ตอนที่ 1593 โปรเจกต์สายเลือด

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ณ ย่านชานเมืองจินหลิง

ซิงเปียนยืนอยู่ที่ขอบสนามหญ้าบ้านลู่โจว เขาจัดแจงเนคไทให้ดูเรียบร้อยพร้อมกระแอมให้คอโล่ง จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้เอื้อมไปกดกริ่งประตูบ้าน

ไม่นานนักใบหน้าที่คุ้นเคยก็ฉายขึ้นมาบนจอโฮโลแกรม อีกฝ่ายจ้องซิงเปียนเหมือนตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน

แล้วก็ถามขึ้นมาว่า “คุณมาที่นี่อีกรอบทำไมล่ะ?”

ซิงเปียนแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง

แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องรับมือกับลู่โจว รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นมาบนใบหน้าเขาทันทีขณะเอ่ยทักทาย “ผมก็แค่มาเยี่ยมคุณเฉยๆ ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ผมไม่หาเรื่องอะไรมาให้คุณหนักหัวแน่… ดูสิ ผมเอาของฝากมาให้ด้วยนะ”

พอพูดจบ ซิงเปียนก็เขย่าถุงกระดาษในมือโชว์พร้อมยิ้มสวยๆ ให้

ลู่โจวมองถุงกระดาษนั้นอยู่พักหนึ่ง

“แล้วในนั้นมีอะไร…?”

ซิงเปียนไม่ได้ตอบคำถามทันที แต่เขากลับชี้ไปทางประตูแทน เอ่ยคำพูดมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง

“ไปคุยกันข้างในดีกว่า”

ในที่สุดประตูก็เปิดออก

ถึงพอผู้ชายคนนี้โผล่มาทีไรจะมีแต่ข่าวร้ายก็เถอะ ลู่โจวก็ยังตัดสินใจจะเชื่อเขาแล้วเชิญเขาเข้ามาในห้องนั่งเล่นอยู่ดี

ซิงเปียนเดินตามลู่โจวเข้าไปในบ้าน เขาหันไปมองรอบๆ แล้วทักทายเจ้าของบ้านด้วยน้ำเสียงรื่นเริง

“ช่วงนี้คุณเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

“ผมก็สบายดี ตราบใดที่คุณยังไม่ได้พกปัญหามาให้น่ะนะ”

“ขอแสดงความยินดีด้วยครับ แปลว่าคุณเจอสรวงสวรรค์แล้วสินะ” ซิงเปียนยิ้มล้อแล้วพูดต่อ “จะว่าไปแล้วเรื่องสมการซีอะไรนั่น…วิจัยไปถึงไหนแล้วล่ะคุณ?”

“สมการคลื่นความโน้มถ่วงอนุภาคอนุภาคซี..เล่าสั้นๆ ก็ ความคืบหน้าเป็นไปในทางราบรื่นเลยทีเดียว ตอนนี้ความยุ่งยากจะไปตกอยู่ที่เรื่องการคำนวณค่าคงตัว ε ในการเรียบเรียงใหม่ เดี๋ยวเร็วๆ นี้ก็น่าจะได้ผลลัพธ์แล้วล่ะ” ลู่โจวเหลือบไปมองซิงเปียนอย่างแปลกใจ เขาถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ว่า “ทำไมจู่ๆ คุณก็หันมาสนใจเรื่องวิชาการล่ะ?”

“ก็มันเป็นกุญแจในการก้าวข้ามความเร็วกว่าแสงนี่นา” ซิงเปียนเอ่ยตอบยิ้มๆ “ไม่มีใครในสหการพาน-เอเชียนที่จะไม่สนใจเรื่องนี้หรอก ผมก็แค่เป็นหนึ่งในคนพวกนั้นเท่านั้นเอง”

ลู่โจวตอบ “เกรงว่าคุณจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ ถ้าคุณมาถามใหม่ตอนปีหน้า บางทีสถานการณ์อาจจะไปได้สวยกว่านี้ก็ได้”

ซิงเปียนว่า “สัญชาตญาณผมบอกว่าผมไม่ต้องรอนานขนาดนั้นหรอก”

ลู่โจวมองเขาแล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ก็ถ้ามีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นล่ะก็นะ”

ซิงเปียนเลิกคิ้ว

“ปาฏิหาริย์ที่ว่าก็คือคุณเองไม่ใช่เหรอ?”

ลู่โจวบอกให้เสี่ยวไอเข้าไปในครัวและชงชามาให้สองถ้วย แล้วจากนั้นเขาก็ส่งสายตาตั้งคำถามไปทางซิงเปียนที่นั่งอยู่บนโซฟาทิศตรงข้าม

“ว่ามาเลย รอบนี้คุณอยากได้อะไรอีก?”

“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะมาหาคุณเพราะต้องการให้คุณช่วยอะไรสักอย่างตลอดเลยนะ?” ซิงเปียนยังทำหน้าเหมือนคนทำอะไรไม่ถูกต่อไป “ผมแค่อยากมาหาเพื่อนเก่าเฉยๆ ไม่ได้เหรอ?”

ลู่โจวไม่พูดอะไรออกมา เขาได้แต่จ้องอีกฝ่ายเขม็ง

“โอเค เอาอย่างนั้นก็ได้…”

ซิงเปียนถอนหายใจ เขาหยิบถุงกระดาษในมือวางกับโต๊ะกาแฟ

“ของขวัญของคุณน่ะ เปิดเลยสิ”

ลู่โจวหยิบถุงกระดาษขึ้นมาจากโต๊ะกาแฟ เขาฉีกปากถุงเปิดออก แล้วหยิบเอกสารข้างในนั้นออกมา

ลู่โจวลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะถามออกมาด้วยความสับสนเต็มอก “นี่มันอะไรกัน?”

“ไฟล์ลับสุดยอดที่เพิ่งถูกเปิดเผยออกมาตอนที่อายุขัยการเก็บรักษาความลับหมดลงเมื่อยี่สิบปีก่อน…ก่อนหน้านี้ของพวกนี้จะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในโกดัง ไม่มีใครแปลงมันเป็นข้อมูลดิจิทัลเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนคนจากศูนย์บัญชาการใหญ่ของสหการพาน-เอเชียนจู่ๆ ก็มาเก็บข้อมูลจากคลังเก็บข้อมูลไป”

ซิงเปียนจิบชาจากถ้วยชาบนโต๊ะ

พอคอไม่ได้แห้งผากแล้ว เขาก็เล่าต่อ “คนที่มาก็คือเลขาฯของหลี่กวงหยา เหว่ยซง คุณน่าจะเคยพบเขามาก่อน พอฟังคำขอของเขาเสร็จแล้ว ผมก็เลยพาเขาไปคลังเก็บข้อมูล แล้วก็เจอสิ่งนี้อยู่ในกองไฟล์พวกนั้น”

ลู่โจวมองซิงเปียนด้วยสายตาแปลกๆ

“แล้วนี่คุณเอาความลับแบบนั้นออกมาให้ผมมันจะดีเหรอ…?”

การรู้อะไรมากไปก็ไม่ใช่เรื่องดี

ถึงแม้ตัวลู่โจวจะเป็นคนที่มีความอยากรู้อยากเห็นสูง แต่ความอยากรู้อยากเห็นนั้นก็มุ่งตรงไปที่ด้านจักรวาลและธรรมชาติ เขาไม่ได้อยากรู้อยากเรื่องอื่นมากเป็นพิเศษ

ถ้ามันเป็นเรื่องที่อาจจะก่อปัญหาได้ล่ะก็ เขาไม่อยากเขาไปยุ่งเกี่ยวตั้งแต่แรกดีกว่า

พอซิงเปียนได้ยินคำพูดของลู่โจว เขาก็ยิ้มแล้วโบกมือปัดทันที

“ไม่ต้องห่วง อันนี้ไม่ใช่ความลับอย่างที่คุณคิดหรอก ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว พอผ่านไปศตวรรษหนึ่งก็มีสิ่งที่ถูกถอดรหัสเรียบร้อยแล้วด้วย ถึงจะไม่ได้เปิดเผยโดยตรงต่อโลกอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าเปิดเผยกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ไม่เป็นไรหรอก”

ถ้ามันสำคัญจริงล่ะก็มันควรจะมีการป้องกันแน่นหนากว่านี้ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว

แล้วเพราะเหตุการณ์เมื่อปีก่อน จึงทำให้ตอนนี้ซิงเปียนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของออฟฟิศแล้ว เขายังมีอำนาจของตัวเองอยู่จำนวนหนึ่ง และยังสามารถเก็บไฟล์และเลือกได้ว่าจะเปิดเผยไฟล์พวกนี้หรือไม่

ลู่โจวขมวดคิ้วนิดๆ “ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเหรอ?”

“ใช่แล้วล่ะ” ซิงเปียนพยักหน้าก่อนจะหันไปมองลู่โจว “จำที่คุณเคยขอผมเมื่อก่อนหน้านี้ได้ไหม? เรื่องที่คุณขอให้ผมช่วยสืบสวนที่อยู่ของคู่หมั้นคุณหลังจากเธอลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของสตาร์สกายเทคโนโลยีน่ะ”

ลู่โจวเอ่ย “ผมนึกว่าคุณลืมเรื่องนี้ไปแล้วเสียอีก”

“จะไปลืมได้อย่างไรกัน!” ซิงเปียนยิ้มกริ่ม เขาพูดอย่างจริงใจ “ก่อนหน้านี้คุณก็ช่วยผมไว้มาก ถ้าเรื่องเล็กๆ แค่นี้ผมยังช่วยคุณไม่ได้ ผมจะไปมีค่าอะไร!”

ลู่โจวเมินคำโอ้อวดของซิงเปียน เขาพุ่งตรงเข้าประเด็นทันที “แล้วคุณได้คำตอบอะไรมาไหม?”

“จากผลการสืบสวนของกรมตำรวจเมื่อหนึ่ง 100 ปีก่อน หลังจากที่เธอคนนั้นเดินทางออกจากโอเอซิสประดิษฐ์ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ เธอก็ตรงไปที่โรงพยาบาล 301 ในปักกิ่ง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นโรงพยาบาลอันดับแรกของพาน-เอเชียไปแล้ว”

“โรงพยาบาล 301เหรอ? เธอไปที่นั่นทำ…”

“เพื่อไปหาคนคนหนึ่ง” ซิงเปียนวางถ้วยชาในมือลง สายตาของเขาเหลือบไปมองรองเท้าผู้หญิงที่วางอยู่ตรงโถงทางเดิน แล้วเขาเอ่ยต่อด้วยเสียงเริงร่า “คนคนนั้นก็อาจจะอาศัยอยู่ที่นี่นั่นแหละ จากคำให้การของหมอ เฉินยู่ซานอยู่ในห้องสำหรับผู้ที่หลับไปชั่วคราวมากกว่าหนึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบการหายตัวไปของเธอพบลายนิ้วมือที่เป็นของเธออยู่ตรงเครื่องทำให้หลับไปชั่วคราว”

เวร่าเหรอ?!

ลู่โจวตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เขาอยากจะลุกขึ้นจากโซฟาในทันที แต่ซิงเปียนก็หยุดเขาไว้เสียก่อน

“อย่าตื่นตระหนกตกใจไปเลย ไม่ว่าเฉินยู่ซานจะพูดอะไรกับคนที่หลับอยู่ ถ้าหลับไปแล้ว คนคนนั้นก็ฟังไม่ได้ยินแล้วล่ะ…ฟังผมก่อน ตรงนี้ไม่ใช่ข้อมูลหลัก”

ลู่โจวสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นไว้ เขามองซิงเปียนแล้วถามอีกฝ่ายจริงจัง “แล้วอย่างไรต่อ?”

“หลังจากนั้นเธอก็เดินทางออกจากโรงพยาบาล 301 แล้วไปหาน้องสาวคุณ ลู่เสี่ยวถงต่อ จากเวลาที่บันทึกไว้ในไฟล์ เวลาที่เธอไปตามหาน้องสาวคุณก็คือเดือนตุลาคม ปี 2025 ช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่น้องสาวคุณกำลังเข้าร่วมโปรแกรมพิทักษ์ที่ทางรัฐจัดตั้งขึ้นมา”

“หลังจากนั้นการสืบสวนเหตุผลและที่อยู่ของเฉินยู่ซานที่หายตัวไปก็หยุดชะงักลงเพราะเบาะแสขาดหาย สิ่งเดียวที่แน่ใจได้ก็คือ น้องสาวของคุณเป็นคนสุดท้ายที่ได้พบเธอ”

ลู่โจวหลบหน้าซิงเปียน เขาหันไปมองเอกสารในมือแทน ค่อยๆ เปิดหน้าแรกด้วยนิ้วชี้อันสั่นเทา แล้วเขาก็อ่านคำที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษนั้น

“โปรเจกต์สายเลือด…”

พอเขาเห็นคำดังกล่าว เขาก็สัมผัสถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกทันทีขึ้นมาในใจ

ราวกับว่า…

เมื่อนานมาแล้วเขาคาดหวังให้เรื่องมันเป็นแบบนี้

ม่านตาของลู่โจวหดลงเมื่อเขาเห็นคำบรรทัดแรกในเอกสาร

ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว

เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดมากเป็นพิเศษเมื่อเขามองเห็นลู่เสี่ยวเฉียว…

……………………………………………..