“ผู้ดูแลอิงเกรงใจเกินไปแล้ว”หลัวซิวคารวะตอบ

ร่างกลวัฏสงสารที่สองดูไม่หนุ่มเท่าไหร่นัก ดูแล้วอยู่ในช่วงอายุประมาณ 50 กว่า อย่างไรเสียเขาก็ฝึกสามวิถีพร้อมกัน หากหน้าตายังดูหนุ่มละก็ อาจทำให้ผู้อื่นสงสัยได้ง่าย

“ที่แซ่อิงมาในครั้งนี้นั้น มาเพื่อเชื้อเชิญผู้เพื่อนยุทธ์เย่เป็นเค่อชิงผู้คุมกฎของงานประมูลอัคคีนภาเราน่ะ ไม่ทราบว่าผู้เพื่อนยุทธ์เย่มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”อิงบูเฉิงบอกจุดประสงค์ในการมาของตัวเองออกมาโดยตรง

หลัวซิวขมวดคิ้ว “แซ่เย่ใช้ชีวิตอย่างตามใจชอบมาจนเคยชินแล้ว ยังไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมกองกำลังใด ๆ ”

เขาไม่ได้รีบตอบตกลงแต่อย่างใด เนื่องจากถ้าเกิดทำอย่างนั้นละก็ มีเพียงจะทำให้อิงบูเฉิงสงสัยในจุดประสงค์ของตน

อิงบูเฉิงหัวเราะเบา ๆ เขาไม่รู้สึกแปลกใจต่อการปฏิเสธของหลัวซิวเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล หากฝ่ายตรงข้ามตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจละก็ เช่นนั้นเขาถึงจะรู้สึกแปลกใจมากกว่า

สาเหตุที่ยอดฝีมือจำนวนมากเลือกที่จะเป็นผู้บำเพ็ญตนอิสระนั้น ไม่ใช่เพราะศักยภาพของตนมีไม่มากพอที่จะเข้าร่วมกองกำลังใหญ่ แต่เป็นเพราะไม่ชอบการผูกมัดจากกองกำลัง โดยส่วนใหญ่แล้วยอดฝีมือประเภทนี้จะคัดค้านและไม่ชอบการเข้าร่วมกองกำลัง

“ผู้เพื่อนยุทธ์เย่ลองนำไปพิจารณาดูก็ไม่เสียหายนะ งานประมูลอัคคีนภาของเราแตกต่างจากกองกำลังทั่วไปเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง”

อิงบูเฉิงยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ “ได้ยินมาว่าผลการฝึกตนของผู้เพื่อนยุทธ์เย่เจอจุดตีบตัน ขอเพียงผู้เพื่อนยุทธ์เย่ตกลงเป็นเค่อชิงผู้คุมกฎในงานประมูลอัคคีนภาของเรา นายท่านผู้อาวุโสได้สัญญาไว้แล้วว่าสามารถให้ผู้เพื่อนยุทธ์เรียนรู้พระราชสาส์นมกุฎเทพได้ เชื่อว่าต้องช่วยเหลือการบรรลุขั้นของเจ้าได้ไม่น้อยแน่”

“พระราชสาส์นมกุฎเทพ?”

หลัวซิวหวั่นไหวเล็กน้อย “ลานประมูลของท่านมีอาจารย์มกุฎเทพคอยปกปักรักษาหรือ?”

จดหมายส่วนตัวที่กล่าวถึงนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นการบันทึกประสบการณ์การฝึกตน และการตระหนักรู้ในกฎของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์โดยการแกะสลัก ของสิ่งนี้จะไม่ใช้ม้วนหยกมาเก็บรักษา แต่จะบันทึกลงหนังสือดั้งเดิมหรือแผ่นศิลา เนื่องจากภายในมีการตระหนักรู้ในแดนของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์แฝงซ่อนอยู่ ด้วยเหตุนี้มันจึงจะไม่เสียหายไปตามกาลเวลา

โดยส่วนใหญ่แล้วของประเภทนี้ล้วนถูกเก็บสะสมอยู่ในมือของกองกำลังใหญ่ ๆ มีเพียงบุคคลสำคัญเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เรียนรู้ เพื่อสอดแนมโอกาสในการบรรลุเป็นมกุฎเทพที่ซ่อนแฝงอยู่ภายใน

“แน่นอนอยู่แล้ว หากไม่มีอาจารย์มกุฎเทพข่มทิศทั้งแปด งานประมูลอัคคีนภาของเราจะยืนหยัดมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน และเป็นอมตะเช่นนี้ได้หรือ?”อิงบูเฉิงพูดด้วยท่าทางทะนงองอาจอย่างมาก

“ขอเพียงผู้เพื่อนยุทธ์เย่ตกลง ไม่เพียงแค่พระราชสาส์นมกุฎเทพอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีแดนปริศนาอีกมากมายของงานประมูลอัคคีนภาเรา รวมไปถึงสังฆทานในทุก ๆ ปีต้องทำให้ผู้เพื่อนยุทธ์พึงพอใจได้แน่ และสิ่งที่ผู้เพื่อนยุทธ์ต้องทำก็มีไม่มากเช่นกัน อีกทั้งเราก็จะไม่จำกัดอิสระของผู้เพื่อนยุทธ์ด้วย”อิงบูเฉิงพูดเสริมขึ้นมา

“ผู้ดูแลอิงนำพระราชสาส์นมกุฎเทพมาด้วยหรือไม่?”หลัวซิวถาม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอิงบูเฉิง ในโลกปัจจุบัน ยอดฝีมือระดับราชาเทพทุกคนไม่สามารถต้านทานความยั่วยวนของพระราชสาส์นมกุฎเทพได้เลย

ตกลงเข้าร่วมงานประมูลอัคคีนภาเพราะพระราชสาส์นมกุฎเทพ จุดนี้ไม่ได้ทำให้อิงบูเฉิงสงสัยแต่อย่างใด เนื่องจากเขาเองก็มีความมั่นใจต่อการเดินทางมาในครั้งนี้เช่นกัน

“สมบัติดังกล่าวไม่มีทางอยู่ในกำมือข้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว อีกสามวันภายหน้า จะส่งมายังมือผู้เพื่อนยุทธ์อย่างแน่นอน”อิงบูเฉิงทำท่าคารวะ ก่อนจะบอกลาแล้วจากไป

ผ่านไปสามวัน เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย พระราชสาส์นมกุฎเทพเล่มหนึ่งถูกส่งมาในมือหลัวซิว มีเพียงสามหน้าเท่านั้น มีบางหน้าที่ถูกเขียนด้วยลายมือ มีบางหน้าที่มีร่องรอยกฎสลักวาดอยู่ และมีส่วนหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งกลายมาจากการตระหนักรู้ในกฎ

เป็นเฉกเช่นเดียวกับเมื่อฝึกค่ายกลถึงแดนที่สูงลึกมันก็จะกลายเป็นยันต์ค่าย เมื่อฝึกกฎวิถียุทธ์ถึงแดนที่สูงลึก ก็สามารถทำให้การตระหนักรู้ผันเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ได้เช่นกัน และมีความเร้นลับอย่างไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่ภายใน

จึงจะมอบพระราชสาส์นมกุฎเทพให้หลัวซิวไม่ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่เป็นการให้เขาเรียนรู้สิ่งที่อยู่ภายในสิบวัน