ตอนที่ 3264

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3,264 : เหล่าศิษย์ของเหลยอิง

 

หลังออกจากสถานที่พักอาศัยและบ่มเพาะของฉือหล่าง ต้วนหลิงเทียนก็พาฮ่วนเอ๋อเหินร่างมายัง 1 ใน 3 ยอดเขาที่ยังว่างอยู่

 

ทุกสิ่งที่นี่ไม่ว่าจะอาคารปลูกสร้างหรือการตกแต่งนั้น มันเหมือนกับที่ยอดเขาของฉือหล่างแทบทุกประการ เพียงแค่ที่นี่เต็มไปด้วยฝุ่นจับหนาเตอะเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม กับอีแค่ฝุ่นย่อมไม่นับเป็นอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียน

 

เพียงสะบัดมือเบาๆคราหนึ่ง ทั่วทั้งยอดเขาก็คล้ายจะถูกพายุใต้ฝุ่นพัดผ่าน ฝุ่นละอองใดๆที่เกาะตัวหนาล้วนถูกจัดการเรียบร้อย พริบตาที่ทางก็กลับมาแลดูสะอาดสะอ้าน ใหม่เหมือนพึ่งสร้างก็ว่า

 

“พี่หลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อไม่คิดเลยว่าศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือจะมีความสามารถและความเข้าใจร้ายกาจมาก…ไม่เพียงจะมีแม้แต่จักรพรรดิอมตะอายุไม่ถึงพันปี แต่ยังมีเกือบสิบคนที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ครบทุกประการแล้ว…”

 

เมื่อครู่แม้ฮ่วนเอ๋อจะไม่ได้มีส่วนร่วมในวงสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับศิษย์พี่ทั้งหลาย แต่นางก็ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดชัดเจน

 

“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าต้องมองแบบนี้…วังเทียนฉือจะอย่างไรก็คือขุมกำลังระดับสวรรค์ และขุมกำลังระดับสวรรค์…ไม่ว่าจะในแดนสวรรค์หรือระนาบเทวโลกไหน ก็มีอยู่ไม่มากนัก”

 

หลังได้ยินคำพูดของฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวตอบขณะเดินนำฮ่วนเอ๋อเข้าไปในอาคาร “ขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์ ถึงแม้ว่าฟังแล้วจะเหนือกว่าขุมกำลังระดับสวรรค์ แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะมีตัวตนเฉกเช่นจักรพรรดิสวรรค์ดำรงอยู่ กล่าวได้ว่าศิษย์อัจฉริยะของขุมกำลังสวรรค์ใดๆ…ก็ไม่ใช่ว่าจะอ่อนด้อยไปกว่าศิษย์อัจฉริยะของขุมกำลังจักรพรรดิสวรรค์”

 

“เช่นนั้นให้พูดว่าเหล่าศิษย์อัจฉริยะของขุมกำลังระดับสวรรค์ ก็คือสุดอดอัจฉริยะของระนาบเทวโลกนั้นๆก็ไม่ผิด พวกมันเป็นตัวตนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์ของระนาบเทวโลกแล้วจริงๆ!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“เจ้าลองคิดดู…ศิษย์อัจฉริยะในวังเทียนฉือมีเพียง 100 คนเท่านั้น กล่าวได้ว่าแต่ละช่วงอายุร้อยปีล้วนมีศิษย์อัจฉริยะอยู่ด้วยกันแค่ 10 คน เช่นนั้นศิษย์อัจฉริยะอายุไม่ถึงพันจึงมีทั้งสิ้น 100 คน…”

 

ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาอีกครั้ง “ก็เลยไม่แปลกอะไรที่จะปรากฏผู้ที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะก่อนมีอายุถึงพันปี และมีกระทั่งผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏทุกประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่”

 

หลังได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อที่คิดตามอยู่ครู่หนึ่งค่อยพยักหน้า เห็นว่าคำพูดของต้วนหลิงเทียนมีเหตุผล

 

“ฮ่วนเอ๋อ แม้เจ้าจะเข้าร่วมกับจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง แต่เจ้าสามารถมาอยู่กับข้าเพื่อฝึกปรือได้…ข้าเชื่อว่าจักรพรรดิอมตะเหลยอิงก็ไม่มีทางว่าอะไรแน่นอน”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกฮ่วนเอ๋อ

 

เขารู้ดีแก่ใจ ว่าเหตุผลเดียวที่เหลยอิงอยากได้ตัวเขากับฮ่วนเอ๋อมาอยู่ใต้อาณัติ ทั้งหมดเป็นเพราะพรสวรรค์และความเข้าใจของเขาและฮ่วนเอ๋อมันสูงพอจะกลายเป็นศิษย์อัจฉริยะได้

 

ฮ่วนเอ๋อจะอยู่บ่มเพาะกับเขาที่นี่ หรือจะกลับไปบ่มเพาะในสถานที่ของเหลยอิง ก็ไม่มีความแตกต่างอะไรกัน

 

เรื่องเหลยอิงกลัวฮ่วนเอ๋อจะทรยศนั้น ตัดทิ้งไปได้เลย

 

ในเมื่อฮ่วนเอ๋อเลือกจะเข้าร่วมกับนางด้วยตัวเองแต่แรก หากคิดจะทรยศสู้ไม่เข้าแต่แรกไม่ดีกว่า? แค่นี้ก็เสมือนฮ่วนเอ๋อให้หน้าเหลยอิงมากแล้ว!

 

ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ฝึกปรือมาจนมีด่านพลังอย่างเหลยอิง นางย่อมไม่ได้สนใจเรื่องควบคุมคนที่อยู่ใต้อาณัติอะไรมากมาย

 

ไม่ว่าฮ่วนเอ๋อจะอยู่ที่ไหน ตราบใดที่ฮ่วนเอ๋อสร้างผลงานได้ดี ก็เสมือนทำให้นางได้หน้า เท่านี้นางก็สามารถนำไปข่มจักรพรรดิอมตะสมญานามผู้อื่นได้แล้ว กล่าวได้ว่า ‘หน้า’ คือสิ่งที่นางต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

จักรพรรดิอมตะสมญานาม ยังจะต้องการอะไรอื่นจากฮ่วนเอ๋ออีก? ต้องถามว่าฮ่วนเอ๋อจะไปช่วยอะไรนางได้นอกจากเรื่องนี้?!

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็พาฮ่วนเอ๋อไปยังตำหนักของกระบี่

 

เมื่อวานฉือหล่างก็ได้พาเขากับฮ่วนเอ๋อไปลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขากับฮ่วนเอ๋อจึงถือว่าเป็นศิษย์ของวังเทียนฉือเต็มตัว ที่เอวห้อยแขวนป้ายบอกฐานะศิษย์วังเทียนฉือเอาไว้เรียบร้อย นอกจากสถานที่จำเพาะและเขตหวงห้ามบางแห่ง พวกเขาก็สามารถไปได้หมด

 

“อาวุโสพวกเรามาเพื่อท้าทายชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะ”

 

พอต้วนหลิงเทียนพึ่งพาฮ่วนเอ๋อมาถึงหน้าตำหนักลองกระบี่ ก็พอดีกับเห็นชายชราซึ่งเป็น 1 ใน 10 ผู้อาวุโสที่อยู่ในจัตุรัสทดสอบเมื่อวาน จึงกล่าวทักออกไปทันที

 

“เจ้าคือฮ่วนเอ๋อนี่นา…”

 

อาวุโสของตำหนักลองกระบี่ไม่ได้สนใจอะไรต้วนหลิงเทียน เพียงยิ้มกล่าวทักทายกับฮ่วนเอ๋อก่อน ค่อยกล่าวว่า “ศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 200-300 ปีก็มีทั้งสิ้น 10 คน…หากคิดจะท้าทายชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะ ก็สามารถท้าทายได้แต่ผู้ที่อยู่ในอันดับที่ 10 เท่านั้น”

 

“และภายใน 3 เดือนหลังจากยื่นคำท้าทายไปแล้ว หากศิษย์อัจฉริยะผู้นั้นไม่ตอบสนอง ผู้ท้าชิงก็สามารถแทนที่อีกฝ่ายได้ทันที และชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะไปครอง”

 

“เมื่อกลายเป็นศิษย์อัจฉริยะแล้ว ก็สามารถท้าทายศิษย์อัจฉริยะอีก 9 คนที่มีอันดับสูงกว่าได้”

 

ชายชราผู้เป็นอาวุโสของตำหนักลองกระบี่ค่อยยๆอธิบายอย่างอดทน

 

เห็นได้ชัดว่ามันไม่กล้าละเลยฮ่วนเอ๋อ ศิษย์ใหม่ของวังเทียนฉือที่กลายเป็นศิษย์ของเหลยอิง! เพราะท้ายที่สุดแล้วเหลยยอิงก็คือจ้าวตำหนักลองกระบี่ หัวหน้าของพวกมัน!

 

“หากไม่รับคำท้าหรือออกมาสู้…ก็จะถูกผู้ท้าชิงแทนที่ทันที?”

 

ต้วนหลิงเทียนถาม

 

“ใช่”

 

อาวุโสของตำหนักลองกระบี่กล่าว “หากไม่ตอบรับคำท้านานเกินไป ก็ไม่ต่างอะไรจากหลบหนี…ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด หากคิดจะชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะกลับมาอีกครั้ง ก็มีแต่ต้องเริ่มท้าสู้ใหม่”

 

ฟังสิ่งที่ชายชรากล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็พอจะเข้าใจกฏพื้นฐานของการท้าชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะแล้ว

 

“ข้าขอท้าชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 200-300 ปี”

 

ต้วนหลิงเทียมองอาวุโสตำหนักลองกระบี่ชรา พลางกล่าวจุดประสงค์การมาออกไป

 

“ส่งป้ายประจำตัวของเจ้าทั้งลูกแก้ววิญญาณมาให้ข้าเสีย ข้าจักนำไปลงทะเบียนให้เจ้า ร่วมถึงส่งคำท้าไปยังศิษย์อัจฉริยะที่เจ้าท้าทาย…และหากมันรับคำท้าแล้ว ข้าจักแจ้งวันเวลารวมถึงสถานที่ให้เจ้าทราบ”

 

อาวุโสตำหนักลองกระบี่กล่าววถึงจุดนี้ ก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนพลางเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผู้ท้าชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะไม่อาจปิดด่านบ่มเพาะ หรือแม้แต่ออกจากวังเทียนฉือเป็นเวลา 3 เดือน…เจ้าแน่ใจแล้วหรือไม่?”

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“ไปได้ รอการติดต่อ”

 

อาวุโสตำหนักลองกระบี่รับป้ายประจำตัวพลางกล่าวตอบต้วนหลิงเทียนห้วนๆตามหน้าที่จบ ก็หันไปมองฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้มกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ “แม่นางฮ่วนเอ๋อ ท่านเองก็ต้องการท้าทายศิษย์อัจฉริยะเพื่อชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะด้วยหรือ?”

 

“อืม”

 

ฮ่วนเอ๋อพยักหน้า

 

“หากมีการท้าทางชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุเดียวกันพร้อมๆกัน…เช่นนั้นศิษย์อัจฉริยะ 2 อันดับล่างสุดจะถูกท้าทาย”

 

อาวุโสตำหนักลองกระบี่กล่าวแจ้งรายละเอียด ก่อนจะขอป้ายประจำตัวศิษย์ของฮ่วนเอ๋อรวมถึงลูกแก้ววิญญาณของนางเพื่อนำมาลงทะเบียน

 

“แม่นางฮ่วนเอ๋อ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเถอะ ทางเราจักติดต่อไปเมื่อถึงเวลา”

 

อาวุโสตำหนักลองกระบี่หลังไปจัดการเรื่องลงทะเบียนท้าชิงศิษย์อัจฉริยะให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อแล้ว มันก็นำป้ายประจำตัวมามอบคืนให้กับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อ หลังกล่าวลาฮ่วนเอ๋อ มันก็กลับไปทำงานของมันต่อ

 

“ฮ่วนเอ๋อ ดูเหมือนเจ้าจะมีหน้ามีตาในตำหนักลองกระบี่มากกว่าข้าหลายขุมเลย…”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “ดูเหมือนการให้เจ้าเข้าร่วมตำหนักลองกระบี่ก็สะดวกสบายไม่น้อย…อย่างน้อยเวลาทำเรื่องอะไรที่นี่ก็มีคนจัดการให้อย่างดี ดูสิพวกเราไม่ต้องเข้าไปเดินเรื่องเองด้วยซ้ำ”

 

หลังอาวุโสตำหนักลองกระบี่จากไป และต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ็อก็กำลังจะไปหาที่พักเพื่อรอเวลา ทว่าจ้าวตำหนักลองกระบี่ เหลยอิง กลับปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน

 

“อาวุโสเหลย”

 

ต้วนหลิงเทียนป้องมือประสานกล่าวคำทักทายด้วยท่าทางไม่ถือดีไม่นอบน้อม ทว่าด้านฮ่วนเอ่อเพียงแค่พยักหน้าให้เหลยอิงเงียบๆ

 

ตั้งแต่ตอนที่ทดสอบรับศิษย์เมื่อวาน เหลยอิงก็เห็นแล้วว่าฮ่วนเอ๋อค่อนข้างเฉยเมยกับผู้อื่น เช่นนั้นพอเห็นท่าทางดังกล่าวของฮ่วนเอ๋อ เหลยอิงก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร

 

“ฮ่วนเอ๋อ ข้าจะพาเจ้าไปชมดูสถานที่พักบ่มเพาะของข้ากับเหล่าศิษย์”

 

เหลยอิงกล่าวทักฮ่วนเอ๋อด้วรอยยิ้ม จากนั้นก็เหินร่างนำต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไปยังสถานที่บ่มเพาะของนาง

 

ไม่นานนักทั้ง 3 หุบเขาอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยอาคารปลูกสร้างมากมาย อย่างไรก็ตามกลับไม่เห็นมีผู้ใดเหินบินไปมาในหุบเขาเลย

 

“ผู้คนที่เจ้าเห็นอยู่เบื้องหน้า ล้วนเป็นครอบครัวรวมถึงสหายของเหล่าศิษย์อัจฉริยะข้าเอง…และข้าก็มีศิษย์อัจฉริยะอยู่ด้วยกันทังสิ้น 5 คน แน่นอนว่ารวมถึงเจ้าแล้ว”

 

เหลยอิงบอกให้ฮ่วนเอ๋อฟัง

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก เหลยอิงก็นำพาต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อผ่านหุบเขากว้างใหญ่ หลังขึ้นเขาไปสักพักในที่สุดก็มาถึงบริเวณยอดเขา ที่ทางแถวนี้ถูกปูด้วยศิลาแกร่งอย่างดี และมองไปเบื้องหน้าก็พบวังอันวิจิตรตั้งตระหง่านอยู่

 

“ในด่านข้า ลำดับศิษย์อัจฉริยะล้วนถูกจัดตามพลังฝีมือ…ฮ่วนเอ๋อในเมื่อเจ้าพึ่งมาจึงยังรั้งอยู่อันดับที่ 5 เจ้าต้องเรียกหาศิษย์อัจฉริยะอีก 4 คนที่เหลือว่าศิษย์พี่ แต่หากฮ่วนเอ๋อได้อันดับสูงกว่าเมื่อไหร่ คิดจะเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไร”

 

เหลยอิงกล่าวออกมาอีกรอบ

 

ไม่นานนักหลังเหลยอิงส่งข้อความไป ร่าง 4 ร่าง อันมีร่างหนึ่งเหินนำมาโดยมี 3 คนติดตามด้านหลัง ก็ลุถึงสถานที่พักบ่มเพาะของเหลยอิง ทั้งหมดก้าวอาดๆเข้ามาในโถงหลักของวังอันวิจิตรตระการตา ที่เหลยอิงนำต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมานั่งรอ

 

ร่างทั้ง 4 ที่พึ่งมาถึงก็เป็นชาย 3 คนหญิง 1 คน

 

“อาจารย์”

 

เมื่อทั้ง 4 มาถึง ก็พากันทำความเคารพเหลยอิงอย่างมากมารยาทก่อนใดอื่น บรรยากาศในห้องโถงวังหลังนี้ค่อนข้างจริงจังเคร่งครัด ผิดกับบรรยากาศสบายๆเหลวไหลในโถงรับรองของที่พักฉือหล่างคนละโลก…

 

“ฮ่วนเอ๋อ นี่คือศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า ซีเหมินหลิงเจี๋ย”

 

เหลยอิงมองไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แลดูกระฉับกระเฉงแข็งแรงในชุดคลุมสีแดง พลางกล่าวแนะนำให้ฮ่วนเอ๋อรู้จัก

 

ซีเหมินหลิงเจี๋ยนั้นเดิมทีก็เป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง อย่างไรก็ตามพอเหลยอิงแนะนำชื่อมันให้ฮ่วนเอ๋อรู้จัก จนสายตามันหันไปตกลงบนร่างฮ่วนเอ่อ ใบหน้าจริงจังของมันก็กลายเป็นอื้ออึงทันที

 

ตอนนี้ถึงแม้ฮ่วนเอ๋อจะใส่ผ้าปิดหน้า แต่ก็ไม่อาจปกปิดรูปโฉมอันงดามของนางได้หมด

 

“ส่วนนี่คือศิษย์พี่รองของเจ้า เหลยจวิ้น”

 

เหลยอิงหันไปมองกล่าวแนะนำชายหนุ่มอีกคนให้ฮ่วนเอ๋อรู้จัก และชายหนุ่มคนนี้ก็มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงเหลยอิงอยู่บ้าง มันมาในชุดคลุมขนสัตว์หรูหราสีเทา หน้าตาแลดูซื่อสัตย์เที่ยงธรรม “เหลยจวิ้นไม่เพียงแต่อยู่ในด่านข้าเท่านั้น แต่ยังเป็นลูกชายคนเดียวของข้าด้วย”

 

“ยินดีที่ได้พบ ศิษย์น้องเล็ก…”

 

เหลยจวิ้นส่งยิ้มให้ฮ่วนเอ๋อ รอยยิ้มของมันดูอบอุ่นทั้งจริงใจนัก

 

“ส่วนนี่คือศิษย์พี่หญิง 3 ของเจ้า หลิงหูหยวน”

 

เหล่ยอิงหันไปมองสตรีเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาคนทั้ง 4 พลางกล่าวแนะนำออกมา สตรีนางนี้มาในชุดกระโปรงสีฟ้าหน้าตาแลดูธรรมดาๆ พอนางเห็นฮ่วนเอ๋อลูกตานางก็ทอประกายอิจฉาขึ้นมาวาบหนึ่งก่อนจะเก็บอาการไปแทบจะทันที

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นมันชัดตา

 

‘เหอะๆ ความอิจฉาของผู้หญิงนี่…น่ากลัวจริงๆ’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างช่วยไม่ได้

 

“ส่วนนี่คือศิษย์พี่ 4 ของเจ้า เฮ่อเหวิน”

 

สุดท้ายเหลยอิงก็หันมองไปยังชายวัยกลางคนร่างเตี้ยที่คล้ายคนแคระ พลางกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ

 

หลังเฮ่อเหวินพยักหน้าให้ฮ่วนเอ๋อแล้ว มันก็กลอกตามองไปยังหลิงหูหยวนที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตามีเลศนัยบางประการ

 

ด้านหลิงหูหยวนเอง ก็สังเกตเห็นสายตาดังกล่าวของมัน ทำให้นางชักสีหน้ารังเกียจออกมาทันที

 

“ส่วนนี่คือศิษย์น้องหญิง 5 ของพวกเจ้า ฮ่วนเอ๋อ…พวกเจ้าอย่าได้ดูเบาศิษย์น้องหญิง 5 เชียว ถึงนางจะยังมีอายุไม่ถึง 300 ปี แต่นางก็เอาชนะจอมราชันอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ 4 ประการมาได้ง่ายๆ”

 

เหลยอิงกล่าวแนะนำฮ่วนเอ๋อให้ทั้ง 4 รู้จัก “นอกจากนั้นนางเองก็เป็นจอมราชันอมตะ 6 ผสานเช่นกัน…ในแง่พลังฝีมือแล้ว เกรงว่านางไม่ได้อ่อนกว่าเจ้า 3 กับเจ้า 4 เลย…”

 

กล่าวถึงจุดนี้ เหลยอิงก็เหลือบมองไปทางหลิงหูหยวนกับเฮ่อเหวินอย่างไม่รู้ตัว

 

“อายุไม่ถึง 300 ปี แต่เป็นจอมราชันอมตะ 6 ผสาน?!”

 

วาจาของเหลยอิงย่อมทำให้ทั้ง 4 ตกใจเป็นธรรมดา

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่งศิษย์พี่หญิง 3 ของฮ่วนเอ๋อ  หลิงหูหยวน ก็กล่าวออกมาอีกครั้ง สองตามองฮ่วนเอ่อพลางยิ้ม “ศิษย์น้องเล็ก ข้าได้ยินจากอาจารย์แล้วว่าพลังฝีมือของเจ้าค่อนข้างร้ายกาจ…เช่นนั้นมาประลองกับศิษย์พี่หญิง 3 หน่อยปะไร? หากเจ้าชนะข้าได้ เจ้าก็จักได้กลายเป็นศิษย์พี่หญิง 3 แทน…”