ตอนที่ 2269 กังวลหวาดกลัว
วันถัดมาเมืองหลวงยังคงเป็นวันท้องฟ้าสดใส ตอนเช้าตรู่แบบนี้ดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงอย่างร้อนแรงบนพื้นโลก ร้อนจนต้องตะโกนร้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ร้อนจนเหมือนว่าจะเป็นวาระสุดท้ายของชีวิตเพื่อบรรลุความฝันการเป็นนักร้องให้แก่พวกเขา
เหมยเหมยนอนไม่หลับทั้งคืน หลับตาลงได้แค่ครู่เดียวก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ เธอลุกจากเตียงเดินวนไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอนหลังนอนลงบนเตียงต่อแค่ไม่กี่นาทีเป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเบ้าตาดำคล้ำจมลึกลงไป
“คุณหนู จะกินมากกินน้อยคุณหนูก็กินหน่อยเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณชายหมิงกลับมาเห็นคุณหนูเป็นแบบนี้เขาคงปวดใจแย่เลย” ป้าฟางเกลี้ยกล่อมเธอ ตั้งแต่เหยียนหมิงซุ่นจากไปคุณหนูก็กินข้าวแค่ไม่กี่คำ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยแล้วแบบนี้จะไหวได้เช่นไร?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในท้องยังมีลูกน้อยอยู่ด้วยนะ!
“ฉันกินไม่ลงเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่หมิงซุ่นเป็นอย่างไรบ้าง…”
เหมยเหมยกินโจ๊กไปสองสามคำก็อิ่มแล้ว อาหารที่เคยอร่อยในอดีต ตอนนี้ไม่สามารถดึงดูดใจเธอได้เลยสักนิด
“คุณหนูกินอีกหน่อยเถอะ ถึงคุณหนูจะไม่ได้คิดถึงสุขภาพร่างกายของตัวเองแต่ก็ต้องคิดถึงลูกในท้องหน่อย หากคุณหนูไม่กิน สารอาหารของทารกน้อยจะเพียงพอได้อย่างไร?” ป้าฟางเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน
เหมยเหมยสะดุ้งโหยง สีหน้าเปลี่ยน จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบท้องน้อยเบา ๆพลันรู้สึกละอายใจอย่างถึงที่สุด
ทำไมเธอถึงได้ลืมลูกไปได้นะ?
“ลูกรัก แม่ขอโทษนะที่ทำให้ลูกต้องหิว!”
เหมยเหมยก้มหัวและพึมพำขอโทษ หลายวันมานี้เธอไม่สนใจลูกเลย เธอช่างเป็นแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเสียจริง
“ฉันจะกินอีกสักหน่อยแล้วกัน” เหมยเหมยสูดหายใจแล้วบังคับให้ตัวเองฝืนทานโจ๊กเข้าไป ปอกเปลือกไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง เธอจ้องแน่นิ่งแล้วเคี้ยวราวกับมีความแค้นกับอาหารยังไงอย่างนั้น
กินโจ๊กหมดไปหนึ่งชามกับไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง เหมยเหมยก็หยิบเสี่ยวหลงเปามาอีกเข่ง เธอทานเหมือนเป็นมนุษย์เครื่องจักรเพราะทานเพื่อบำรุงสารอาหารเท่านั้นไม่ใช่เพราะความอร่อยเพลิดเพลิน
ป้าฟางถอนหายใจ แล้วหันตัวหลบมาซับน้ำตาที่หางตา ในใจรู้สึกเศร้าเหลือเกิน
เดิมทีคุณชายหมิงและคุณหนูควรจะมีชีวิตที่มีความสุขแล้ว ชีวิตที่แม้แต่เทพเทวดายังต้องอิจฉา แถมตอนนี้ยังมีลูกอีกมันช่างดีมากแค่ไหน แต่กลับต้องไปตามล่าตาแก่บ้าอย่างหนิงเฉินเซวียนนั่น ทำให้คุณชายหมิงต้องเสี่ยงอันตรายร้ายแรง
หากคุณชายหมิงมีอันเป็นไป คุณหนูก็ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เธอจะทุกข์ใจมากแค่ไหนนะ!
เฮ้อ!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหมยซูหานเป็นคนโทรมา
“เหมยเหมย อาเช่อและเหยียนหมิงซุ่นไปฐานลับทางตะวันตกเฉียงใต้ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเหมยซูหานร้อนใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่เฮ่อเหลียนเช่อไปไม่พูดอะไรสักคำ เขาพูดแค่ว่าจะไปทำธุระสำคัญ แถมยังขอให้เขาพาเสี่ยวเป่าไปต่างประเทศสักพัก แล้ววันหลังค่อยตามไปหาพวกเขาที่ต่างประเทศ
เหมยซูหานซักไซ้อยู่นาน เฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ได้บอกว่าจะไปทำธุระอะไร แค่บอกว่าจะไปกับเหยียนหมิงซุ่นแต่ไม่มีอันตรายใด ๆแน่นอน
เขาอยู่บ้านยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นอนไม่หลับทั้งคืนเช่นกันจึงอดไม่ได้ที่จะโทรถามเหมยเหมย
“เฮ่อเหลียนเช่อเขาไปกับพี่หมิงซุ่นด้วยเหรอ?” เหมยเหมยก็แปลกใจมากเช่นกัน เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกเธอเรื่องที่เฮ่อเหลียนเช่อจะไปด้วย
“ใช่ เขาบอกว่าจะไปทำเรื่องที่สำคัญมากกับเหยียนหมิงซุ่น เหมยเหมย มันคือเรื่องอะไรเหรอ เธอต้องรู้แน่ ๆใช่ไหม?” เหมยซูหานร้อนใจดั่งไฟที่แผดเผา
เหมยเหมยถอนหายใจ “ใช่ ฉันรู้…พวกเขาไปภูเขาสือว่าน เตรียมที่จะไปทำลายจุดชนวนระเบิดที่ฐานลับ…”
“ทำลายจุดชนวนระเบิดที่ฐานลับ? เป็นไปได้อย่างไรกัน…” เหมยซูหานตกใจยกใหญ่ กุมหน้าอกไว้แน่น ปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก
อะไรคือวันหลังจะไปหาเขาและเสี่ยวเป่าที่ต่างประเทศ?
ทั้ง ๆที่เตรียมจะไปตามยต่างหาก!
ต่อให้โทรศัพท์กั้นไว้แต่เหมยเหมยก็รับรู้ถึงความเศร้าใจของปลายสายได้อย่างชัดเจน เธอรู้สึกราวกับว่ามันเกิดขึ้นกับตัวเอง ดวงตาแดงก่ำ เธอคิดจะพูดปลอบใจอยู่สองสามประโยคแต่ปลายสายกลับมีเสียงดังสนั่นดังขึ้นมาซะก่อน
“ตึงโครม”
จากนั้นก็ไม่มีเสียงใดอีก…
…………………………………………..
ตอนที่ 2270 โดนลักพาตัวแล้ว
“เหมยซูหาน…นายเป็นอะไร…ฮัลโหล…”
เหมยเหมยส่งเสียงเรียกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดทั้งสิ้น เหลือเพียงเสียงตู้ด ๆดังลอยผ่านปลายสายมา เธอขมวดคิ้วแน่น ใจดิ่งวูบ
เกิดเรื่องแล้ว!
เสี่ยวเป่าก็ต้องพลอยโดนไปด้วยแน่นอน!
“ป้าฟาง ฉันจะไปดูสักหน่อยนะ!”
เหมยเหมยพูดพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วก็ไม่รู้ว่ามีคนลักพาตัวเหมยซูหานไปหรือว่าเหมยซูหานป่วยกะทันหันขึ้นมา…
ถ้าหากเป็นอย่างหลังก็ดี เฮ่อเหลียนเช่อคงต้องทิ้งคนไว้ที่บ้านไม่น้อย เหมยซูหานจะไม่เป็นอะไรมากแน่นอน
แต่ถ้าหากว่าเป็นอย่างแรก งั้นก็จะหมายความว่าคนที่เฮ่อเหลียนเช่อทิ้งไว้น่าจะเกิดเรื่องเข้าแล้ว เหมยซูหานและเสี่ยวเป่าก็คงตกอยู่ในอันตราย
แต่ในเมืองหลวงจะมีใครที่กล้าบุกเข้าไปในบ้านของเฮ่อเหลียนเช่อเพื่อลักพาตัวคนของเขาไปกันได้นะ?
เหมยเหมยคิดไม่ออกแต่เธอก็ไม่กล้าชักช้าและเร่งป้าฟางไม่หยุด ลุงเหลาไม่วางใจจึงเรียกเพื่อนอีกสองสามคนไปด้วยแล้วรีบมุ่งหน้าไปที่บ้านพักของเหมยซูหาน
เดิมทีเหมยซูหานอาศัยอยู่ในเมือง แต่เนื่องจากเสี่ยวเป่าชอบเล่นกับสัตว์เขาจึงย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ในแถบชานเมืองเพราะที่นั่นเลี้ยงสัตว์ไว้มากมาย ต่อให้เสี่ยวเป่าจะไม่สามารถสื่อสารกับคนได้ตามปกติแต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาไม่รู้สึกเหงาแน่นอน
เดิมทีประตูบ้านควรมียามเฝ้าอยู่แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครสักคน เหมยเหมยแอบร้องในใจว่าแย่แล้ว ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขาแน่นอน
ลุงเหลาพาพวกพ้องเข้าบ้านไปอย่างระมัดระวังแล้วให้เหมยเหมยและป้าฟางรออยู่ข้างนอก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ออกมา
“คุณหนู ในบ้านไม่มีคนอยู่เลย”
ในบ้านหลังใหญ่โตไม่มีใครอยู่ในบ้านสักคน มันเงียบและว่างเปล่าเสียจนน่ากลัว มีเพียงสัตว์เลี้ยงที่วิ่งไปมาอยู่ในสวนหลังบ้านซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่เหลืออยู่ภายในบ้านหลังนี้ แม้แต่เสี่ยวเป่าก็ไม่อยู่
“เสี่ยวเป่า…เหมยซูหาน…พวกนายอยู่ไหม…”
เหมยเหมยรีบพุ่งตัวเข้าไปข้างในแล้วตะโกนร้องเรียกอย่างร้อนใจแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ ในห้องนั่งเล่นเละเทะข้าวของกระจัดกระจาย โทรศัพท์ตกลงบนพื้น โต๊ะชาก็โดนขยับจนเอียงซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนชนมัน
“คุณหนู พวกเขาโดนลักพาตัวไปแล้ว…” ลุงเหลาพูดอย่างใจเย็น พร้อมกับสังเกตห้องนั่งเล่นอย่างระมัดระวังเพื่อต้องการหาเบาะแสบางอย่าง
“ใครกันนะ?”
“ผมจะให้พรรคพวกช่วยตามสืบดูครับ” ลุงเหลาก็รู้สึกว่ามันแปลกพิกล คนที่กล้ามาลักพาตัวถึงในอาณาบริเวณของเฮ่อเหลียนเช่อได้ถือว่าใจกล้าไม่เบา เขาจะต้องสืบหาให้ได้
“คุณหนู คุณหนูกลับบ้านไปก่อนเถอะ ถ้ามีข่าวคราวอะไรลุงจะรีบรายงานคุณหนูทันทีเลย” ลุงเหลาพูดเกลี้ยกล่อม
เหมยเหมยถอนหายใจ เธอรู้ว่าตัวเองอยู่ต่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้แถมยังจะทำให้ลุงเหลาและคนอื่น ๆเสียสมาธิไปด้วย แต่เพิ่งจะเดินไปถึงประตูเธอก็หันตัวกลับวิ่งไปทางสวนหลังบ้านกะทันหัน ป้าฟางร้อนใจรีบวิ่งตามเธอไป “คุณหนูอย่าวิ่ง พวกเราค่อย ๆเดินกันเถอะ ระวังลูกในท้องด้วยสิ“
เหมยเหมยลดความเร็วลงแต่ก็รีบเดินไปที่สวนหลังบ้านอย่างรวดเร็ว เธอเห็นหนูตัวเล็กวิ่งผ่านห้องนั่งเล่นเมื่อครู่ ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอความคิดเริ่มทำงานเลยนึกถึงตัวตนของเสี่ยวเป่าขึ้นมาได้
เสี่ยวเป่าสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ ไม่แน่ว่าเสี่ยวเป่าอาจจะส่งหนูตัวนี้มาเพื่อสืบข่าวคราวก็เป็นได้?
ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียหน่อย
เหมยเหมยมาที่สวนหลังบ้านอีกครั้งพร้อมกับความหวังอันริบหรี่ สนามหญ้ากว้างใหญ่ได้สร้างบ้านไว้หนึ่งหลังซึ่งได้กั้นเป็นห้องเล็กห้องน้อยเพื่อเป็นที่พักอาศัยให้กับเหล่าสัตว์ตัวน้อยของเสี่ยวเป่า เวลานี้พวกมันต่างอยู่ในนั้นกันอย่างเงียบ ๆ ไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านชุลมุนวุ่นวายเหมือนในยามปกติ
สวนหลังบ้านแห่งนี้เงียบสงบเกินไป
เหมยเหมยพลันรู้สึกแปลกพิกลเลยอยากเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ฉับพลันก็มีผู้ชายตัวเล็ก ๆสกปรกมอมแมมคลานออกมาจากคอกสุนัขวิ่งโซซัดโซเซมาทางเหมยเหมย เขาก็คือเสี่ยวเป่านั่นเอง
“เสี่ยวเป่า…หนูไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ…”
เหมยเหมยกอดเขาแน่นโดยไม่คิดรังเกียจสิ่งสกปรกบนตัวเจ้าหนูน้อยนี่เลยสักนิดพลันถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
………………………………………….