พูดถึงตรงนี้ กู้ชิวอี๋ร้องไห้อีกครั้ง

เย่เฉินรีบยื่นทิชชู่ให้เธอ และพูดเบาๆว่า:”หนานหนาน อย่าร้องไห้เลย มีหลายๆอย่าง มันไม่ได้ง่ายเหมือนตอนเด็กๆที่เราเล่นเกมครอบครัว และแน่นอนฉันก็ยอมรับว่า ฉันลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ ฉันคิดว่าเธอเป็นเหมือนกับฉัน คิดว่าจะหัวเราะแล้วปล่อยเรื่องสมัยเด็กผ่านไป ฉันไม่นึกเลยว่าเธอกับลุงกู้จะตามหาฉันมาหลายปีขนาดนี้”

กู้ชิวอี๋พูดอย่างโกรธเคือง:”เล่นพ่อแม่ลูก? หัวเราะแล้วปล่อยผ่านไป? ตอนนั้นพ่อของฉันสาบานกับลุงเย่และป้าเย่แล้ว!”

“นอกจากนี้ พี่อาศัยอยู่ในเย่นจิงมาแปดปีแล้ว พี่คงจะรู้ว่า สิ่งที่ตระกูลใหญ่เย่นจิงไม่ชอบมากที่สุดคือการปล่อยให้ลูกๆของพวกเขาเข้าสู่วงการบันเทิง ขนาดลูกชายของตระกูลใหญ่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกับดาราหญิงในวงการบันเทิง เพราะในสายตาของพวกเขา ไม่ว่าดาราดังในวงการบันเทิงจะดังขนาดไหน พวกเขาก็เป็นแค่นักแสดงปาหี่ และเป็นพวกระดับล่าง!”

“แต่พี่รู้รึเปล่า ว่าทำไมฉันถึงอยากเข้าวงการบันเทิง?”

เย่เฉินส่ายหัว และถามโดยไม่รู้ตัวว่า:”เพราะอะไร?”

“ก็เพื่อจะหาพี่ไง!! ฉันอยากให้ตัวเองเป็นดารา แล้วถูกชาวจีนทั้งประเทศติดตาม แบบนี้ พี่ก็อาจจะเจอฉัน แล้วจำฉันได้ แล้วมาหาฉัน…..”

เย่เฉินพูดอย่างอึดอัด:”เธอเปลี่ยนไปจากตอนเด็กๆมากอยู่นะ ถ้าเธอไม่บอกชื่อเล่นของเธอ ฉันอาจจะจำเธอไม่ได้เลย…..”

กู้ชิวอี๋ถามกลับว่า:”พี่ไม่เคยเห็นการสัมภาษณ์ของฉันสักนิดเลยเหรอ? ทุกครั้งที่ฉันได้รับการสัมภาษณ์ ฉันจะบอกนักข่าวว่าชื่อเล่นของฉันคือกู้หนานหนาน แล้วยังจงใจบอกว่า เหตุผลที่ฉันไม่มีแฟน เป็นเพราะฉันกำลังตามหาคนที่ใช่ในวัยเด็ก เรื่องนี้เคยขึ้นในการค้นหายอดฮิตของเวยป๋อหลายครั้งแล้ว พี่ไม่เคยเห็นเลยสักครั้งเหรอ?”

เย่เฉินยิ้มอย่างลำบากใจ:”ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจข่าววงการบันเทิง และไม่ติ่งดารา ดังนั้นเลยไม่เคยติดตาม”

กู้ชิวอี๋มุ่ยปากด้วยความโกรธ แล้วถามว่า:”แล้วทำไมพี่ถึงหาฉันมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ยากระเพาะเก้าเสวียนล่ะ?!”

เย่เฉินยักไหล่:”ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ เว่ยเลี่ยงเป็นคนตัดสินใจ เขาบอกฉันว่าตอนนี้เธอเป็นหนึ่งในคนดังที่มีชื่อเสียงที่สุด ดังนั้นเลยแนะนำให้เธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ยากระเพาะเก่าเสวี่ยน”

ความมีเกียรติในตัวเองของกู้ชิวอี๋ถูกโจมตี โกรธจนน้ำตาไหลลงมารัวๆ:”ถ้าอย่างนั้นความพยายามหลายปีมานี้ของฉันก็ไร้ประโยชน์หมดแล้วสิ? ฉันพูดต่อหน้าผู้คนทั่วประเทศมาหลายครั้งแล้ว สุดท้ายพี่ไม่เห็นเลยสักครั้ง!”

พูดอยู่ เธอก็ปาดน้ำตาไป พูดอย่างสะอื้นไปว่า:”บนเครื่องบินที่ฉันมาในปีนี้ ฉันยังคิดอยู่ว่า ฉันสามารถรอพี่ถึง35ปี หรือรอพี่ถึง40ปีได้ ยังไงซะคนที่เข้าวงการบันเทิงแต่งงานช้ากันมาก ฉันก็ไม่จำเป็นต้องถูกคนที่ไม่รู้เรื่องมาเร่งให้แต่งงาน ไม่นึกเลยว่าไอ้บ้าอย่างพี่จะไร้จิตสำนึกขนาดนี้! ไม่เพียงแต่จำฉันไม่ได้ ยังผิดสัญญาการหมั้น แล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น!”

หลายปีมานี้ ในหัวใจของกู้ชิวอี๋ เธอจำการหมั้นกับเย่เฉินได้เสมอ

ไม่เพียงเพราะว่าตอนเด็กๆ เธอมีความรู้สึกดีต่อเย่เฉิน เลยชอบที่จะติดอยู่ข้างหลังเขาเสมอ

ยิ่งกว่านั้นเพราะว่า หลายปีมานี้ พ่อตามหาเย่เฉินมาตลอด ดังนั้นเธอจึงไม่เคยลืมเย่เฉินเลย

ยิ่งไปกว่านั้น หลายปีมานี้ เธอตั้งตารอที่จะหาเย่เฉินเจอ

นอกจากนี้ พ่อของกู้ชิวอี๋ ก็เตือนข้างๆหูเธอมาหลายปี ให้เธอห้ามลืมว่า เธอมีการหมั้นอยู่แล้ว

แล้วก็ หลังจากที่เธออายุ 20 ปี พ่อของเธอมักจะพูดว่า ขอแค่ที่หาเย่เฉินเจอ เธอจำเป็นต้องแต่งงานกับเย่เฉิน เพราะนี่เป็นคำสัญญาที่พ่อของเธอ ให้กับเพื่อนๆ ผู้มีพระคุณ และเพื่อนเมื่อหลายปีก่อน

กู้ชิวอี๋ก็ยอมรับข้อตกลงนี้โดยไม่ตัว เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่า เธอต้องหาเขาเจอแน่นอน แต่ไม่นึกเลยว่า เขาจะแต่งงานแล้ว!