ตอนที่ 3,263 : ความจริงอันน่าตกใจ
หากบอกว่าตอนแรกต้วนหลิงเทียนคิดเข้าด่านฉือหล่างเพียงเพราะต้องการหาลู่ทางสืบหาเบาะแสบิดามารดาฮ่วนเอ๋อเฉยๆล่ะก็…
มาตอนนี้หลังได้รับทราบแล้วว่าบรรยากาศในประตูของฉือหล่างเป็นเช่นไร เขาก็รู้สึกเสมือนพบเจอสถานที่ๆทำให้เขารู้สึกสบายใจได้
“ศิษย์น้องเล็ก…เจ้ารีบบอกศิษย์พี่หญิง 3 เร็ว ว่าเจ้าไปล่อลวงน้องสาวเทพธิดามาได้อย่างไร?”
ศิษย์พี่หญิง 3 หูเหมย หลังกล่าวกับศิษย์พี่ 6 หงเฟย ชายร่างอ้วนด้วยท่าทีระอาจบ นางก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม กล่าวถามออกมาพลางหันไปมองอ่วนเอ๋อรอบหนึ่ง
“ศิษย์พี่หญิง 3 ปกติท่านเป็นคนตรงๆเช่นนี้หรือ?”
จากแววตาท่าทางของหูเหมย ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเป็นนคนนตรงๆทั้งไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร แต่อย่างไรเสียอยู่ๆมาถามเรื่องฮ่วนเอ๋อแบบนี้เขาก็รู้สึกพูดไม่ถูกอยู่บ้าง
“ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่หญิง 3 ของเจ้าก็เป็นเช่นนี้ล่ะ นางไม่ได้เลวร้ายอันใด สักพักเดี๋ยวเจ้าก็ชินไปเอง…”
ศิษย์พี่ 5 โอวหยางฉีเฟยกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ อย่างไรก็ตามแม้จะหัวเราะแต่กิริยาท่าทีก็แลดูเป็นผู้ดีมีการศึกษา เรียบร้อยสุภาพสมชุดบัณฑิต
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาเองก็พอจะรู้ว่านางไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร
“ศิษย์น้องเล็กข้าจักกลับไปฝึกปรือก่อน…หากเจ้ามีปัญหาอะไร มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
ศิษย์พี่รอง หลู่จี้ เหลือบมองต้วนหลิงเทียนนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆอันหาดูได้ยาก และพอกล่าวสิ้นคำ คนก็คล้ายกลับกลายเป็นเส้นสายอัสนี ลั่นวาบออกไปทันที
ในขณะที่หลู่จี้จากไป ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นสายฟ้าสีม่วงแลบลั่นแปลบปลาบไปทั่วร่างอีกฝ่าย
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเข้าใจกฏสายฟ้า
“ฮ่าๆๆ…ศิษย์น้องเล็ก เมื่อครู่ศิษย์พี่รองตั้งใจบอกเจ้าว่า หากวันหน้าเจ้าถูกผู้ใดรังแกล่ะก็ สามารถมาฟ้องศิษย์พี่รองได้เลย เจ้าคงยังไม่รู้แต่ศิษย์พี่รองคือ 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของวังเทียนฉือ รู้จักกันในนาม เซียนกระบี่อัสนีคำรน”
ศิษย์พี่ 6 ร่างอ้วน ยิ้มจนนตาหยีแทบปิดกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน
หลังจากนั้นฉือหล่างก็กล่าวลาต้วนหลิงเทียน ก่อนจะออกจากโถงรับรองและไปยังด้านหลังเพื่อฝึกปรือเช่นกัน
หลังฉือหล่างจากไป ต้วนหลิงเทียนก็คุยกับศิษย์พี่ที่ยังเหลืออยู่ทั้ง 4 ที่ยังไม่รีบร้อนจากไปไหน จนได้รับทราบเรื่องราวทั่วไปในวังเทียนฉือมากมาย ได้เข้าใจอะไรๆหลายๆอย่าง
ในวังเทียนฉือแห่งนี้ มีแต่ผู้ที่ยังมีอายุไม่ถึงพันปีเท่านั้น ถึงจะสามารถรับสถานะศิษย์อัจฉริยะได้
อายุเกินพันปีเมื่อไหร่ สถานะศิษย์อัจฉริยะก็จะถูกถอดถอนโดยอัตโนมัติ
ด้วยเหตุนี้ศิษย์พี่รอง หลู่จี้ ของเขา ที่เป็นศิษย์อัจฉริยะ 5 อันดับแรกของวังเทียนฉือ จึงยังมีอายุไม่ถึงพันปี…
“ศิษย์น้องเล็ก เห็นว่าเจ้าพึ่งเข้าร่วมวังเทียนฉือวันนี้ เช่นนั้นเจ้าก็คงยังไม่ได้รับสถานะศิษย์อัจฉริยะสิ?”
ศิษย์พี่หญิง 4 เวิ่นหว่านเอ๋อ ถามด้วยรอยยิ้ม
“ยังไม่ได้เลย”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “พรุ่งนี้ข้าว่าจะไปที่ตำหนักลองกระบี่”
“ว่าแต่ ตอนแรกข้าได้ยินอาจารย์แจ้งว่าอยากให้คนรักเจ้าอยู่กับพวกเราที่นี่ด้วย แต่เป็นเจ้าที่บอกให้นางไปอยู่ตำหนักลองกระบี่ด้วยตัวเอง เป็นเช่นนี้จริงหรือ?”
ศิษย์พี่ 5 โอวหยางฉีเฟยถาม
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ศิษยย์น้องเล็ก พวกเราคุยกันมาตั้งนานแล้ว แต่มิทราบว่าน้องสะใภ้คนนี้เรียกว่าอะไรหรือ?”
ศิษย์พี่หญิง 3 หูเหมย กล่าวถามต้วนหลิงเทียนพลางหันไปมองฮ่วนเอ๋อ
“ศิษย์พี่หญิง 3 นางเรียกว่าฮ่วนเอ๋อ”
ต้วนหลิงเทียนตอบ
“ฮวนเอ๋อ?”
หูเหมยหันไปมองพินิจฮ่วนเอ๋อตั้งแต่หัววจรดเท้าอีกครั้ง “ช่างงดงามปานหลุดออกมาจากภาพฝันเสียจริง…หากนางไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าคงคิดว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่เป็นโฉมงามที่เลิศล้ำที่สุดในใต้หล้าต่อไปแน่…”
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม “แล้วศิษย์พี่หญิงใหญ่ไม่ได้อยู่ในวังเทียนฉือหรือ?”
“ใช่”
หูเหมยพยักหน้า “หากศิษย์พี่หญิงใหญ่อยู่ในวังเทียนฉือ และรู้ว่าอาจารย์รับเจ้ามาแบบนี้ นางต้องรีบมาต้อนรับศิษย์น้องเล็กเจ้าแน่…แต่พอดีนางมีธุระต้องไปสะสางด้านนอก”
พอได้ยินหูเหมยเอ่ยถึงศิษย์พี่หญิงใหญ่ หงเฟย ก็กล่าวเสริมขึ้นมาด้วรอยยิ้ม “ศิษย์น้องเล็กแม้ศิษย์พี่หญิงใหญ่ตอนนี้จะไม่ใช่ศิษย์อัจฉริยะแล้วเพราะนางมีอายุมากกว่าพันปี…แต่พลังฝีมือของนางนับว่าสุดยอดมาก! ก่อนที่นางจะมีอายุเกินพันปี นางได้ชื่อว่าเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ของวังเทียนฉือเรา!!”
ศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ของวังเทียนฉือ!?
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของหงเฟย ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจอยู่บ้าง เพราะเขาทราบดีว่าคำพูดประโยคนี้หมายความว่าอะไร นั่นบ่งบอกว่าในบรรดาอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันปีขอวังเทียนฉือ นางแข็งแกร่งที่สุด!
‘ศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่ว่า…ร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?’
ในใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดอาการอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้ ว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่ยังไม่พบหน้า ที่แท้จะร้ายกาจขนาดไหน
“จริงสิศิษย์น้องเล็ก…ตอนศิษย์พี่หญิงใหญ่กลับมา เจ้าอย่ามองนางด้วยสายตาแทะโลมเล่า ไม่งั้นเจ้าโดนศิษย์พี่รองเขม่นแน่!”
หงเฟยผู้มีไขมันส่วนเกินหลายร้อยชั่ง ยิ้มกล่าวออกมาด้วยท่วงท่าราวกับพหูสูตร สองตาหยีแทบปิดแลไม่เห็นลูกตา “ข้ามีความลับจะบอกเจ้า…อันที่จริง ศิษย์พี่รองนั้นแอบชอบศิษย์พี่หญิงใหญ่มานานแล้ว อนิจจาศิษย์พี่หญิงใหญ่กลับไม่ได้มองศิษย์พี่รองเช่นนั้น นับว่าเป็นรักข้างเดียวชวนให้ปวดใจนัก”
“ความลับบ้าบออะไรของเจ้ากันหา…”
ศิษย์พี่หญิง 3 หูเหมยที่ฟังอยู่นาน ก็อดโพล่งออกมาเสียงดุไม่ได้ “เค้ารู้กันทั้งวังเทียนฉือ เจ้าจะทำเป็นพูดให้ดูลึกลับเพื่ออันใด”
“อย่างไรก็ตามศิษย์น้องเล็ก เจ้าต้องจำไว้เรื่องหนึ่ง วันหน้าเมื่อใดที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่กลับมา…เจ้าไม่ฟังคำพูดหรือแม้แต่จะล้อเล่นกับท่านอาจารย์ก็ได้ไม่เป็นไร แต่เจ้าไม่อาจไม่ฟังคำพูดของศิษย์พี่หญิงใหญ่!”
หูเหมยกล่าวถึงจุดนี้ก็คลี่ยิ้มกล่าวอย่างขบขัน “เพราะต่อให้เป็นท่านอาจารย์เอง…ก็ยังต้องเชื่อฟังคำพูดของศิษย์พี่หญิงใหญ่แต่โดยดี”
ได้ยยินวาจาดังกล่าวของหูเหมย ต้วนหลิงเทียนก็กระพริบตาปริบๆ งุนงงไปแล้วจริงๆ
กระทั่งฉือหล่างที่เป็นอาจารย์ ยังต้องฟังคำพูดของศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่เป็นลูกศิษย์งั้นเหรอ?
“ศิษย์น้องเล็ก…เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ศิษย์พี่หญิงใหญ่น่ะ เป็นลูกสาวแท้ๆของท่านอาจารย์”
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของต้วนหลิงเทียน ศิษย์พี่ 5 โอวหยางฉีเฟย พลันกล่าวอธิบายออกมาอย่างประจวบเหมาะ “อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะเคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับศิษย์พี่หญิงใหญ่และท่านอาจารย์ ทำให้ตั้งแต่ตอนนั้นอาจารย์มักจะเชื่อฟังคำพูดศิษย์พี่หญิงใหญ่ ถึงขั้นไม่คิดขัดใจนาง”
“สำหรับต้นสายปลายเหตุนั้น พวกเราเองก็ไม่ทราบแน่ชัด…สิ่งเดียวที่พวกเรารู้ก็คือไฉนความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงกลายเป็นตึงเครียดแบบนั้น ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับอาจารย์แม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว”
(อาจารย์แม่หรืออาจารย์หญิง = ภรรยาของอาจารย์)
โอวหยางฉีเฟยกล่าว
หลังได้รับทราบเรื่องราวต่างๆในด่านพอสมควรแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดถามออกมาไม่ได้ “ศิษย์พี่กับศิษย์พี่หญิง…ศิษย์พี่รองในฐานะที่เป็น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของวังเทียนฉือ ไม่ทราบเข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ไปแล้วกี่ประการหรือ?”
เขาอยากรู้เรื่องนี้มาก
เพราะในวังเทียนฉือแห่งนี้ ผู้ที่มีฐานะเป็นศิษย์อัจฉริยะ ย่อมบ่งบอกว่ายังมีอายุไม่ถึง 1,000 ปี
เขาจึงอยากรู้ว่า 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในวังเทียนฉืออย่างศิษย์พี่รอง หลู่จี้ ฉายาเซียนกระบี่อัสนีคำรน จะมีความตระหนักรู้ในกฏถึงระดับไหน ใช่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ครบทั้งหมดแล้วหรือไม่?
“ศิษย์น้องเล็ก นอกจากความลึกซึ้งความหมายแห่งสายฟ้า ซึ่งไม่อาจตระหนักรู้ได้มากกว่านั้น ความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าที่เหลืออีก 8 ประการ ศิษย์พี่รองล้วนเข้าใจพวกมันถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่หมดสิ้นแล้ว…เจ้าว่าศิษย์พี่รองจะร้ายกาจขนาดไหนเล่า?”
หงเฟยร่างอ้วนกล่าวตอบด้วรอยยิ้ม คิ้วยักขึ้นงึกๆ
ได้ยินคำตอบของหงเฟย ต้วนหลิงเทียนก็ชะงักไปเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักถึงความร้ายกาจของเหล่าศิษย์อัจฉริยะระดับแนวหน้าของวังเทียนฉือ
อายุไม่ถึงพันปี แต่ไม่เพียงทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะแล้ว ยังสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าทั้งหมดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่อีก…
“ศิษย์พี่ 6…ท่านบอกกว่าศิษย์พี่รองเป็น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในวังเทียนฉือ หรือว่าอีก 4 คนที่เหลือเองก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏใดกฏหนึ่งบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการแล้วเหมือนกัน?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกมาอีกรอบ
“ใช่”
หงเฟยพยักหน้า “อันที่จริงศิษย์อัจฉริยะที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ไม่ใช่มีแค่ 5 คน แต่มีเกือบสิบคนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏใดกฏหนึ่งถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด”
“ว่าแต่ศิษย์น้องเล็ก…ไฉนเจ้าถามเรื่องนี้เล่า? เจ้า…เจ้าคงไม่ใช่ว่าสามารถเข้าใจความลึกซึ้งประการใดประการหนึ่งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้วหรอกนะ?”
หงเฟยอดไม่ได้ที่จะหยีตามองถามต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ใครมาดูก็บอกไม่ได้เลยว่ามันลืมตาอยู่หรือหลับตากันแน่
“ก่อนหน้าข้าคุยกับอาจารย์ผ่านพลัง อาจารย์ได้บอกข้าว่าการทดสอบรอบแรกนั้น ศิษย์น้องเล็กถึงกับทำลายแรงกดดันพลังของผู้ทดสอบด้วยแรงกดดันพลังอันเหนือชั้นกว่ามาก จนทำให้ผู้อื่นถึงกับเปลี้ยทำหน้าที่ต่อไม่ไหว…”
โอวหยางฉีเฟยมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกล้ำ เอ่ยสืบต่อว่า “พวกเจ้าอาจยังไม่รู้ว่าด่านพลังฝึกปรือของศิษย์น้องเล็กคือจอมราชันอมตะ 4 รูป…”
“แต่ทว่าผู้ทดสอบดังกล่าว มีด่านพลังจอมราชันอมตะ 6 ผสาน ที่สำคัญผู้ทดสอบคนนั้น ยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้ 4 ประการแล้วด้วย!”
“กล่าวได้ว่าพลังฝีมือของมันนั้นมิใช่ต่ำทรามเลย…”
โอวหยางฉีเฟยกล่าว
“ศิษย์พี่ 5 นี่ท่านไปแอบถามอาจารย์ตอนไหนเนี่ย?!”
ชายอ้วนหงเฟย มองโอวหยางฉีเฟยด้วยความประหลาดใจ ด้านโอวหยางฉีเฟยก็ยิ้มเขินอายกล่าวตอบ “ข้าก็แค่อยากรู้เรื่องศิษย์น้องเล็กไปตามประสาเท่านั้นเอง…”
“ข้าว่าไม่ใช่แค่อยากรู้ไปตามประสา แต่เป็นเพราะเจ้าสงสัยว่าศิษย์น้องเล็กเป็นผู้ใดและมีความร้ายกาจขนาดไหนกันแน่ อาจารย์ถึงได้รีบวิ่งโร่ไปรับศิษย์น้องเล็กเป็นศิษย์มากกว่ากระมัง?”
หูเหมยมองจี้ไปยังโอวหยางฉีเฟยอย่างรู้เท่าทัน ทำให้คนหลังอดไม่ได้ที่จะเขินอายหนักกว่าเดิม
“ไม่ใช่แค่ศิษย์น้องเล็กเท่านั้นน่ะ…แม่นางฮ่วนเอ๋อเองก็แข็งแกร่งมากพอจะเอาชนะผู้ทดสอบที่ว่าเหมือนกัน”
โอวหยางฉีเฟยยเร่งกล่าวเรื่องฮ่วนเอ๋อออกมา เพื่อเบี่ยงประเด็น
“ฮวนเอ๋อ?”
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของโอวหยางฉีเฟย ไม่เพียงแต่หูเหมยและหงเฟย กระทั่งเวิ่นหว่านเอ๋อ ยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองฮ่วนเอ๋อด้วยความประหลาดใจ ด้ววยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าฮ่วนเอ๋อจะมีพลังสามารถถึงขั้นนั้น
“อย่าได้ดูเบาแม่นางฮ่วนเอ๋อเชียว…แม้นางจะยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีเหมือนศิษย์น้องเล็ก แต่ด่านพลังฝึกปรือของนางสูงกว่าศิษย์น้องเล็กเสียอีก และนางเป็นจอมราชันอมตะ 6 ผสานแล้ว”
โอวหยางฉีเฟยกล่าวสืบต่อ
“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ไฉนอาจารย์ถึงอยากรับตัวน้องสะใภ้มาอยู่ด้วย…ที่แท้ความสามารถของน้องสะใภ้ผู้นี้ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าศิษย์น้องเล็กเลย!”
หูเหมยอุทาน
“เดี๋ยวๆๆ ช้าก่อนๆ! เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะศิษย์พี่รอง?!”
ตอนนี้เอง หงเฟยอยู่ๆก็คล้ายจะตระหนักอะไรได้ มันรีบยกมือหยุดทุกคน หันไปมองกล่าวถามต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงตกใจ “ศิษย์น้องเล็ก…นี่เจ้ากับแม่นางฮ่วนเอ๋อ ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีหรือ?!”
“อายุไม่ถึง 300 ปี?”
ด้วยมีหงเฟยกล่าวถามกระตุ้นเตือนออกมา หูเหมยกับเวิ่นหว่านเอ๋อพลันตระหนักได้ว่าพวกนางละเลยใจความสำคัญข้อนี้ที่โอวหยางฉีเฟยพึ่งพูดออกมาสนิท
ศิษย์น้องเล็กของพวกมันกับแม่นางฮ่วนเอ๋อคนนี้ ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปี?
อายุไม่ถึง 300 ปีแต่บรรลุถึงจอมราชันอมตะ 4 ยศกับ จอมราชันอมตะ 6 ผสานแล้ว? ยิ่งไปกว่านั้นพลังความแข็งแกร่งยังสูงถึงขั้น สยบจอมราชันอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ 4 ประการลงได้?
“ดูเหมือนท่านอาจารย์จะได้คว้าโดนสมบัติเข้าให้แล้ว…”
หูเหมยมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสดใส จากนั้นก็หันไปกล่าวถามฮ่วนเอ๋อ “น้องสาวฮ่วนเอ๋อ เจ้ารังเกียจไหมหากพี่หลิงเทียนของเจ้า จักมีสตรีมากกว่าหนึ่งคน?”
ฮ่วนเอ๋อที่โดนถามดังกล่าว ก็หันไปมองหูเหมยตาขวาง ฉายชัดถึงความระแวงและเป็นปฏิปักษ์ทันที และท่าทางระแวงทั้งทำราวกับพบเจอศัตรูดังกล่าวของฮ่วนเอ๋อ ก็อดทำให้หูเหมยหัวเราะออกมาไม่ได้ ร่างบางยังสั่นไหวไปราวกิ่งสนต้องลม
“น้องสาวฮ่วนเอ๋อข้าล้อเจ้าเล่น…หยอกๆ”
หูเหมยส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม เพราะนางรู้สึกว่าหากล้อเล่นต่อไปอาจทำให้ฮ่วนเอ๋อพุ่งมาสู้กับนางแล้วจริงๆ
“ศิษย์พี่กับศิษย์พี่หญิงทั้ง 4…ข้าขอตัวไปฝึกปรือก่อน”
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกหวาดเสียวแทนหูเหมยจริงๆ ด้วยกลัวว่านางจะล้อเล่นฮ่วนเอ๋อจนได้เรื่องขึ้นมา เช่นนั้นจึงรีบกล่าวคำขอตัวลา และพาฮ่วนเอ๋อจากไปทันที
แน่นอนว่าในขณะจากไป ในอกยังตกใจไม่หาย…
‘หลงนึกว่าการที่ข้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทั้งหมดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว จะหาได้ยากเสียอีก…ไม่คิดเลยว่าในวังเทียนฉือกลับมีอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันปี ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการแล้วเหมือนกันเกือบสิบคน…’