ตอนที่ 1701 : การเยี่ยมเยียนขั้นเทพ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1701 : การเยี่ยมเยียนขั้นเทพ

ขั้นเทพได้ปรากฏตัวในตระกูลโม่ นี่เป็นเรื่องใหญ่แต่ผู้นำตระกูลนั้นโชคดีที่บรรพชนตระกูลโม่ได้ออกจากการเก็บตัวมา ไม่งั้นแล้วผลที่ตามมานั้นคงไม่อาจจะคาดถึง

ตระกูลโม่นั้นคือหนึ่งในสี่องค์กรใหญ่ของแคว้นนี้ที่มีความแข็งแกร่งพร้อมกับมีจอมยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นผู้อาวุโสแต่ความแข็งแกร่งแบบนี้นั้นต่ำต้อยต่อหน้าขั้นเทพ หากขั้นเทพลงมือกับตระกูล การจัดการที่นี่นั้นง่ายราวกับการยกมือ แม้ว่าผู้อาวุโสทุกคนจะร่วมมือกันสู้กับขั้นเทพแต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นภัยต่อขั้นเทพเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่าจะมีผู้ที่เป็นดั่งตำนานซึ่งอยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงปลายของโลกเซียนที่สามารถฆ่าเทพทั่วไปได้ แต่โดยพื้นฐานแล้วทุกคนต่างก็มาจากนิกายและตระกูลใหญ่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีตำนานแบบนั้นเกิดขึ้นมาในตระกูลโม่

บรรพชนตระกูลโม่มองไปที่ผู้นำตระกูล แววตาเขาทอประกายแปลก ๆ และเดินเข้าไปยังที่นั่งก่อนจะนั่งลงไป เขาได้บอกกับผู้นำตระกูล “เจ้ายังไม่รู้อีกรึ ? ”

ผู้นำตระกูลส่ายหน้าและตอบกลับด้วยความละอาย “เป็นข้าเองที่ไร้ประโยชน์ ข้าไม่พบขั้นเทพที่เข้ามาในตระกูลจนถึงตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะบรรพชนออกจากการเก็บตัว ข้าคงไม่รู้ว่ามีขั้นเทพอยู่ในตระกูลเราด้วย ”

ผู้นำตระกูลสลดและบรรพชนได้พูดขึ้น “ข้าไม่โทษเจ้าหรอก ยังไงซะระดับการบ่มเพาะของเจ้าก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รับรู้” บรรพชนแสดงสีหน้าจริงจังออกมาและถามขึ้น “ซิงเฟิง ข้าขอถามเจ้า ใครกันคือคนที่ตัดแขนของโม่หยุนด้วยการโจมตีครั้งเดียว ? ทำไมเขาถึงได้โผล่มาในตระกูลโม่ของเรา ? ”

ผู้นำตระกูลไม่ได้สมองช้า เมื่อเขาได้ยินบรรพชนพูดถึงเฉินเจี้ยน และจำความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาได้ เขาก็ปะติดปะต่อตัวตนของเฉินเจี้ยนกับขั้นเทพที่บรรพชนพูดถึง เขาตะลึงและจากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อพร้อมกับใจที่เต้นรัว

“บรรพชน ท่านจะบอกว่า….ท่านจะบอกว่า….ท่านจะบอกว่าน้องเฉินเจี้ยนนั้นเป็นเทพงั้นรึ ? ” ผู้นำตระกูลไม่อาจจะใจเย็นได้และร้องออกมา ข่าวนี้เหมือนกับมีฟ้าผ่าใส่หัวเขา

“งั้นเขาก็ชื่อเฉินเจี้ยนสินะ ถูกต้อง นั่นคือขั้นเทพที่ข้าพูดถึง” บรรพชนพึมพำ

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ ตอนน้องเฉินเจี้ยนมายังตระกูลโม่ของเรา เขาเป็นแค่ขั้นแลกเปลี่ยน เขาทะลวงผ่านขึ้นขอบเขตเทพเมื่อไม่กี่เดือนก่อนและเป็นแค่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงต้นในตอนนี้ เขาจะเป็นเทพได้ยังไง ? ท่านมั่นใจรึว่าไม่ได้เข้าใจผิดไป บรรพชน ? ” ผู้นำตระกูลรีบอธิบาย เขารู้สึกสับสนในใจเพราะเฉินเจี้ยนนั้นพึ่งจะทะลวงผ่านขึ้นเป็นขอบเขตเทพจริง ๆ แล้วเขาจะเป็นขั้นเทพในพริบตาได้ยังไง ?

“เฉินเจี้ยนผู้นี้ต่างจากปกติ มันมีคนนับไม่ถ้วนในโลกเซียนที่ขึ้นถึงจุดสูงสุดของการบ่มเพาะแต่ไม่อาจจะก้าวหน้าได้ต่อเพราะขาดความเข้าใจกฎ แม้ด้วยมุมมองของทั้งโลก แต่มันก็มีน้อยคนนักที่เข้าใจกฎได้มากกว่าคนในระดับเดียวกับตน แต่เฉินเจี้ยนผู้นี้ทำได้ ในเวลาเดียวกันนั้นข้าก็รู้สึกว่าเฉินเจี้ยนไม่อาจจะทะลวงผ่านความเข้าใจกฎในตระกูลเราได้ ในอีกความหมายคือความเข้าใจของเขาต่อกฎแห่งกระบี่นั้นได้ขึ้นถึงขั้นเทพตอนที่เขายังอยู่ในขอบเขตดั้งเดิม ตอนที่เขาโจมตีออกมา ข้าก็รู้สึกได้ว่าความเข้าใจของเขานั้นมีมากกว่าข้า มันราวกับว่าเขาได้ขึ้นเป็นขั้นเทพช่วงกลาง” บรรพชนพูดขึ้น เขาอิจฉาอย่างมาก ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นขึ้นถึงขั้นเทพช่วงต้นมาหลายปีแล้วแต่เขาไม่อาจจะทะลวงผ่านเป็นขั้นเทพช่วงกลางได้และไม่อาจจะพัฒนาความเข้าใจที่มีต่อกฎได้ต่อ

ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แม้แต่บรรพชนตระกูลลู่, ตระกูลอันโดและขั้นเทพจากนิกายจุลกระบี่เองก็เช่นกัน กฎของโลกนี้จำกัดพลังของพวกเขานั้นกันไม่ให้พวกเขาขึ้นเป็นขั้นเทพช่วงกลาง

ผู้นำตระกูลนั้นตะลึง เฉินเจี้ยนที่ซึ่งเพิ่งจะทะลวงผ่านมาไม่กี่เดือนก่อนแต่จริง ๆ แล้วเข้าใจกฎที่ขั้นเทพช่วงกลาง ในอีกความหมายคือมันไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นขั้นเทพช่วงกลางได้ตราบใดที่เขามีสมบัติสวรรค์มากพอรึ ?

มันจะทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าบรรพชนขององค์กรทั้งสี่ !

“หยานเอ๋อ ได้ช่วยชีวิตขั้นเทพเอาไว้ ! ” ผู้นำตระกูลใจสั่นเมื่อคิดเรื่องนั้น

แม้ว่าเฉินเจี้ยนจะเป็นแค่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงต้น ในตอนนี้แต่ผู้นำตระกูลนั้นกลับเริ่มถือว่าเขาเป็นขั้นเทพขั้นกลางเพราะความเข้าใจต่อกฎ เขาสามารถบ่มเพาะขึ้นเป็นขั้นเทพช่วงกลางได้โดยไม่พบอุปสรรคใด ๆ ไม่เหมือนกับผู้อาวุโสในตระกูล แม้ว่าพวกเขาจะขึ้นเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงปลายได้แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะขึ้นเป็นขั้นเทพได้ไปตลอดชีวิต

นี่เพราะการบ่มเพาะนั้นจะช้าลง ความเข้าใจต่อกฎนั้นคงไม่อาจจะเพิ่มขึ้นได้ด้วยการบ่มเพาะ มันมีความยากจากการเข้าใจกฎของโลกซึ่งขั้นแลกเปลี่ยนช่วงปลายนั้นไม่ได้สถานะมากมายในตระกูลโม่

“ซิงเฟิง ไปเยี่ยมเฉินเจี้ยนกับข้า เฉินเจี้ยนนั้นมักจะปกปิดความแข็งแกร่งในตระกูลโม่ของเรา หากมันไม่ใช่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นขั้นเทพ เนื่องจากเขาไม่ต้องการเปิดเผยความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา เราต้องทำตามความต้องการของเขา อย่าทำให้คนอื่นสนใจตอนที่เราไปหาเขาและเก็บสิ่งที่ข้าบอกเจ้าวันนี้เป็นความลับ เผื่อว่ามันจะทำให้เฉินเจี้ยนไม่พอใจ เข้าใจหรือไม่ ? ” บรรพชนพูดขึ้นมา เขาเหมือนกับเป็นพวกบ้าพลังแต่จริง ๆ แล้วเขามีหัวคิดที่ดี

“ขอรับ บรรพชน ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้”

….

ดึกคืนวันเดียวกันนั้นทั้งตระกูลนั้นดูสว่างไสว กลุ่มยามเดินตระเวนรอบตระกูล พวกเขาต่างก็พากันแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา

“คำนับผู้นำตระกูล ! “

“คำนับผู้นำตระกูล ! “

ใกล้กับห้องโถงที่เจ็ด มีเงาหลายเงาสั่นไหวไปตามแสงจากตะเกียง เสียงของพวกยามจะดังขึ้นมาบ้างเป็นบางครั้ง

ชายในชุดดำเดินตามผู้นำตระกูลไปเงียบ ๆ เขาเดินโดยไม่ปริปากพูด เขาใส่หมวกปิดหน้าเอาไว้ซึ่งทำให้เขาเหมือนกับเงายามค่ำคืน ยามถึงกับมองไม่เห็นชายผู้นี้หากไม่เพ่งมองดี ๆ