“แปลว่า…เสี่ยวเฉียวก็เป็นหลานสาวของฉันจริงๆ สินะ?”

หลังจากอ่านเอกสารโปรเจกต์สายเลือดในมือแล้วเงียบไปอยู่นานสองนาน ในที่สุดลู่โจวก็พูดคำนั้นออกมาจนได้

“เรียกให้ถูกก็ต้องเป็นลื่อสาวของคุณน่ะ…อย่างน้อยในตอนนี้ตราบใดที่บุคคลที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดตกลงยอมรับ เด็กที่เกิดมาใหม่ด้วยวิธีแบบนี้ก็จะนับว่าเป็นบุคคลที่สืบเชื้อสายตามกฎหมาย” ซิงเปียนยักไหล่แล้วพูดต่อ “ให้พูดตามตรงนะครับ พอเห็นข่าวนี้ ผมล่ะประหลาดใจจริงๆ เลย”

“…”

พอมองเอกสารในมือ ลู่โจวก็มีความรู้สึกหลากหลายปั่นป่วนอยู่ในใจ มันเป็นชั่วขณะหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี

“รู้สึกประหลาดใจเหรอ?”

“ก็ไม่ขนาดนั้น…” สุดท้ายลู่โจวก็วางเอกสารในมือลง หลังจากเงียบอยู่นานเขาก็ถอนหายใจออกมา “ผมแค่ไม่ได้คาดคิดว่าลูกหลานของผมจะเกิดมาด้วยวิธีแบบนี้”

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ถ้าเปรียบเทียบกับความรู้สึกของตัวเขาเองแล้ว แต่เป็นเสี่ยวถงต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกสับสนมากขึ้นไปอีก

เสี่ยวถงไม่เคยแต่งงาน แต่เธอกลับต้องรับแรงกดดันจากสังคมในการรับบทแม่เลี้ยงเดี่ยว ซึ่งเธอยอมมอบตัวตนให้กับเด็กคนนั้นและเลี้ยงเขามาด้วยตัวคนเดียว…

ซิงเปียนลดมือที่กอดอกลง เขามองไปทางลู่โจวแล้วแสดงความเห็นออกมา

“วันที่ 23 ตุลาคม ปี2025 เฉินยู่ซานไปเยี่ยมแผนกการหลับไปชั่วคราวด้วยวิธีแช่แข็งที่โรงพยาบาล 301 ปักกิ่ง หลังจากนั้นหนึ่งวันเธอก็ไปพบกับน้องสาวคุณ แม้ว่านี่จะเป็นคำให้การของน้องสาวคุณ แต่เวลาก็ตรงกันพอดี”

“ถึงจะไม่มีเบาะแสโดยตรงว่าคุณเฉินยู่ซานเกี่ยวข้องกับแผนนี้หรือไม่ แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีแล้ว ผมสามารถคาดเดาได้ว่าคู่หมั้นของคุณจะต้องรู้เรื่องโปรเจกต์สายเลือด และที่อยู่ของเธอจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน”

ลู่โจวถาม “แล้วเธอเข้ามาเกี่ยวได้อย่างไรกัน?”

“วันที่ 23 ตุลาคมเป็นวันที่สองหลังจากโปรเจกต์สายเลือดสำเร็จ ผมไม่แน่ใจว่าหลังจากวันนั้นแล้วมันเกิดอะไรขึ้น แต่ต้องมีบางอย่างที่สำคัญมากๆ เกิดขึ้นแน่นอน…” ซิงเปียนจ้องตรงไปที่ดวงตาของลู่โจว เขาเสนอด้วยเสียงตื่นเต้น “คุณอยากจะสืบความจริงจากเมื่อร้อยปีก่อนไหมล่ะ? ถ้าคุณขอมา ผมก็ช่วยคุณได้”

ถ้าให้พูดจริงๆ แล้ว ลู่โจวไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้อยากจะช่วยเขาจากใจจริงหรือว่าช่วยเขาเพราะตัวเองอยากรู้อยากเห็นกันแน่

แต่มีคนที่มีอำนาจจากกองความมั่นคงมาช่วยก็ดีอยู่แล้วแหละ

ระหว่างที่นั่งรถแม็กเลฟกลับไปบ้านทายาทของเขา ลู่โจวที่เงียบมาตลอดทาง จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาตอนมองเห็นวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง

“อันที่จริงผมลังเลเรื่องอดีตเอามากๆ เลย”

“ก็ปกตินี่ครับ ทุกคนก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น” ซิงเปียนตอบอย่างสบายๆ จากที่นั่งคนขับ “บางทีการรู้ความจริงไปก็ไม่ได้แปลว่าจะดีกว่า ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณอยากจะได้อะไร และคุณคาดหวังอะไร”

ลู่โจวเหลือบตามองเขาด้วยความประหลาดใจ

“คุณเข้าใจความรู้สึกนี้ด้วยเหรอ?”

“อยู่แล้วล่ะ ก็เราคาดหวังอนาคตได้ แต่เรื่องในอดีตมันเกิดขึ้นไปแล้ว ต่อให้รู้ความจริง คุณก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี คุณทำได้แค่สร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่มเติมเท่านั้นแหละ” ซิงเปียนยิ้มกว้างแล้วว่าต่อ “ดังนั้นความจริงก็สามารถเป็นเรื่องที่โหดร้ายได้เหมือนกัน ผมน่ะเห็นอะไรต่อมิอะไรมาเยอะมากแล้ว”

“ทำไมคุณต้องยิ้มตอนพูดเรื่องนี้ด้วย?”

“ยิ้มเหรอ? ผมน่ะนะ?”

ซิงเปียนยกมือขวาขึ้นมาลองแตะคางของตัวเองดู แล้วเขาก็รู้ตัวว่าสีหน้าของเขาเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำในสถานการณ์นี้เท่าไร เขารีบลบรอยยิ้มออกไปจากใบหน้าทันที

“ที่ผมช่วยก็เพราะว่าเป็นห่วงเฉยๆ แค่นั้นเอง ผมจะไปหัวเราะเยาะคุณทำไม? ลองคิดดูสิ…ถ้าคุณไม่ใช่เพื่อนผมล่ะก็ ผมจะมาหาเรื่องใส่ตัวลำบากลำบนช่วยคุณขนาดนี้ทำไมกัน?”

“โอเค” ลู่โจวถอนหายใจนิดๆ “แต่อันที่จริงถ้าเรื่องแปลกขนาดนี้เกิดกับคุณ ผมก็อาจจะขำจริงๆ นั่นแหละ”

“หะหะ…” ซิงเปียนเอามือปิดปากตัวเองพร้อมกระแอมสองรอบ “โทษที แค่ไอขึ้นมาเฉยๆ ”

ลู่โจว “…”

เอ่อ…

หมอนี่มันทำอะไรของมัน?

รถแม็กเลฟมาถึงที่จอดอย่างช้าๆ พอจ่ายค่าโดยสารเสร็จ ลู่โจวก็เดินตามซิงเปียนไปหยุดอยู่หน้าลิฟต์ของตึก จากนั้นพวกเขาก็มาถึงชั้น 20 ของอพาร์ตเมนต์ในที่สุด

หลังจากกดกริ่งทั้งสองก็รออย่างสงบ เสียงฝีเท้าจากหลังประตูดังใกล้เข้ามา

ประตูเปิดออก ใบหน้าที่มีริ้วรอยชะโงกออกมาแล้วส่งสายตาสงสัยให้คนสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู

“พวกคุณเป็น…”

พูดไปยังไม่ทันจบ ชายหลังประตูก็ตัวแข็งทื่อ

ดวงตาของชายสูงวัยค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น ลู่โจวรู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร แต่เขาก็ยังใช้น้ำเสียงสุภาพนุ่มนวลคุยกับอีกฝ่ายไปก่อน

“ผมลู่โจว…คนที่น่าจะเป็นปู่ของคุณ”

“เชิญเข้ามาได้เลย…” ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง สีหน้าของอีกฝ่ายกลับมีท่าทางขวยเขินและละอายเล็กน้อย ชายสูงวัยก้มหัวอย่างงกๆ เงิ่นๆ เขายิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผมไม่คิดว่าคุณจะมาหาหลานชายไร้ค่าอย่างผมเลยครับ ที่บ้านไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร แต่ถ้าคุณอยากจะดื่มอะไร เดี๋ยวผมสั่งออนไลน์ได้”

ลู่โจว “น้ำเปล่าก็พอ”

การตกแต่งในห้องดูเรียบร้อย ให้อารมณ์แนวมินิมอลร่วมสมัย

ก่อนจะมาถึงที่นี่ลู่โจวก็ได้ชื่อของชายสูงวัยคนนี้มาจากซิงเปียนแล้ว

ชื่อของเขาคือลู่เฟิงเป็นลูกชายของลู่หยวนและเป็นปู่ของลู่เสี่ยวเฉียว ตอนนี้เขาอายุเจ็ดสิบกว่าเข้าไปแล้ว

ถ้าหากลู่หยวนลูกชายที่เขาไม่เคยพบยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ เขาก็คงจะอายุมากกว่าเก้าสิบแล้วล่ะ

แต่ลู่โจวก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอเขาอยู่ดี ถึงอายุขัยเฉลี่ยของคนในยุคนี้จะนานมาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีชีวิตรอดจนอายุขนาดนั้นเสียหน่อย

“ผมอยากจะคุยเรื่องอดีตกับคุณเสียหน่อย” ลู่โจวนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เขาไม่ได้แตะต้องถ้วยชาบนโต๊ะกาแฟเลยแม้แต่น้อย ได้แต่จ้องตรงไปยังชายสูงวัยที่นั่งตรงข้าม เขาตัดสินใจเข้าประเด็นเลย

“ช่วยบอกมาทีสิว่าคุณรู้อะไรบ้าง?”

ใบหน้าของชายสูงวัยดูจะเต็มไปด้วยละอายใจมากขึ้นๆ เรื่อยๆ เขาก้มศีรษะลงต่ำพร้อมพึมพำไปมาว่า “ผมขอโทษเรื่องสตาร์สกายเทคโนโลยีด้วย…”

“อันนั้นน่ะช่างมันเถอะ ที่ผมอยากจะรู้คือเรื่องอื่นต่างหาก…” ลู่โจวมองเขา เว้นไปพักหนึ่งก็ถามขึ้นมาต่อ “คุณเคยเจอลู่หยวนไหม?”

พอได้ยินคำถามนี้ชายสูงวัยก็ชะงักนิ่ง เขาทำหน้าเหมือนคนอธิบายอะไรสักอย่างไม่ถูก

“แน่นอนสิ ผมต้องเคยเจอเขาอยู่แล้ว เขาเป็นพ่อผม…”

“แล้วลู่เสี่ยวถงล่ะ?”

พอได้ยินชื่อนี้สายตาของลู่เฟิงก็ฉายแววสับสน เขาตอบกลับมาด้วยเสียงคลุมเครือ “ก็ต้องเคยเหมือนกัน…ลู่เสี่ยวถงเป็นคุณย่าของผม ท่านเป็นผู้หญิงที่ใจดีมากๆ ”

ลู่โจวจ้องเขาอย่างไม่ลดละ เขาพูดขึ้นทันที “คุณกำลังปกปิดอะไรบางอย่างจากผมอยู่”

พอได้ยินอีกฝ่ายปรักปรำดังนั้น ชายสูงวัยก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“ทำไมผมต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ? คุณคือชายผู้เป็นต้นตระกูลลู่ ผมไม่มีอะไรปิดบังคุณอยู่แล้ว”

ซิงเปียนเอ่ยขึ้นมาทันที

“ฟังนะครับ พวกเรากำลังสืบสวนคดีจากเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ช่วยปู่ของคุณด้วยเถอะครับ ผมหวังว่าคุณจะตอบคำถามทุกคำถามด้วยความจริง”

ชายสูงวัยจึงถาม “แล้วคุณอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ…?”

“ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับโปรเจกต์สายเลือด” ซิงเปียนยังจ้องเขม็งตรงไปที่แววตาขุ่นมัวของชายสูงวัยต่อ จากนั้นก็เอ่ยว่า “คุณน่าจะสืบสวนเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ดังนั้นช่วยบอกทุกเรื่องที่คุณรู้มาทีเถอะ”

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นตกอยู่ในความเงียบกริบไปชั่วขณะ

ชายสูงวัยนิ่งเงียบไปพักใหญ่ จากการต้องเผชิญกับชายสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะกาแฟ สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจเล็กๆ แล้วลุกขึ้นมาจากโซฟา

“ผมตัดสินใจจะเอาความลับพวกนี้ฝังลงหลุมไปพร้อมกับตัวเอง…แต่ในเมื่อคุณก็อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว…”

เขาส่ายหัวแล้วหันไปมองทางลู่โจว

จากนั้นสักพักก็พูดขึ้นมาช้าๆ “ผมจะพาคุณไปที่นั่นเอง คำตอบของคำถามที่คุณต้องการจะรู้อาจจะอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ”

………………………………………………..