ตอนที่ 1697 : การประลองกระบี่

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1697 : การประลองกระบี่

“ประมือ ? ข้าไม่สนใจ” โม่หยานตอบปฏิเสธโดยไม่คิดเลยเสียด้วยซ้ำ นางไม่ชอบอาวุธ

“มันมักมีข่าวลือจากภายนอกว่าเพลงกระบี่ของตระกูลโม่นั้นสู้เพลงกระบี่ของนิกายจุลกระบี่ไม่ได้ ในอดีตนั้นพ่อของเจ้าสามารถก้าวมาถึงจุดสูงสุดเทียบเท่ากับพ่อข้าได้ไม่ใช่เพราะพลังของเพลงกระบี่ แต่เป็นเพราะพ่อเจ้ารู้ขั้นที่สี่ของทักษะต่อสู้ระดับสัจจะ” ยู่ฟานพูดต่อ สายตาเขาค่อนข้างเย็นชา เขาไม่ได้สนใจท่าทีเย็นชาที่โม่หยาน มีต่อเขาเพราะนางมีท่าทีต่อเขาเช่นนี้ทุกครั้ง เขาเคยชินกับมันแล้วเมื่อคิดถึงฐานะของโม่หยาน แต่เขาไม่อาจจะทนกับการที่นางไปทำตัวสนิทสนมกับชายอื่นที่รูปงามกว่าเขาได้ ซึ่งนั่นเท่ากับการมองข้ามเขาไป

โม่หยานมองไปที่ยู่ฟาน หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น นางได้ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา “ใครกันที่บอกว่าเพลงกระบี่ของเราสู้เพลงกระบี่ของนิกายเจ้าไม่ได้ ? ยู่ฟาน ไม่ใช่ว่าแค่ประมือรึไง ? ได้ ข้าตกลง มาดูกันว่าเพลงกระบี่ของใครกันที่ดีกว่า”

เจี้ยนเฉินส่ายหน้า เขาไม่รู้ว่าต้องพูดยังไงเมื่อเห็นว่าโม่หยานถูกยั่วยุได้ง่ายดายขนาดนี้

“โม่หยานคงต้องแพ้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่สำหรับนาง” เจี้ยนเฉินไม่เข้าไปยุ่ง นิสัยของโม่หยานนั้นจำเป็นต้องแก้ไข มันไม่เป็นไรหากนางยังอยู่ในตระกูลโม่ แต่หากนางออกไปยังโลกภายนอก ไม่เช่นนั้นนางคงต้องลำบากอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าโม่หยานตอบตกลง ยู่ฟานก็แอบดีใจ จากนั้นเขาก็หันไปหาเจี้ยนเฉินและพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “น้องโม่หยานกับข้าจะประมือกัน เจ้าออกไปห่าง ๆ จะดีกว่า หากเจ้าแอบเรียนรู้เพลงกระบี่ของข้า นิกายข้าคงไม่อาจจะปล่อยเจ้าไปได้”

เจี้ยนเฉินเอามือถูจมูก หลังจากที่บอกให้โม่หยานระวังตัว เขาก็เดินหลบออกไปข้าง ๆ

ผู้คุ้มกันกว่า 20 คนที่มักจะตามนายน้อยมาเองก็ถอยออกไปเช่นกัน สุดท้ายพวกนั้นก็เดินไปหาเจี้ยนเฉินและยืนอยู่ด้วยกันกับเขา

เจี้ยนเฉินบอกให้สาวใช้และผู้คุ้มกันในสวนออกจากที่นั่น พวกเขาไม่อาจจะให้ใครดูการต่อสู้นี้ใกล้นัก เผื่อว่าจะโดนลูกหลง

“น้องชาย ให้ข้าเรียกเจ้าว่ายังไงดี ? ” ศิษย์นิกายจุลกระบี่ทักทายเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้แก่มากนักและดูภายนอกแล้วอายุเพียง 30 ปีแต่นั่นก็แค่รูปลักษณ์ภายนอก ความจริงที่ว่าเขาบ่มเพาะมานานแค่ไหนไม่อาจจะมีใครรู้ได้

“เจี้ยนเฉิน” เจี้ยนเฉินป้องมือและตอบกลับ

“ข้าชื่อซูบิง เจ้าเรียกข้าว่าพี่ซูบิงก็ได้ แต่เจี้ยนเฉิน ข้าต้องเตือนเจ้าด้วยความหวังดีว่าระหว่างที่นายน้อยกับคุณหนูต่อสู้กัน มันจะดีที่สุดหากเราไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องทำราวกับไม่รู้เรื่องอันใด เข้าใจรึไม่ ? ” ซูบิงพูดขึ้นมา

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น เขาแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา “หากแค่การประมือและไม่มีการบาดเจ็บหรือตายเกิดขึ้น ข้าก็คงไม่เข้าไปยุ่งอันใด ยังไงซะการประมือทั่วไปก็ดีต่อตัวของโม่หยานเช่นกัน แต่ข้าก็ต้องเข้าไปยุ่งหากมันมีอะไรเกินเลยกว่าการประมือ ”

สีหน้าของซูบิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยและศิษย์ 19 คนที่เหลือต่างก็พากันเคลื่อนไหว พวกเขาได้ล้อมเจี้ยนเฉินเอาไว้และเหมือนจะมีอคติ

“เจี้ยนเฉิน นั่นคือนายน้อยของนิกายจุลกระบี่และคุณหนูของตระกูลโม่ เจ้ามั่นใจหรือว่ามีพลังมากพอจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ด้วยการที่เป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า ? เจ้าน่าจะฟังข้าและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นจริงแต่มันก็จะเป็นปัญหาระหว่างนิกายจุลกระบี่และตระกูลโม่ มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเลย” ซูบิงพูดราวกับเป็นห่วงเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมองไปที่ศิษย์ซึ่งรายล้อมเขาอยู่และยิ้มออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับกอดอก “ข้าขอให้เจ้าเตือนนายน้อยของตัวเองว่าอย่าทำเกินเลยกับการประมือ ข้าเป็นห่วงเจ้าถึงได้บอกแบบนี้ ยังไงซะเจ้าก็คงไม่ได้มีสภาพดีไปกว่ากัน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนายน้อยของพวกเจ้าในฐานะผู้คุ้มกันของเขา ”

“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เจี้ยนเฉิน แม้ว่าจะอยู่ในตระกูลโม่ แต่มันก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องนายน้อย”ซูบิง ฝืนยิ้มออกมา

โม่หยานนั้นเริ่มสู้กับยู่ฟานแล้ว ผู้คุ้มกันขั้นแลกเปลี่ยนได้สร้างโล่พลังรอบพวกเขาเพื่อกันไม่ให้คลื่นกระแทกจากการต่อสู้นั้นทำลายทะเลดอกไม้ เพราะทั้งสองต่างก็เป็นเซียน พวกผู้คุ้มกันจึงไม่กังวลว่าการต่อสู้นี้จะทำลายโล่พลังได้

ทั้งสองได้แสดงความสามารถที่ตนมีออกมา ทั้งสองได้ใช้เพลงกระบี่ของตน เพลงกระบี่ของตระกูลโม่และเพลงกระบี่ของนิกายจุลกระบี่ได้ปะทะกันจนทำให้เกิดพลังระเบิดออกมา

เจี้ยนเฉินมองดูจากไกล ๆ หลังจากที่พูดคุยกับซูบิงแล้ว เขาก็รู้ว่าการต่อสู้นี้อาจจะไม่ได้เรียบง่ายแบบที่เห็น

“ความแข็งแกร่งของยู่ฟานไม่ได้มากมายและความรู้กับทักษะของเขาก็ไม่ได้โดดเด่น แต่ชัดเจนแล้วว่าเขาแข็งแกร่งกว่าโม่หยาน ….โม่หยานทำอะไรกัน ? นี่ไม่ใช่เพลงกระบี่ของนาง ? นางจะใช้กระบี่รึดาบกันแน่ ? นางแค่เหวี่ยงมันไปมา….”

“เพลงกระบี่เป็นอะไรกัน ? มันเหมือนกับเพลงดาบสำหรับข้า ไม่สิ มันเหมือนกับการใช้ขวานมากกว่า มันคือดาบไม่ใช่หอก ทำไมนางถึงได้ใช้ดาบเป็นหอกแทนแบบนั้น…”

เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเมื่อเห็นโม่หยานใช้กระบี่ เขาไม่รู้ว่าจะต้องวิเคราะห์ยังไง ทักษะกระบี่ของโม่หยานนั้นย่ำแย่เกินไป นางไม่มีพื้นฐานของทักาะกระบี่เลยด้วยซ้ำ

แม้ว่าโม่หยานและยู่ฟานนั้นจะมีการบ่มเพาะระดับเดียวกัน แต่ทักษะกระบี่ของโม่หยานในการต่อสู้นั้นเทียบกับ ยู่ฟานไม่ได้เลย ดังนั้นโม่หยานจึงเสียเปรียบอย่างมาก ไม่นานนางก็ถึงกับลนลาน

โม่หยานกัดฟันแน่และพยายามป้องกันการโจมตีให้ดีที่สุด สายตาของยู่ฟานดูหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นแขนขาว ๆ ของโม่หยาน และเขาก็เผยใบหน้าโรคจิตออกมา เขาแทงออกไปหลายครั้งและตัดเสื้อผ้าของโม่หยาน ออกจนเหลือแค่เศษผ้าที่ปิดบังร่างกายนางไว้ มันเผยให้เห็นผิวขาว ๆ ของนาง เสื้อผ้าตอนนี้ไม่อาจจะปกปิดร่างกายทั้งหมดได้อีกต่อไป

” เจ้ามันหน้าไม่อาย” โม่หยานหงุดหงิด

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินหม่นลง เขาฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาและลุกขึ้นยืน

“น้องเจี้ยนเฉิน มันดีหากเราจะอดทนไว้ มันมีบางเรื่องที่เราไม่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้” ซูบิงลุกขึ้นยืนและบอกกับเจี้ยนเฉินอย่างจริงใจ ในเวลาเดียวกันศิษย์อีก 19 คนเองก็เข้ามาล้อมเจี้ยนเฉินไว้ทันที

“น้องโม่หยาน เจ้าต้องระวังตัว กระบวนท่านี้เรียกว่า “วีรชนโจมตีด้วยกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ดอกท้อบนยอดเขาเบ่งบาน” ยู่ฟานยิ้มราวกับโรคจิตและพยายามตัดเสื้อตัวในของโม่หยานด้วยการโจมตีของเขา

รังสีอาฆาตแผ่ออกมาจากตาของเจี้ยนเฉิน เขาต่อยไปที่อกของซูบิง แม้ว่าซูบิงจะเป็นขั้นแลกเปลี่ยนแต่เขาก็ไม่อาจจะทนการโจมตีจากเจี้ยนเฉินได้ เขาไม่อาจจะตอบโต้หมัดของเจี้ยนเฉินได้ด้วยซ้ำและต้องกระอักเลือดออกมาพร้อมกับกระเด็นออกไป

มันมีศิษย์อีก 3 คนรอบตัวซูบิงตอนที่ซูบิงกระเด็นไปชนกับพวกนั้น พวกนั้นก็กระเด็นออกไปด้วยเช่นกัน เสียงหักดังขึ้นมาจากร่างกายพวกนั้นพร้อมกับกระดูกที่หัก

ตอนนั้นเมื่อกระบี่ของยู่ฟานห่างจากเสื้อตัวในของโม่หยานเพียงนิ้วเดียว โม่หยานก็หน้าซีดและเริ่มกังวล

ไกลออกมา สายตาของเจี้ยนเฉินเริ่มเย็นชา เขาไม่ได้ปิดบังจิตสังหารของเขา เขาชี้นิ้วไปยังยู่ฟานที่อยู่ไกลออกไป

การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดปราณกระบี่สีเงินพุ่งออกไป กระบี่ปราณนี้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วมากกว่ากระบี่ของยู่ฟานหลายร้อยเท่า มันได้พุ่งชนกับโล่พลังแทบจะทันที

โล่พลังนี้เปราะบางสำหรับปราณกระบี่ราวกับว่าไม่มีตัวตนอยู่ มันแตกในทันที ปราณกระบี่พุ่งไปด้านหน้าต่อโดยความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อยและพุ่งเข้าใส่กระบี่ของยู่ฟานด้วยความเร็วแสง