ตอนที่ 1698 : ข้าจะตัดแขนของเจ้า

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1698 : ข้าจะตัดแขนของเจ้า

ติ๊ง !

ปราณกระบี่ปะทะเข้ากับกระบี่ของยู่ฟานและทำให้กระบี่นั้นเกิดเสียงดังก้องขั้นมา มันได้ปัดกระบี่ให้กระเด็นออกไปข้าง ๆ

ยู่ฟานรู้สึกได้ถึงแรงที่ส่งผ่านกระบี่มาตอนที่ปราณกระบี่ปะทะกับอาวุธของเขา มันพุ่งขึ้นมาหาเขาทันทีจนทำให้แขนเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา ในเวลาเดียวกันก็มีเลือดพุ่งออกมาจากใบหน้าที่ซีดของเขา

เสียงร้องของยู่ฟานนี้ดังก้อง มันดังไปทั่วบ้านพร้อมกับแขนขวาของเขาที่หายไป มันเหลือแค่ก้อนเนื้อและเลือดที่กระจายไปทั่วพื้น

” นายน้อย ! ” ก่อนที่ผู้คุ้มกันจะได้สติและฟื้นตัวจากการบาดเจ็บจากหมัดของเจี้ยนเฉิน พวกนั้นก็ตะลึงและได้สติกลับมาจากเสียงร้องของยู่ฟาน เมื่อมองไปยังยู่ฟาน สีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปและรีบวิ่งไปหานายน้อยของตน

“ไปเรียกผู้อาวุโสทั้งสองมา ! ” ศิษย์คนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างลนลาน นายน้อยได้สูญเสียแขนไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา พวกเขาไม่อาจจะคิดได้ว่าจะเจอกับบทลงโทษแบบใดเมื่อกลับไป

มันเพราะพวกเขารู้ว่าหัวหน้านิกายนั้นเอาใจนายน้อยมากแค่ไหน แม้ว่านายน้อยจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่อย่างน้อยก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของหัวหน้านิกาย

” เกิดอะไรขึ้น ? ” ตอนนั้นมีเสียงหนักหน่วงเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้อาวุโสนิกายจุลกระบี่สองคนรีบเดินเข้ามาที่นั่น พวกเขาเดินทางได้หลายร้อยเมตรได้ในแต่ละก้าว ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงตรงหน้ายู่ฟานด้วยการเดินเพียงไม่กี่ก้าว

ผู้นำและซีหยูเองก็มาถึงเช่นกัน พวกเขาได้มายืนตรงหน้า โม่หยานเร็วกว่าผู้อาวุโสสองคนเล็กน้อย ใบหน้าของพวกเขามืดครึ้มเมื่อเห็นสภาพที่แทบจะเปล่าเปลือยของโม่หยาน

” ฮือ….พี่ซีหยู” โม่หยานพุ่งเข้าไปซบอกซีหยู ตาของนางแดงก่ำและนางก็ได้ร้องไห้ออกมา นางร้องไห้ด้วยความเศร้าและรู้สึกผิด

ตั้งแต่เด็กมานางได้รับการดูแลอย่างดีไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม นางไม่เคยโดนรังแก ดังนั้นนางจึงไม่เคยรู้สึกแย่เช่นนี้มาก่อน

ซีหยูกอดโม่หยานเอาไว้ ใบหน้าของนางหม่นลงพร้อมกับความต้องการฆ่าที่ปรากฏขึ้นมาในตา นางไม่ได้ซ่อนมันเลยแม้แต่น้อยจนทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน

“อย่ากลัวเลย เมื่อพี่ซีหยูอยู่ที่นี่แล้ว มันก็ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้ หากพวกเขาแตะต้องแม้แต่เส้นผมเจ้า ข้าจะทำให้พวกมันต้องพิการ” ซีหยูกัดฟันแน่น เมื่อเห็นเศษเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายของโม่หยาน นางก็โกรธยิ่งกว่าเดิม

ผู้นำยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ สายตาของเขานั้นเย็นชาอย่างมาก เขามองไปยังแขนที่เคยเป็นของนายน้อยนิกายจุลกระบี่และรู้สึกแปลกใจขึ้นมา

เขาบอกได้ด้วยความรู้ที่มีว่าแขนของยู่ฟานนั้นไม่ได้โดนตัดแต่ถูกฉีกขาดด้วยแรงมหาศาล แรงนี้ทำให้แขนนี่กลายเป็นเศษเนื้อไป

“เจี้ยนเฉินผู้นี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาเชี่ยวชาญการใช้ปราณกระบี่ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระบี่” หัวหน้าตระกูลคิด แต่นั่นไม่เพียงพอที่เขาจะบอกได้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นขั้นแลกเปลี่ยนหรือขึ้นถึงขอบเขตพระเจ้าแล้ว

แต่เขาไม่อาจจะรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินได้ จากพลังที่เจี้ยนเฉินแผ่ออกมา เจี้ยนเฉินนั้นเหมือนกับเป็นขั้นแลกเปลี่ยนแต่ก็ไม่ใช่ในเวลาเดียวกัน เขาเหมือนจะขึ้นถึงขอบเขตพระเจ้าแต่ก็ไม่ได้มีพลังของขอบเขตพระเจ้าเช่นกัน สุดท้ายเขาก็คิดว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินนั้นอยู่ที่ขอบเขตดั้งเดิมเพราะการที่เฉินเจี้ยนเรียก เจี้ยนเฉินว่าน้องก่อนที่เฉินเจี้ยนจะทะลวงผ่าน

โม่ชานและโม่หยุนได้ยินคำพูดของซีหยู ทั้งสองคนเข้าใจว่าถึงแม้นางจะพูดออกมาเพื่อปลอบโม่หยาน แต่จริง ๆ แล้วนางบอกพวกเขาสองคน

แต่ทั้งสองไม่มีอารมณ์มาสนใจคำขู่ของซีหยู พวกเขามองไปที่แขนของยู่ฟานและสีหน้าบิดเบี้ยวไป แม้ว่ายู่ฟานจะทำเกินไปแต่เขาก็ยังเป็นนายน้อยของนิกายจุลกระบี่ แม้ว่าเขาจะทำเกินไปหน่อยแต่มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาตัดแขนเขา

ยู่ฟานนั้นถือว่าเป็นตัวแทนของนิกายจุลกระบี่ โดยพื้นฐานแล้วเท่ากับว่าตระกูลโม่นั้นตบหน้านิกายจุลกระบี่ด้วยการทำแบบนี้กับนายน้อย

“คำนับผู้อาวุโสทั้งสอง” ศิษย์ 17 คนที่ยืนอยู่รอบเจี้ยนเฉินวิ่งเข้าไปหา พวกนั้นต่างก็ลนลานและมีเหงื่อท่วมใบหน้า

“ข้าให้พวกเจ้าปกป้องนายน้อย มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ? พวกเจ้าคงรู้ว่านายน้อยสำคัญต่อหัวหน้านิกายเพียงใด เราไม่อาจจะปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับเขาได้ แต่ดูตอนนี้สิ เขาได้เสียแขนไป บอกข้ามา พวกเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้กับหัวหน้านิกายยังไง ? พวกเราจะรับมือกับความโกรธของหัวหน้านิกายในเรื่องนี้ได้ยังไง ? ” ผู้อาวุโสโม่หยุน ด่าออกมา เขานี่แหละที่จะเป็นตัวรับรองความโกรธจากหัวหน้านิกาย เขาด่าพวกศิษย์แต่จริง ๆ แล้วเขาย้ำกับตระกูลโม่ถึงฐานะของนายน้อยในนิกายจุลกระบี่ว่าพวกเขาต้องมีคำอธิบายกับการทำให้นายน้อยบาดเจ็บเช่นนี้ ไม่งั้นแล้วมันจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองกลุ่ม

หัวหน้าตระกูลโม่คิ้วขมวด เขาบอกได้ชัดเจนว่าโม่หยุนต้องการจะบอกอะไรแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนนี้ตระกูลโม่ต้องรับแรงกดดดันจากตระกูลลู่และตระกูลอันโด เขาก็ไม่อาจจะเป็นศัตรูกับนิกายจุลกระบี่ได้

ตาของซีหยูแทบจะลุกไหม้เพราะความหงุดหงิดแต่นางก็รู้สึกหมดหนทาง นางอยากที่จะฆ่ายู่ฟานหลังจากที่ได้เห็นสภาพของโม่หยาน แต่ความคิดในหัวนางบอกว่านางไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้

“ทำไมข้าไม่เป็นขั้นเทพกัน ? หากข้าเป็นขั้นเทพ มันจะจำเป็นที่ตระกูลโม่จะต้องไว้หน้านิกายจุลกระบี่เช่นนี้หรือ ? หากข้าเป็นขั้นเทพ นิกายจุลกระบี่คงไม่กล้าพูดอะไรแม้ว่าข้าจะฆ่ายู่ฟาน” ซีหยูคิด นางได้แต่รู้สึกแย่กับการที่นางไม่อาจจะบ่มเพาะได้เร็วกว่านี้

“พูดมา ใครกันที่ทำให้นายน้อยบาดเจ็บ ? ” เมื่อเห็นว่าคำพูดของเขาได้ผล โม่หยุนก็หยุดกังวลทันที น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปพร้อมกับสายตาที่กวาดมองทุกคน

เจี้ยนเฉินเดินเข้ามาหา เขามองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองด้วยท่าทีไม่ต่างจากเดิมและพูดขึ้น “ข้าเองที่ทำให้เขาบาดเจ็บ”

โม่ชานมองไปที่เจี้ยนเฉินและถามขึ้นมาอย่างเย็นชา “เจ้าคือใคร ? เจ้าไม่รู้ฐานะของคนที่เจ้าทำร้ายรึไง ? ”

“มันไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นใคร เจ้าต้องไปที่นิกายกับเรา เจ้าจะได้รับการตัดสินจากหัวหน้านิกาย เจ้าได้ตัดแขนนายน้อยไปแล้ว มันถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง” โม่หยุนพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็หันไปหาผู้นำโม่และป้องมือ “ข้าเชื่อว่าผู้นำไม่น่าจะมีปัญหากับการที่เราจะพาชายคนนี้กลับไปกับเราใช่หรือไม่ ? “