บทที่ 2219 เธอก็คือเจ้าหญิงนั่นแหละ + ตอนที่ 2220 รักแรกยากที่จะลืม

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 2219 เธอก็คือเจ้าหญิงนั่นแหละ

ฉางชิงซงซื้อตั๋วรถไฟให้กลับในวันนั้นเลย ทั้งยังแอบกำชับพ่อให้เขาดูภรรยาให้ดีอย่าปล่อยเธอออกมา

เพียงแต่เขายังไม่รู้จักพ่อแม่ของตัวเองดีนัก หากปกติพ่อคุมภรรยาอยู่คุณแม่ฉางจะนิสัยแบบนี้ได้หรือ?

ก่อนขึ้นรถไฟคุณแม่ฉางทำท่าอาลัยอาวรณ์ บอกตามตรงเธอไม่อยากกลับไปเลยจริง ๆ เมืองหลวงดีจะตาย เมืองหลวงใหญ่โตที่จะว่าไปคนก็ดูมีหน้ามีตากันทั้งนั้น นับตั้งแต่ฉางชิงซงอยู่ทำงานต่อที่เมืองหลวง เวลาเธอออกจากบ้านทีไรก็เดินเชิดหน้าเชิดตา ใครต่อใครเห็นเธอก็ต้องเข้ามาพูดประจบประแจงกันทั้งสิ้น

คุณแม่ฉางนึกดีใจอีกครั้ง ขอเพียงฉีฉีเก๋อแต่งงานเอาเงินค่าสินเดิมเข้าบ้าน เธอก็จะรีบย้ายมาอยู่ด้วยกันทันที อำเภอเล็ก ๆเก่าคร่ำครึที่บ้านเกิดนั่นเธออยู่จนเอียนแล้ว

“ชิงซง บ้านต้องเป็นบ้านแนวยุโรปมีสวนดอกไม้ในตัวด้วยนะ ขนาดต้องกว้างให้พอทั้งครอบครัวเราอยู่ แล้วต้องมีห้องรับแขกเยอะ ๆ เผื่อญาติที่บ้านเกิดมาพักอาศัย แล้วก็รถอย่าซื้อยี่ห้อสวาแกนนะ เราต้องซื้อของมีระดับ แม่ได้ยินว่ารถโตโยต้าหรูหรา ซื้ออันนั้นแหละ แล้วก็…”

คุณแม่ฉางยิ่งคิดยิ่งไม่วางใจ ไม่มีเธออยู่ชี้แนะไม่รู้ว่าลูกชายจะจัดการได้หรือเปล่า?

“หรือว่าแม่อยู่ต่อดีกว่า ให้พ่อของแกไปทานข้าวที่โรงอาหาร”

คุณแม่ฉางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ตาแก่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีทานอะไรก็ได้ ตอนนี้เรื่องของลูกชายสำคัญกว่า เธอจะประมาทไม่ได้

“แม่ไม่ไว้ใจจริง ๆ เพื่อนตัวแสบสองคนนั่นของฉีฉีเก๋อไม่ใช่คนดี อย่าให้ย้อนกลับไปเป่าหูฉีฉีเก๋ออีก ไม่ได้การ…แม่ต้องอยู่คิดแผนให้แก”

คุณแม่ฉางยิ่งคิดยิ่งไม่วางใจ แม่ตัวอ้วนกับยัยตัวดีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร ต้องมาป่วนจนเรื่องพังอีกแน่ ๆ

ฉางชิงซงปวดศีรษะแทบระเบิด ไม่เอ่ยถึงจ้าวเหมยยังพอปล่อยผ่านไปได้ พอเอ่ยถึงเขาก็มีน้ำโหขึ้นมาทันที

“แม่ แม่อย่าพูดซี้ซั้วนะ รู้ไหมว่าทำไมผมถึงรีบส่งแม่กับพ่อกลับบ้าน? ก็เพราะแม่ผลักเพื่อนของฉีฉีเก๋อไง ถือโอกาสตอนที่แฟนของเธอยังไม่รู้พ่อกับแม่รีบกลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้กลับไปอีกหรือเปล่า?”

ฉางชิงซงจงใจพูดให้แม่ของเขากลัวแต่ก็ใช่ว่าจะจงใจทั้งหมด เขากังวลจริง ๆว่าถ้าเหยียนหมิงซุ่นรับรู้เรื่องจ้าวเหมยเกือบถูกแม่ของตนผลักจนล้มเข้า เขาจะปล่อยแม่เขาไปหรือไม่?

รีบส่งกลับไปแต่เนิ่น ๆจะสบายใจกว่า!

ในเมื่อเป็นแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามา เขาก็หวังอยากให้เธอมีชีวิตที่ดี

คุณแม่ฉางเบะปากอย่างไม่ใส่ใจ “แกคิดว่าแม่เป็นยายแก่บ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนเหรอ ยัยตัวดีนั่นเป็นเจ้าหญิงหรือไง? ทำไมฉันจะว่าไม่ได้”

ฉางชิงซงแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “ก็เจ้าหญิงน่ะสิ พ่อของเธอเป็นข้าราชการระดับสูง แม่เป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยของเรา แล้วยังเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลกด้วย”

เขาพูดไปประโยคหนึ่งคุณพ่อฉางก็สะดุ้งทีหนึ่ง แม่เจ้า มีแต่คนใหญ่คนโตที่เขาแทบไม่กล้าล่วงเกินทั้งนั้น!

คุณแม่ฉางแสร้งทำท่าใจเย็น “ข้าราชการระดับสูงแล้วอย่างไรล่ะ ข้าราชการระดับสูงคงฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้มั้ง?”

ฉางชิงซงแค่นหัวเราะอีกทีพลางกล่าว “นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สามีของเธอต่างหากข้าราชการระดับสูงของจริง ช่างเถอะ บอกไปแม่ก็ไม่รู้จัก อย่างไรเสียแม่แค่รู้ไว้ว่ายัยตัวดีที่แม่ว่าแม้แต่นายอำเภอของเราก็ไม่กล้าหาเรื่องด้วย ถ้าเผลอหาเรื่องเมื่อไรก็ตายสถานเดียว ทีนี้แม่รู้ผลที่ตามมาแล้วสินะ!”

พอคุณแม่ฉางเห็นว่าลูกชายไม่เหมือนกำลังพูดเล่นถึงได้ชักกลัวขึ้นมาจริง ๆแล้ว พอนึกถึงสายตาที่ป้าฟางมองเธอเมื่อช่วงเช้าบวกกับคำพูดเหล่านั้นก็ตัวสั่นระริกอย่างอดไม่ได้

“แล้ว…แล้วแม่จะโดนจับหรือเปล่า…” คุณแม่ฉางตกใจจนหน้าซีดเผือด ถ้ารู้แต่แรกว่ายัยตัวดีนั่นมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยหรอก!

……………………….

ตอนที่ 2220 รักแรกยากที่จะลืม

“อย่างไรเสียแม่กับพ่อรีบกลับไปดีกว่า อนาคตก็อย่ามาเหยียบเมืองหลวงอีก เพื่อลดปัญหาสร้างเรื่องเดือดร้อนถึงผม เผลอ ๆผมอาจจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ด้วยซ้ำ”

ฉางชิงซงลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็หลอกแม่เขาให้กลัวได้สำเร็จ

พอคุณพ่อฉางได้ยินว่าจะเดือดร้อนถึงลูกชายพลันสีหน้าก็จริงจังขึ้น ฉุดแขนภรรยาเตรียมเดินเข้าสถานีรถไฟก่อนจะตะโกนกล่าวต่อฉางชิงซงว่า “พ่อจะพาแม่ของแกกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แกอยู่นี่ก็ตั้งใจทำงานคุยกับชิ่นเจียดี ๆ ส่วนฉีฉีเก๋อก็ปฏิบัติกับเธอให้ดีล่ะ…”

“ผมรู้ครับ…”

ฉางชิงซงพยักหน้ารับ ไม่ต้องให้พ่อของเขากำชับเขาก็จะดูแลฉีฉีเก๋อดี ๆอยู่แล้ว เขาจะใช้ความจริงใจทำให้พ่อแม่ฉีฉีเก๋อยอมใจอ่อนจนพวกเขาอนุญาตให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา!

เหมยเหมยเจอเรื่องน่าตกใจจากโรงพยาบาลมาก็ไม่กล้าไปสนใจเรื่องวุ่นวายนี้อีก เธอย้ำกับป้าฟางว่าอย่าบอกเรื่องที่โรงพยาบาลให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ ไม่อย่างนั้นเหยียนหมิงซุ่นต้องบ่นเธออีกแน่

เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าป้าฟางจะไม่รายงานเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร เพิ่งถึงบ้านก็รายงานไปทุกรายละเอียด แต่เหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเหมยเหมยไม่เป็นไร อีกทั้งภายหลังยังอยู่แต่ในบ้านด้วยท่าทีสำนึกผิด เขาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป

แม้เหมยเหมยไม่ออกไปไหนแต่กลับรู้เรื่องที่โรงพยาบาลทุกอย่างเพราะมีโทรโข่งอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ เธอไปโรงพยาบาลทุกวันจากนั้นก็จะเอามารายงานให้ฟังถึงบ้าน

“ฉางชิงซงโน้มน้าวให้พ่อแม่เขากลับบ้านไปแล้วในวันนั้นนั่นแหละ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานแตงโมไปเอ่ยไป

เหมยเหมยเลิกคิ้วอย่างเหนือคาด “งั้นฉางชิงซงก็ยังใช้ได้อยู่หน่อยละนะ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะทีหนึ่ง คายเม็ดแตงโมออกมาพลางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “นั่นเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว พ่อแม่ไร้คุณธรรมของเขา เขาไม่ตามล้างตามเช็ดแล้วใครจะทำแทน? พูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็โมโห ฉีฉีเก๋อน้ำเข้าสมองชัด ๆ เมื่อก่อนยังเคยอวดต่อหน้าฉันว่าพ่อแม่ฉางชิงซงดีกับเธอมากแค่ไหน ให้ตายสิ…

ยัยปีศาจแก่นั่นฉันแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ตาเรียวคิ้วโก่งปากบางโหนกแก้มสูง หน้าไม่มีเนื้อหนังอะไรด้วยซ้ำ ลักษณะใบหน้าแบบนั่นแค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนใจแคบ ความคิดชั่วร้าย ต่อให้ลูกชายของเธอเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกฉันก็ไม่คิดจะแต่งด้วยหรอกนะ!”

ป้าฟางยกผลไม้น้ำแข็งไสที่ทำเองมาให้เหมยเหมยจานเล็ก แต่ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับเป็นจานยักษ์ แตงโมสีแดง มะม่วงสัปปะรดสีเหลืองแล้วก็แอปเปิ้ลองุ่น…เทน้ำแข็งละเอียดลงไป สีสันสดใสที่มองก็รู้สึกเจริญอาหารแล้ว

“เชี่ยนเชี่ยนพูดไม่ผิด มีแม่สามีแบบนี้จะแต่งด้วยไม่ได้เด็ดขาด ยอมโสดตลอดชีวิตยังดีกว่า” ป้าฟางเห็นด้วยกับความคิดของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เหมยเหมยทานน้ำแข็งไสคำเล็กคำน้อย ส่ายศีรษะกล่าว “แต่งไม่แต่งใช่ว่าเราจะตัดสินใจได้ ต้องขึ้นอยู่กับฉีฉีเก๋อ”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ก็นั่นน่ะสิ!

“ฉีฉีเก๋อเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” เหมยเหมยถามด้วยความห่วงใย

“น่าจะใกล้หายดีแล้ว คุณหมอบอกว่าถ้าวันนี้ตรวจร่างกายเสร็จแล้วไม่มีปัญหาอะไรก็ออกจากโรงพยาบาลได้”

“แล้วฉีฉีเก๋อคิดอย่างไรต่อ?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยักไหล่ “ใครจะรู้ล่ะ? แม่นี่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำตั้งแต่เช้า ทำเอาฉันร้อนใจแทบแย่”

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หน้าตาและความสามารถของฉางชิงซงเป็นที่โดดเด่นก็จริง ฉีฉีเก๋อรักเขาจนยากจะถอนตัวนั่นก็พอเข้าใจได้ อีกอย่างเป็นรักแรกของเธออีกต่างหาก ใช่ว่าจะตัดใจง่าย ๆอย่างที่พูดได้เสียที่ไหนล่ะ?

วันเวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งวันพรุ่งนี้ก็เป็นวันจบการศึกษาแล้ว สุขภาพของฉีฉีเก๋อหายดีเป็นปกติ เพียงแต่พูดน้อยลงไปมาก ลุงปาเกินหาเวลาว่างกลับไปที่ฟาร์มม้าหลายครั้ง โดยให้คุณแม่พี่รองและพี่สะใภ้รองอยู่ดูแลเธอที่เมืองหลวงตั้งแต่นั้นมา

“แม่ พี่รอง พี่สะใภ้รอง ให้หนูคลอดเด็กคนนี้เถอะ หนูทำใจไม่ได้…”

ยามเช้าตรู่แสงอาทิตย์สีทองอร่ามสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระทบลงบนใบหน้าซีดเซียวของฉีฉีเก๋อ ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอเบ้าแต่สีหน้ากลับหนักแน่นผิดปกติ

…………………….