ตอนที่ 1716 : การตายของลู่เทียน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1716 : การตายของลู่เทียน

ในอีกด้าน อันโดฟูนั้นสบถกับตัวเอง “ไม่ใช่ว่าลู่เทียนบอกว่าคนผู้นี้แค่พอสู้กับขั้นเทพได้ไม่ใช่รึไง ? ขะ ขะ เขาแข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไง นี่ไม่ใช่แค่พอสู้ได้แล้ว นี่มันเหนือกว่าชัด ๆ ”

“ชายผู้นี้แข็งแกร่งจนสามารถทำลายทักษะระดับสัจจะของลู่เทียนได้อย่างง่ายดาย เห็นกับที่เขาทำได้อย่างง่ายดายนี้ แม้ว่าเราสามคนจะร่วมมือกัน นี่ยังไม่ต้องนับเรื่องการที่ยังมีโม่หลิงอยู่ด้วย ลู่เทียน เจ้าหลอกข้า” ดาทูร่าคิด ตอนนั้นความเกลียดที่นางมีต่อลู่เทียนนั้นเพิ่มถึงจุดที่ไม่อาจจะยกโทษให้ได้อีกต่อไป

ตรงกันข้ามกับทั้งสองคน โม่หลิงนั้นหัวเราะออกมาอย่างพอใจ เขาตื่นเต้นอย่างมาก

มีธงประมาณ 10 อันปรากฏขึ้นมาในมือของลู่เทียน เขากัดฟันแน่นและโยนมันเข้าใส่เจี้ยนเฉิน ธงค่ายกลแต่ละอันนั้นแผ่พลังที่แข็งแกร่งออกมาก่อนจะกลายเป็นค่ายกลรอบตัวเจี้ยนเฉิน

ลู่เทียนปวดใจเมื่อต้องโยนธงเหล่านั้นออกไป เขาได้ซื้อมันมาจากเมืองหลวง มันเพียงพอที่จะขังและฆ่าขั้นเทพช่วงต้นได้อย่างง่ายดาย พวกมันถึงกับมีภัยต่อขั้นเทพช่วงกลางในระดับหนึ่ง เขาซื้อมันมาเพื่อจัดการกับโม่หลิง แต่เขาไม่คิดว่าต้องใช้มันกับเจี้ยนเฉิน

มิติตรงหน้าเจี้ยนเฉินเปลี่ยนแปลงไป สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ เองก็หายไปเช่นเดียวกัน ค่ายกลมิติได้เข้ามาแทนที่พร้อมกับรังสีอาฆาตที่น่ากลัว

“เส้นทางแห่งการสังหาร ? ” ความคิดหนึ่งโผล่มาในหัวของเจี้ยนเฉิน เขาไม่คุ้นกับพลังนี้ เขาเคยรู้สึกถึงมันจากพยัคฆ์ปีกเทวะ มันคือเส้นทางแห่งการสังหารที่เสือขาวเข้าใจในขอบเขตดั้งเดิม

จู่ ๆ ปราณเส้นหนึ่งก็ได้อัดแน่นเป็นพลังแห่งการสังหาร พวกมันพุ่งเข้าฟันเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว ค่ายกลมิตินั้นจะสั่นไหวไม่ว่าปราณนั้นจะผ่านไปที่ใดก็ตาม

“คนที่สร้างค่ายกลนี้น่าจะเข้าใจเส้นทางแห่งการสังหาร ยกเว้นแค่ค่ายกลนี้อ่อนแอเล็กน้อย มันพียงพอที่จะจัดการกับขั้นเทพช่วงต้นได้ แต่มันไม่ได้เป็นภัยต่อข้ามากนัก” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขาเดินอยู่ในค่ายกลอย่างสบายใจพร้อมกับยกกระบี่หิมะบินขึ้นสร้างลำแสงยาวกว่า 300 เมตรขึ้นมา ก่อนจะฟันมันออกไป

การโจมตีนี้ทรงพลังอย่างมากและมันก็เพียงพอจะผ่าท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน ตอนที่เขาฟันออกไป ค่ายกลทั้งหมดก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พลังแห่งการสังหารที่พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินได้สลายไปเมื่อปราณกระบี่นั้นพุ่งผ่าน

แกร๊ก ! แกร๊ก ! แกร๊ก ! ในเวลาเดียวกันค่ายกลมิติก็เริ่มส่งเสียงแตกขึ้นมา ธงค่ายกลกว่าสิบอันเองก็เต็มไปด้วยรอยแตก ไม่นานพวกมันก็สลายกลายเป็นฝุ่น

การโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ได้ทำลายค่ายกลที่สามารถฆ่าเทพขั้นต้นได้

“ หลังจากที่ขึ้นถึงขั้นสมบูรณ์แบบของเส้นทางแห่งกระบี่ ตัดนภาของข้าก็ทรงพลังขึ้นมาอย่างมาก แม้ว่าทักษะกระบี่นี้จะไม่ใช่ของระดับสูง ข้าถึงกับสามารถใช้พลังเต็มที่ของทักษะกระบี่นี้ด้วยความเข้าใจต่อเส้นทางกระบี่ แต่เมื่อเข้าเข้าถึงจิตวิญญาณกระบี่แล้ว ทักษะกระบี่นี้แน่นอนว่าจะไม่มีประโยชน์ต่อข้าอีกต่อไป” เจี้ยนเฉินคิด เขาเหวี่ยงกระบี่ขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับชุดที่กระพือตามสายลม ตอนนั้นเขาดูเฉียบคมราวกับกระบี่

ตอนนี้เขาไม่เหมือนคนแต่กลับเหมือนกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกถึงออกจากฝัก โดยเฉพาะตอนที่ทุกคนเห็นว่าเขาน่าเกรงขามเพียงใด มันทำให้ทุกคนมองเขามาด้วยความกลัว, ชื่นชมและความรู้สึกอื่น ๆ

สีหน้าของลู่เทียนบิดเบี้ยวไป ด้วยการโบกมือเขาก็ได้โยนธงค่ายกลอีกชุดออกไปสร้างค่ายกลเพื่อฆ่าเจี้ยนเฉิน เขาได้ซื้อค่ายกลนี้มาจากเมืองหลวงด้วยเงินก้อนใหญ่ แต่เดิมแล้วเขาคิดจะใช้มันจัดการกับอันโดฟูหลังจากที่ได้ทำลายตระกูลโม่ไปแล้ว

ไม่นานหลังจากนั้นมีดสีเทาขนาดเท่ากับฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นมาในมือของลู่เทียน แค่เพียงคิด มีดนั้นก็ได้แผ่พลังอันรุนแรงออกมาก่อนจะพุ่งเข้าไปในค่ายกลในรูปแบบเส้นแสงสีดำ มันคือสมบัติที่สามารถปลดปล่อยพลังขั้นเทพช่วงกลางออกมาได้ มันมีหนึ่งในกฎโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สามพันกฎ กฎแห่งการทำลายล้าง หากมีดนี้ถูกใช้อย่างถูกวิธี มันก็สามารถฆ่าขั้นเทพช่วงต้นในครั้งเดียวได้ เขาได้เตรียมมันมาเพื่อใช้กับอันโดฟู แต่สุดท้ายก็ต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจัดการกับเจี้ยนเฉินก่อนที่จะได้ทำลายตระกูลโม่ด้วยซ้ำ

หลังจากที่ใช้ไพ่ลับนี้ไป ลู่เทียน ก็มองไปที่ เจี้ยนเฉิน ที่โดนขังอยู่ในค่ายกลอย่างกังวล เขาเตรียมแผนนี้มาเพื่อจัดการกับตระกูลโม่ เขาได้ซื้อค่ายกลสองอันจากเมืองหลวงมาซึ่งไม่ว่าจะเป็นอันไหนก็สามารถจบชีวิตขั้นเทพช่วงต้นได้ เขาถึงกับซื้อมีดที่มีกฎแห่งการทำลายล้างที่รุนแรงพอ ๆ กันมา แม้แต่ตัวลู่เทียนเองก็ไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับมีดนี้ได้หากมันถูกใช้กับเขา เขาไม่ได้คิดจะใช้มันกับตระกูลโม่แต่เพื่อฆ่าอันโดฟู แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจี้ยนเฉินนั้นจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้จนทำลายแผนเขาพังไปหมด

อันโดฟูพยักหน้ากับตัวเองเมื่อเห็นว่าลู่เทียนเตรียมไพ่ลับมากมายเพื่อมาทำลายตระกูลโม่ เขาคิดกับตัวเอง “ลู่เทียนคิดมาอย่างรอบคอบ ข้าคิดว่าเขาคงเตรียมไพ่ลับมาแค่อย่างเดียวแต่เรากลับเตรียมมาถึง 3 อัน หากไม่ได้เจอคนแบบเจี้ยนเฉิน ตระกูลโม่คงโดนทำลายไปแล้ว”

ตูม !

จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น ค่ายกลที่สองที่ใช้กับเจี้ยนเฉินได้แตกสลายออกไป เจี้ยนเฉินโผล่มาโดยตัวที่อาบไปด้วยแสงไร้บาดแผลต่อหน้าทุกคน พลังจากกฎแห่งการทำลายเองก็ได้สลายไปรอบตัวเขา

ใจของลู่เทียนหล่นวูบ เจี้ยนเฉินแข็งแกร่งเกินไป ลู่เทียนได้ใช้ไพ่ลับทั้งหมดที่มีไปแล้ว แต่เขากลับทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บไม่ได้ ลู่เทียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย

ฉัวะ ! กระบี่หิมะบินของเจี้ยนเฉินถูกกวัดแกว่างออกมา มันได้ฟันเข้าใส่ข้อมือของลู่เทียนในพริบตา

ลู่เทียนร้องออกมาและรีบหันกลับ เขาจับส่วนล่างของร่างกายและรีบหนี ในเวลาเดียวกันเขาก็รีบโยนยาเข้าไปในปากของตัวเอง

แต่ดาทูร่ากลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าลู่เทียน นางได้ตะโกนออกมาด้วยความเย็นชา “ลู่เทียน เจ้ากล้าดียังไงถึงได้คิดจะฆ่าข้า ! แม้ว่าข้าจะต้องตายที่นี่แต่ข้าจะเอาเจ้าไปด้วย ! ” เมื่อพูดจบคทาไม้ในมือนางก็ได้ฟาดเข้าใส่ที่หัวของลู่เทียน

แผละ ! หัวของลู่เทียนถูกฟาด พิษเริ่มกระจายไปทั่ว ละลายหัวกลายเป็นหมอกเลือดในพริบตา แต่ลู่เทียนไม่ได้ตายเพราะเรื่องนั้น วิญญาณของเขาหนีไปได้แต่มันก็ยังปนเปื้อนพิษสีเขียวไปเล็กน้อย

“ดาทูร่า นังสารเลว..” วิญญาณของลู่เทียนตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับความเกลียดชังที่แสดงออกมาผ่านสายตา ด้วยพิษกัดกร่อนนี้ วิญญาณเขาได้สลายไปอย่างรวดเร็ว

“ฮึ่ม เจ้าโทษข้าไม่ได้ เจ้าคงได้แต่โทษตัวเองที่คิดร้าย เจ้าอยากจะกำจัดข้า ทำไมข้าต้องปล่อยเจ้าไปด้วย ? เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึไง ? ” ดาทูร่าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

“บัดซบ ข้าขอสาปแช่งเจ้าให้ตายอย่างน่าอนาถ ! “ – วิญญาณของ ลู่เทียน ตะโกนออกมาด้วยความแค้นก่อนที่จะสลายไป

เจี้ยนเฉินมองดูอย่างเย็นชา เขาไม่ได้หยุดดาทูร่าไม่ให้ฆ่าลู่เทียน เขาไม่ได้แค้นเคืองลู่เทียนมากนัก ลู่เทียนต้องตายเพื่อปกปิดความลับในเรื่องกระบี่คู่ของเขา มันไม่ได้สำคัญว่าใครจะฆ่าลู่เทียน

“น้องชาย ข้ามาที่นี่เพราะลู่เทียนหลอกข้า ข้าไม่ได้คิดร้ายรึดูหมิ่นเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไว้ชีวิตข้า” ดาทูร่าป้องมือให้กับเจี้ยนเฉินหลังจากที่ฆ่าลู่เทียนไป แต่ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะได้ตอบกลับ นางก็หันกลับและหนีไปเร็วที่สุดเท่าที่นางทำได้ นางไม่กล้าจะเอาแหวนมิติของลู่เทียนไปด้วยซ้ำ

ในมุมมองของนางแล้ว หากเจี้ยนเฉินไม่ต้องการจะฆ่านาง เขาจะไม่ไล่ตามนาง หากเขาต้องการฆ่านาง นางก็จะหนีไปได้ก่อน เมื่อเจี้ยนเฉินเริ่มไล่ตามนาง นางก็จะมีเวลาในการใช้ทักษะปกป้องตัวเองและอาจจะต้องสูญเสียบางอย่างเพื่อหนีไปได้

ยังไงซะนางก็ไม่ใช่ลู่เทียน ลู่เทียนบาดเจ็บจนไม่อาจจะหนีไปได้ต่อหน้าเจี้ยนเฉิน แม้ว่าจะต้องการก็ตาม ในอีกด้านแล้วนางยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่

อันโดฟูไม่กล้าจะอยู่ต่อเช่นกันเมื่อเห็นดาทูร่าหนีไป เขาเปลี่ยนเป็นสายลมและรีบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เขาเร็วกว่าดาทูร่าอย่างมาก

“น้องเจี้ยนเฉิน เราปล่อยให้อันโดฟูหนีไปไม่ได้” โม่หลิงไม่อาจจะตามทัน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ขอให้เจี้ยนเฉินช่วย อันโดฟูเข้าใจกฎแห่งลม ดังนั้นจึงยากที่คนระดับการบ่มเพาะเท่ากันนั้นจะตามเขาทันได้หากอีกฝ่ายหนีไป

“ฮ่าฮ่า โม่หลิง ข้ายอมรับว่าแพ้ในการต่อสู้นี้ แต่ตระกูลโม่ของเจ้าไม่อาจจะกักตัวข้าได้ แม้ว่าข้าจะเป็นแค่ขั้นเทพช่วงต้น แต่ว่าแม้แต่ขั้นเทพช่วงปลายก็ไม่อาจจะตามข้าทัน” อันโดฟูพุ่งออกไปทันที ตอนที่เขากำลังจะหายไปที่เส้นขอบฟ้านั้น เสียงของเขาก็ดังก้องขึ้นมาในตระกูลโม่

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินดูประหลาดใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาฮึดฮัดออกมาและตะโกนขึ้นมาว่า “อสนีบาต ! “