเลยก็คือทักษะและการรับรู้ของพวกเขา และยังมีประสบการณ์ ไม่ใช่ร่างกายของพวกเขาแข็งแรงมากเท่าไหร่ หรือสมรรถภาพทางกายของพวกเขาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ แมสซี่เตี้ยขนาดนั้น นักฟุตบอลที่สมรรถภาพทางกายแข็งแกร่งกว่าเขาก็มีถมเถไป แต่นักฟุตบอลที่จะเทียบประสบการณ์และทักษะกับเขาได้ในตอนนี้ โดยทั่วไปแล้วไม่มีสักคน นี่สิถึงจะเป็นจุดสำคัญ”
เย่เฉินพยักหน้า กล่าว “คุณพูดถูก ประสบการณ์กับแทคติก ต้องสะสมจากการต่อสู้มาเป็นแรมปีจริง แต่ คุณไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นผมจะช่วยคุณวิเคราะห์จุดอ่อนของศัตรูอย่างละเอียดแน่นอน และช่วยคุณวางแทคติกในระหว่างแข่งขันให้เลย”
ฉินเอ้าเสวี่ยนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “ดีมากเลยอาจารย์เย่!งั้นเอ้าเสวี่ยนขอพึ่งอาจารย์หน่อยละกันนะคะ!”
เมื่อทานข้าวเสร็จ ฉินเอ้าเสวี่ยนพาเย่เฉิน ไปที่ห้องฝึกซ้อมโดยเฉพาะของตน
ห้องซ้อมของฉินเอ้าเสวี่ยน ใหญ่กว่าห้องรับแขกของคนทั่วไปอยู่มาก ข้างในนี้มีอุปกรณ์ที่ควรจะมีในการฝึกซ้อมทั้งหมด แล้วยังมีเวทีมาตรฐานเสมือนสนามแข่งอีกด้วย
ฉินเอ้าเสวี่ยนเชิญให้เย่เฉินนั่งลงที่จุดพักผ่อนในห้องซ้อม จากนั้นพูดกับเขาอย่างเขินอายว่า “อาจารย์เชิญนั่งก่อนนะคะ ฉันจะไปเปลี่ยนชุดฝึกซ้อมก่อน”
เย่เฉิน “โอเค”
เห็นเย่เฉินพยักหน้า ฉินเอ้าเสวี่ยนจึงได้หันหลังแล้วไปห้องข้างๆก่อน
หลายนาทีผ่านไป ฉินเอ้าเสวี่ยนสวมใส่ชุดกีฬาที่ดูมีสง่าราศีเดินออกมา
ที่บอกว่าชุดกีฬา ความจริงแล้วก็คือชุดชั้นในสปอร์ต
ชุดชั้นในสปอร์ตปกปิดเนื้อหนังได้น้อยมาก นอกเสียจากจุดสำคัญ
ดังนั้นลำคอที่ขาวนวลขอฉินเอ้าเสวี่ยน แขนและขาที่เนียนยาว หน้าท้องที่แบนและซิกแพ็ค ปรากฏให้เห็นออกมาอย่างชัดเจน
ต่างกับฉินเอ้าเสวี่ยนที่อยู่ในสนามแข่งในวันนี้ ตอนนี้เมื่อเย่เฉินเห็นเธออีกครั้ง ในสถานการณ์ที่อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากทั้งสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครอีก ดังนั้น นี่ทำให้เขารู้สึก ไม่ค่อยธรรมชาติสักเท่าไหร่
ฉินเอ้าเสวี่ยนก็กระมิดกระเมี้ยน มักจะรู้สึกว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์ส่วนตัว สวมใส่ชุดแบบนี้ให้เย่เฉินดู ในใจรู้สึกเขินอายจนทนไม่ไหว
แต่ เธอไม่หวาดกลัวสักนิด เพราะเธอเชื่อมั่นในรูปร่างของเธอมาก ในเบื้องลึกของจิตใจ เธอหวังอยากให้เย่เฉินได้เห็นมากกว่านั้นอีก
เย่เฉินพยายามให้ตัวเองมองไปที่สายตาของฉินเอ้าเสวี่ยน ด้วยไม่มีความคิดอื่นใด แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “เอ้าเสวี่ยน ยาที่ผมให้คุณไปก่อนหน้านี้ล่ะ?”
ฉินเอ้าเสวี่ยนแบมือออก ให้เห็นยาที่บรรจุไว้ในถุงพลาสติกออกมาทันที แล้วกล่าว “อาจารย์เย่ ยาวิเศษอยู่ที่นี่ค่ะ……”