ตอนที่ 1693 : ซ่อมแซม

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1693 : ซ่อมแซม

ในเสี้ยวพริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่า 3 เดือน ระหว่างนั้นตระกูลโม่และตระกูลลู่ยังคงสงบสุขอยู่ แม้ว่าตระกูลลู่ได้ยืนยันว่าคนที่โจมตีเหมืองนั้นมาจากตระกูลโม่ พวกนั้นก็ไม่ได้รีบลงมือแต่อย่างใด พวกเขากลับทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ภูเขาเมฆดำนั้นได้รับการป้องกันอย่างดีจากตระกูลลู่ ไม่ใช่แค่พวกเขาซ่อมแซมค่ายกลแต่พวกเขายังเร่งความเร็วในการขุดเหรียญผลึก คนงานเหมืองก่อนหน้านี้คือจอมยุทธขอบเขตเซียนที่ตระกูลลู่ได้จับมาจากที่ต่าง ๆ แต่ตอนนี้คนงานเหมืองทุกคนต่างก็คือคนจากตระกูลลู่ โดยพื้นฐานแล้วทุกคนนั้นขึ้นถึงขอบเขตดั้งเดิมโดยมีไม่กี่คนที่เป็นขอบเขตเซียน ด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งของคนงานเหมืองแล้ว อัตราการขุดเหรียญผลึกจึงเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว

คนเหล่านี้ชัดแล้วว่าถูกควบคุมอย่างเคร่งครัดจากตระกูลลู่เพื่อกันไม่ให้ข่าวนี้รั่วไหล

ในเวลาเดียวกันก็มีชายแก่คนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาเมฆดำ เขาสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นที่เหมือง

ชายแก่คนนี้คือบรรพชนของตระกูลอันโด เขาเป็นขั้นเทพทั้งในนามและความแข็งแกร่ง

บรรพชนตระกูลลู่ออกเดินทางไปยังเมืองหลวง ดังนั้นจึงให้บรรพชนตระกูลอันโด อันโดฟู คอยดูแลที่นี่ เขาใช้วิธีนี้เพื่อกันไม่ให้เหมืองโดนโจมตีจากเจี้ยนเฉินอีกครั้ง

“ในหลายวันมานี้ มันมีเหรียญผลึกระดับสูงถูกขุดขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนเหรียญผลึกระดับต่ำเองก็ลดลง ดูเหมือนว่าเหมืองนี้จะกลายเป็นเหมืองระดับสูง แม้ว่าจะมองทั้งแคว้นตงอัน มันก็ไม่มีเหมืองระดับสูงเลยสักแห่ง น่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลอันโดของข้าและตระกูลลู่จะเก็บเหมืองนี้เอาไว้ด้วยความแข็งแกร่งที่เรามี สิ่งเดียวที่เราทำได้คือต้อรีบขุดมันออกมาให้ได้มากที่สุดก่อนที่ขุมกำลังอื่นจะรู้เรื่องนี้” อันโดถอนหายใจ เขาหมดหนทาง เหมืองผลึกระดับสูงแม้ว่าจะเล็กแต่มันก็ถือว่าเป็นสมบัติในแคว้นตงอัน มันเพียงพอให้ตระกูลใหญ่ที่จะมาแย่งชิงกัน

เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาและตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะในห้องโถงที่เจ็ดของตระกูลโม่พร้อมรอยยิ้ม

หลังจากที่บ่มเพาะได้ 3 เดือนและใช้เหรียญผลึกระดับต่ำหลายแสนชิ้น ในที่สุดเขาก็ซ่อมรอยแตกในเม็ดพลังบรรพกาลได้และทำให้ความแข็งแกร่งของเขากลับขึ้นมาถึงจุดสูงสุด

ขั้น 9 ของร่างบรรพกาลเท่ากับขั้นเทพ แม้ว่าจะเป็นแค่ขั้นเทพ แต่เจี้ยนเฉินก็สามาถใช้พลังของร่างบรรพกาลและพลังบรรพกาลรวมถึงความเข้าใจกฎแห่งกระบี่ที่ก้าวข้ามขั้นศักดิ์สิทธิ์ ผลก็คือเขาสามารถสู้กับขั้นเทพช่วงต้นได้

ย้อนกลับไปตอนที่สู้กับบรรพชนตระกูลลู่ เขาใช้พลังได้แค่ 8 ใน 10 ส่วน เพราะเม็ดพลังบรรพกาลของเขาได้รับความเสียหาย เขาสามารถรับมือได้ด้วยความยากลำบาก แม้แต่หลังจากที่ชักกระบี่ทั้งสองออกมา แต่เขาก็ยังไม่ใช่คู่มือของบรรพชน แต่ตอนนี้เม็ดพลังบรรพกาลของเขาได้ถูกซ่อมแซมแล้ว เจี้ยนเฉินมั่นใจว่าหากเขาได้เผชิญหน้ากับบรรพชนตระกูลลู่อีก เขาจะไม่สิ้นหวังเหมือนครั้งที่แล้วแม้ว่าจะเอาชนะไม่ได้ก็ตาม

“มันขึ้นอยู่กับเฉินเจี้ยนแล้ว แม้ว่าเฉินเจี้ยนจะไม่ได้บ่มเพาะร่างบรรพกาล แต่ข้ารู้สึกว่าวิธีการบ่มเพาะของเขาก็ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน ความเข้าใจของเขาต่อเส้นทางกระบี่ไม่ได้ย่ำแย่ไปกว่าข้าหรือบางทีอาจจะยอดเยี่ยมกว่าข้า เมื่อเขาขึ้นถึงขั้นเทพช่วงกลางได้ เขาน่าจะมีพลังทัดเทียมกับบรรพชนตระกูลลู่ ตอนนั้นเราน่าจะฆ่าบรรพชนตระกูลลู่ได้หากเราร่วมมือกัน เขาไม่อาจจะหนีไปได้” เจี้ยนเฉินคิด ในความเป็นจริงแล้วตั้งแต่ที่เฉินเจี้ยนได้ขึ้นถึงขอบเขตเทพ แม้ว่าจะเป็นแค่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงต้น แต่หากร่วมมือกันแล้วก็สามารถเอาชนะบรรพชนตระกูลลู่ได้ พวกเขายังไม่ลงมือเพราะไม่อาจจะทำอะไรได้หากอีกฝ่ายจะหนี แม้ว่าจะมั่นใจได้ว่าจะเอาชนะได้ก็ตาม

มีแค่หลังจากที่เฉินเจี้ยนขึ้นเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงกลาง พวกเขาถึงจะสามารถหยุดบรรพบุรุษชนลู่ไม่ให้หนีได้

เจี้ยนเฉิน เดินออกมาจากห้องโถง เขายืนอยู่ในทางเดินและมองดูรอบ ๆ ตระกูลโม่จากด้านบน ไม่รู้เลยว่ามันผ่านมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่เขาเข้ามายังตระกูลโม่ แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองดูคฤหาสน์ใหญ่ที่เขาได้พักอยู่มานาน

แม้แต่รอบข้างที่พักก็ยังมีกลุ่มยามขอบเขตดั้งเดิมหลายสิบคนและมียามขั้นแลกเปลี่ยน 2 คนที่ประตู พวกนั้นเห็นเจี้ยนเฉินตอนที่เขาออกมาจากห้องโถง พวกนั้นมองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชาและแฝงไปด้วยความอิจฉาในสายตาตอนที่มองมาที่เจี้ยนเฉิน

เพราะวิธีการบ่มเพาะของเจี้ยนเฉิน แม้แต่ขั้นเทพช่วงต้นจากตระกูลลู่ก็ไม่อาจจะบอกความแข็งแกร่งของเขาอย่างแม่นยำได้ ตราบใดที่เขาไม่เริ่มสู้ เป็นธรรมดาที่ไม่มีใครในตระกูลโม่รู้ถึงความแข็งแก่รงที่แท้จริงของเจี้ยนเฉิน ทุกคนในตระกูลโม่เดาว่าเขาเป็นขั้นแลกเปลี่ยนจากการที่เขาเรียกเฉินเจี้ยนว่าพี่ก่อนที่เขาจะขึ้นถึงขอบเขตเทพ รวมถึงความจริงที่เขาไม่ได้มีแรงกดดันของจอมยุทธขอบเขตเทพ

ความแข็งแกร่งของขั้นแลกเปลี่ยนนั้นไม่เพียงพอที่อยู่ในห้องโถงของผู้อาวุโสได้ ดังนั้นในสายตาของพวกยามแล้ว เจี้ยนเฉินนั้นได้พึ่งความสัมพันธ์ที่มีกับเฉินเจี้ยนที่จะเข้าออกห้องโถงที่เจ็ดได้อย่างอิสระ มันเป็นธรรมดาที่ยามหลายคนจะอิจฉา บางคนถึงกับริษยาเลยก็มี

นี่เพราะห้องโถงทุกห้องนั้นมีค่ายกล ค่ายกลเหล่านั้นได้รวมพลังงานดั้งเดิมรอบ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการบ่มเพาะในห้องโถงของผู้อาวุโสจึงเร็วกว่าการบ่มเพาะด้านนอกหลายเท่าตัว

แน่นอนว่าการบ่มเพาะโดยการดูดซับพลังงานดั้งเดิมรอบตัวนั้นจะเทียบไม่ได้กับการดูดซับพลังงานดั้งเดิมจากเหรียญผลึก

“ท่านพี่ ข้าขอถามได้รึไม่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่เมื่อไม่นานมานี้ ? ” ตอนนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้ป้องมือและเดินเข้าไปหายามขั้นแลกเปลี่ยน 2 คนและถามขึ้นมาด้วยความสุภาพ

“ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างยังปกติดี” ยามคนหนึ่งตอบกลับ หากเฉินเจี้ยนถามเขา เขาจะตอบด้วยความสุภาพแต่เพราะเจี้ยนเฉินเป็นเพียงแค่ขั้นแลกเปลี่ยนในสายตาของเขา เขาจึงไม่ได้พูดสุภาพแม้ว่าจะเป็นการคุกคามอีกฝ่ายก็ตาม

“ทุกอย่างยังปกติดี ? ไม่ใช่ว่าข่าวภูเขาเมฆดำรั่วไหลแล้วรึ ?” เจี้ยนเฉินคิด เขาพบว่าเรื่องนี้เกินความคาดหมาย

“มันไม่เป็นไรหากยังไม่รั่วไหล ยิ่งความจริงเรื่องภูเขาเมฆดำมีเหรียญผลึกระดับสูงนั้นถูกปิดเป็นความลับนานแค่ไหน มันก็ยิ่งส่งผลดีต่อข้า” เจี้ยนเฉินคิด เขาต้องการเหรียญผลึกในภูเขาเมฆดำอย่างมากแต่เขายังไม่มีโอกาสที่จะได้มันมา หากข่าวเรื่องเหมืองรั่วไหลออกไป แน่นอนว่ามันจะนำไปสู่การต่อสู้ระหว่างตระกูลที่แข็งแกร่งในแคว้นตงอัน เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะไม่ได้เปรียบแม้ว่าจะร่วมมือกับผู้นำตระกูลโม่

นี่เพราะตระกูลที่แข็งแกร่งกว่านี้นั้นมีขั้นเทพช่วงกลางและช่วงปลายรึอาจจะจุดสูงสุด

“ตระกูลลู่คงต้องรีบขุดเหรียญผลึก มันดีที่สุดหากข้าไม่ไปบุกพวกนั้นตอนนี้ ยังไงซะหากข้าทำให้พวกนั้นตื่นตระหนก มันก็ไม่ส่งผลดีต่อข้า หากพวกนั้นตัดสินใจที่จะเปิดฉากและมอบเหมืองนี้ให้กับตระกูลที่แข็งแกร่งกว่าในแคว้นตงอัน “