การเผชิญหน้าคำถามของเย่เฉิน ทำให้อิโตะ นานาโกะไร้ซึ่งคำพูดไปชั่วครู่

เริ่มจากเหลือบตามองเย่เฉินและพูดอะไรไม่ออก จากนั้นสีหน้าแดงก่ำไปด้วยความอับอาย

ตามหลักแล้ว เย่เฉินพูดถูก เรื่องทั้งหมดนี้จะว่าไปก็เป็นเพราะอาจารย์เธอหาเรื่องเอง เย่เฉินไม่ผิดอะไรเลย

อิโตะ นานาโกะที่อับอายเป็นที่สุด ได้แต่โค้งคำนับให้กับเย่เฉินอย่างเคารพว่า “คุณเย่ ฉันวู่วามไปชั่วขณะ ขอได้โปรดอภัยด้วยค่ะ ในขณะเดียวกันขอคุณอย่าได้ถือสาฉันเลย”

คราวนี้เย่เฉินถึงได้พยักหน้าเบาๆ

ในบางจุด เขาค่อนข้างเข้าใจอิโตะ นานาโกะเหมือนกัน

เพราะถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเอง ทุกคนมักจะสามารถมองดูเรื่องราวอย่างเป็นธรรมได้ แต่พอเรื่องนั้นมาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตนเข้า ก็มักจะตัดสินอย่างเป็นธรรมได้ยาก

ก็เหมือนตอนลูกคนอื่นทำผิด ตนมักจะหวังให้เขาได้รับการลงโทษ แต่พอลูกตัวเองทำผิด กลับอยากให้ทุกคนยกโทษให้และให้โอกาสเขาอีกครั้งหนึ่ง

ยามาโมโตะ คาซึกิเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณของอิโตะ นานาโกะ วัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีนต่างมีความสัมพันธ์กันมายาวนานอีก ผู้คนของทั้งสองประเทศต่างถือหลักเคารพครูบาอาจารย์ ดังนั้นความเคารพและการปกป้องของอิโตะ นานาโกะที่มีต่อยามาโมโตะ คาซึกิก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้

แต่มันเป็นแค่การเข้าใจได้เท่านั้นเอง

เย่เฉินเข้าใจความรู้สึกเธอ แต่ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดและการตัดสินใจใดๆเพื่อเธอแน่

ดังนั้นเขาเลยพูดเสียงเรียบว่า “คุณอิโตะ ในเมื่อคุณเองก็เป็นผู้เข้าแข่งขันเหมือนกัน ดังนั้นก็ควรเคารพการแข่งด้วย อย่ายกเลิกหรือหนีการแข่งกลางคัน ไม่งั้นจะถือว่าไม่เคารพเต๋าบู๊”

อิโตะ นานาโกะพูดอย่างหมดหวังว่า “คุณเย่ ฝีมือของคุณทำให้ฉันสัมผัสได้ว่าอะไรคือเต๋าบู๊ที่แท้จริง เทียบกับคุณแล้ว เต๋าบู๊ของฉันก็แต่ระดับประถม เผลอๆอาจจะไม่ถึงระดับประถมด้วยซ้ำ ไม่มีหน้าจะเข้าร่วมการแข่งต่อหน้าคุณอีก…”

เย่เฉินส่ายหัวว่า “เต๋าบู๊ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องมาเปรียบเทียบใครสูงใครต่ำ มันไม่เพียงเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ยังเป็นวัฒนธรรมและจิตวิญญาณชนิดหนึ่ง หรือคนฝีมือแย่ก็ไม่มีสิทธิ์เรียนเต๋าบู๊แล้วหรือไง? หรือเป็นเพราะระดับเริ่มเรียนของคุณอยู่ต่ำกว่าผม คุณเลยสามารถยกเลิกการแข่งได้อย่างสบายใจงั้นสิ?”

เย่เฉินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมหนักกว่าเดิม เน้นย้ำทีละคำว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งั้นผมคงบอกได้แค่ว่า คุณไม่ได้รักเต๋าบู๊อยู่แล้ว ที่คุณรักก็แค่อันดับขั้นเท่านั้นเอง ตอนคุณรู้สึกว่าอันดับตนอยู่สูงมาก ก็จะรักเต๋าบู๊ แต่พอคุณรู้สึกว่าอันดับตกต่ำมาก ก็จะทรยศเต๋าบู๊! สรุปแล้ว ที่จริงคุณไม่ได้เป็นนักบู๊ที่แท้จริงเลยสักนิด!”

อิโตะ นานาโกะพลั้งปากอย่างร้อนใจว่า “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แบบนี้นะ! ฉันรักเต๋าบู๊! และเป็นนักบู๊ที่แท้จริง! ฉันแค่…ฉันแค่…”

เย่เฉินถามอย่างจริงจังว่า “คุณแค่อะไร?!”

อิโตะ นานาโกะยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเพราะน้ำเสียงถามนี้ เธอก้มหน้าลงต่ำอย่างละอายใจ และเลิกล้มการแก้ตัวให้กับตัวเอง เธอพูดเสียงต่ำว่า “คุณเย่ คุณพูดถูก…ฉันผิดเอง…ฉันไม่ควรจะละทิ้งการแข่งในตอนนี้! ฉันไม่ควรทรยศเต๋าบู๊ในตอนนี้!”

เย่เฉินรับคำเสียงต่ำพลางว่า “ไปแข่งเถอะ ผมยังหวังให้เอ้าเสวี่ยนได้แข่งกับคุณอยู่นะ”

สายตาอิโตะ นานาโกะเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นแน่วแน่เฉียบพลัน เธอพยักหน้าพลางพูดอย่างมั่นใจว่า “ฉันรู้แล้วค่ะคุณเย่! คุณวางใจได้ ฉันจะต้องแข่งจนถึงรอบชิงชนะเลิศแน่! ไปแข่งขันกับลูกศิษย์ของคุณให้ได้!”

เย่เฉินโบกมือปฏิเสธว่า “เอ้าเสวี่ยนไม่ใช่ลูกศิษย์ผม เธอเป็นเพื่อนของผม หรือพูดตามจริง เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนผม ผมแค่มาเป็นโค้ชชั่วคราวทำการชี้แนะให้เธอในหลายวันนี้เท่านั้นเอง”

อิโตะ นานาโกะถามอย่างตกใจว่า “คุณเย่ คุณไม่ใช่โค้ชมืออาชีพหรือคะ?”

เย่เฉินหัวเราะบอก “ไม่ใช่อยู่แล้วครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีงานอะไรเลยด้วยซ้ำ”

“คนธรรมดาไม่มีงานทำ?”

สีหน้าอิโตะ นานาโกะเต็มไปด้วยความตกใจและเหลือเชื่อ