WSSTH ตอนที่ 3,270 : ศึกเป็นตาย!
“หืม?”
พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของหลิวเจี้ยน ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็หันไปมองอาวุโสตำหนักลองกระบี่ทันที
ด้านอาวุโสตำหนักลองกระบี่เอง พอได้ยินสิ่งที่หลิวเจี้ยนเอ่ยออกมาลูกตามันก็หรี่ลง และเมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนหันมามองด้วยสายตาสงสัย มันก็เลยตอบกลับไปอย่างทันท่วงที
“นอกจากศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 900-1,000 แล้ว หากศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุใดคิดจะท้าทายศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุเดียวกันแบบข้ามขั้น ก็จำต้องผ่านเงื่อนไขประการหนึ่งเท่านั้น…นั่นก็คือการท้าประลองศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุที่สูงกว่าตัวเอง และเอาชนะการประลองให้ได้เสียก่อน”
อาวุโสตำหนักลองกระบี่กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด “เพราะตราบใดที่เจ้าเอาชนะได้ เจ้าก็จักมีสิทธิ์ท้าประลองข้ามขั้น ทำให้สามารถท้าอัจฉริยะ 3 อันดับแรกรวมถึงอันดับที่ 1 ของช่วงอายุเจ้าได้ทันที”
“ยิ่งไปกว่านั้น การท้าทายในลักษณะนี้ อีกฝ่ายมิอาจปฏิเสธได้”
อาวุโสตำหนักลองกระบี่กล่าวถึงจุดนี้ มันก็เหลือบมองไปทางหลิวเจี้ยนพลางกล่าวออกมาสืบต่อ “และศิษย์อัจฉริยะที่แพ้พ่ายศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุที่ต่ำกว่า ไม่เพียงแต่จะต้องมอบป้ายประจำตัวศิษย์อัจฉริยะในมือให้ไปเท่านั้น แต่ตลอด 100 ปีหลังจากที่แพ้ ก็จะสูญเสียโอกาสเป็นศิษย์อัจฉริยะไปโดปริยาย”
“เพราะจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปลงทะเบียนท้าประลองศิษย์อัจฉริยะที่ตำหนักลองกระบี่อีก”
ทั้งหมดทั้งมวล อาวุโสตำหนักลองกระบี่ล้วนกล่าวออกมารวดเดียวจบคำ
“ว่าไงเล่าต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดจะท้าข้าสู้รึเปล่า?”
หลิวเจี้ยนคลี่ยิ้มสดใสนัก
“ศิษย์น้องเล็ก อย่าได้สนใจวาจาผายลมของมัน!!”
ทันใดนั้นเอง พอหงเฟยเห็นสายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองหลิวเจี้ยน มันก็หน้าเปลี่ยนสีทันที รีบโพล่งขัดออกไปเร็วไว ราวกับกลัวต้วนหลิงเทียนจะบ้าจี้กล่าวท้าทายหลิวเจี้ยนขึ้นมาจริงๆ
“ต้วนหลิงเทียน…”
ขณะเดียวกัน อาวุโสตำหนักลองกระบี่ก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนต่อว่า “การท้าทายอย่างที่ข้าพึ่งกล่าวไปเมื่อครู่ ในเมื่อหากท้าทายยสำเร็จจะทำให้ฝ่ายหลังเสียโอกาสเป็นศิษย์อัจฉริยะไปถึงร้อยปี…เช่นนั้นการท้าทายเช่นนี้ จึงเป็นการประลองเป็นตาย!”
“นอกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ออกมา อีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องหยุดมือ…และถ้ามิมีเวลากล่าวคำยอมแพ้ ต่อให้ถูกเข่นฆ่าจนตายตกไป ผู้ที่ลงมือสังหารก็จะไม่มีความผิดใดๆทั้งสิ้น”
“นี่เป็นกฏของวังเทียนฉือเรา”
อาวุโสตำหนักลองกระบี่ค่อยๆกล่าวรายละเอียดออกมาอย่างอดทน
“ประลองเป็นตาย?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็หันไปมองจ้องหลิวเจี้ยนพลางถาม “ทำไม? หลิวเจี้ยนเจ้า…อยากฆ่าข้ารึ?”
หลิวเจี้ยนหัวเราะเยาะเย้ย กล่าวว่า “ทำไม? หรือเจ้ากล้าพอจะท้าทายข้า?”
พอกล่าวจบคำ ปากหลิวเจี้ยนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันระคนดูแคลนถึงขีดสุด!
“ศิษย์น้องเล็ก ในเมื่อเจ้าได้ป้ายประจำตัวศิษย์อัจฉริยะมาแล้ว พวกเราก็กลับกันเลยเถอะ”
หงเฟยหันไปกล่าวชวนต้วนหลิงเทียนอีกรอบ มันกลัวใจจริงๆ ว่าศิษย์น้องเล็กของมันจะหัวเสียจนพลั้งปากกล่าวท้าหลิวเจี้ยนออกไป เพราะเท่าที่มันเห็นศิษย์น้องของมันผู้นี้ก็นิ่งอย่างที่เห็นซะที่ไหน!
หาไม่แล้วอีกฝ่ายคงไม่ทำให้หวงลู่หนานตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนั้นหรอก!
‘เจ้าต้วนหลิงเทียนนี่จะทำอย่างไร…’
เหลวจวิ้นที่อยู่ไม่ไกลฮ่วนเอ๋อ หยีตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ และมันก็หวังว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกท้าทายหลิวเจี้ยน และถูกหลิวเจี้ยนฆ่าทิ้งไปให้จบๆ
แต่มันรู้ดี ว่าเรื่องพรรค์นั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้
เพราะตามธรรมชาติแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ต้วนหลิงเทียนจะกล้าท้าทายหลิวเจี้ยน เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับเอาคอไปพาดเขียงด้วยตัวเอง
หลิวเจี้ยนจะอย่างไรก็เป็นศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 600-700 ปี ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 8 ชะตา แถมเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ไปแล้ว 6 ประการ พลังความแข็งแกร่งของมัน ไม่ใช่อะไรที่หวงลู่หนานเมื่อครู่จะเปรียบเทียบได้เลย
“ศิษย์น้องหญิง 3 พี่หลิงเทียนของเจ้า ดูท่าคงไม่กล้าท้าหลิวเจี้ยนหรอก”
เหลยจวิ้นมองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม “หลิวเจี้ยนผู้นี้ถึงพลังฝีมือจะพอใช้ได้ แต่ในช่วงอายุระดับมัน พลังฝีมือเท่านั้นก็เรียกว่าเป็นอัจฉริยะปลายแถวไร้ราคาเท่านั้น”
แรกเหลยจวิ้นก็กล่าวทำนองต้วนหลิงเทียนไม่กล้าท้าหลิวเจี้ยน ต่อมาก็กล่าวดูถูกหลิวเจี้ยนจนไม่นับเป็นตัวอะไร
เป็นธรรมดาว่ามันกล่าวออกมาแบบนี้ มันไม่ได้ดูถูกต้วนหลิงเทียนตรงๆ แต่มันเลือกด้อยค่าหลิวเจี้ยนเพื่อเป็นการดูถูกต้วนหลิงเทียนแทน
เพราะมันรู้ดีว่าหากมันกล่าวหมิ่นหยามต้วนหลิงเทียนตรงๆ ไม่พ้นต้องทำให้ศิษย์น้องหญิงเล็กผู้นี้บังเกิดความรังเกียจ และตีตัวออกห่างเอาได้
อย่างไรก็ตาม ฮ่วนเอ๋อไม่แม้แต่จะสนใจมันเลย
ฮ่วนเอ๋อในปัจจุบัน ไม่ใช่ฮ่วนเอ๋อในอดีตอีกแล้ว หลังได้เดินทางกับต้วนหลิงเทียนและได้ประสบพบเจอเรื่องราวต่างๆ ไม่เว้นได้ต้วนหลิงเทียนชี้แนะ นางย่อมเข้าใจเรื่องราวอะไรๆมากมาย
ดุจเดียวกับตอนนี้ที่เหลยจวิ้นจงใจตีวัวกระทบคราด ด้อยค่าหลิวเจี้ยนหมายหมิ่นหยามต้วนหลิงเทียน นางไหนเลยจะไม่เข้าใจ?
ในเมื่อเหลยจวิ้นกล้าหมิ่นพี่หลิงเทียนของนาง เช่นนั้นต่อไปก็อย่าหวังว่านางจะเสวนากับมันอีก ต่อให้มันจะเป็นลูกชายคนเดียวของครูอย่างเหลยอิงก็ตาม
“ผู้อาวุโส แล้วถ้าหากข้าท้าทายหลิวเจี้ยนตอนนี้…ข้าสามารถข้ามขั้นตอนการลงทะเบียนไปได้เลยรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องอาวุโสตำหนักลองกระบี่ กล่าวถามออกมาตรงๆ
และทันทีที่ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงแต่อาวุโสตำหนักลองกระบี่เท่านั้นที่ตะลึง กระทั่งเหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่อยู่โดยรอบยังอึ้งไปตามๆกัน!
ต้วนหลิงเทียนคิดจะท้าทายหลิวเจี้ยนจริงๆหรือ?!
ไยมิใช่รนหาที่ตาย?
“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น หรือมันมองไม่ออกจริงๆว่าหลิวเจี้ยนกำลังปั่นประสาทมันอยู่? หรือมันจะบ้าจี้โดดลงหลุมที่หลิวเจี้ยนขุดให้เห็นกันโทนโท่จริงๆ?”
“มันโง่หรืออย่างไร? หลิวเจี้ยนเป็นศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 600-700 ปี ด่านพลังไม่เพียงบรรลุถึงจอมราชันอมตะ 8 ชะตา มันยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทอง 6 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว เจ้านั่นมันคิดว่าจะทำอะไรหลิวเจี้ยนได้จริงๆ?”
“ข้าว่ามันโดนหลิวเจี้ยนยั่วจนหัวร้อนมากกว่า ถึงได้วู่วามคิดท้าหลิวเจี้ยนแบบนี้!”
…
เหล่าศิษย์วังเทียนฉือสนทนากันอย่างออกรส หลายคนยังส่ายหน้าไปมา และมองต้วนหลิงเทียนราวกับตัวโง่งม
สองตาหลิวเจี้ยนเองก็ทอแสงจ้าขึ้นมาเช่นกัน เพราะการปั่นประสาทไร้แก่นสารของมัน…มิคาดกลับได้ผลจริงๆ!
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะหยิ่งผยองเกินไปรึเปล่า หรือคิดว่าโลกต้องหมุนรอบตัวเอง ถึงได้หัวร้อนเพียงเพราะถูกท้าทายเท่านี้?
“ศิษย์น้องเล็ก!!”
สีหน้าหงเฟยเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ด้วยไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องเล็กของมันจะติดกับลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ของหลิวเจี้ยนเอาได้ จึงเร่งส่งเสียงไปห้ามปรามยกใหญ่!
“ศิษย์พี่ 6 ท่านวางใจเถอะ”
อย่างไรก็ตามหลังได้ยินคำเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวของหงเฟย ต้วนหลิงเทียนก็เพียงตอบคำกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจสั้นๆ ไม่คิดล้มเลิกความตั้งใจแต่อย่างใด
ตอนนี้เองด้านอาวุโสตำหนักลองกระบี่ก็หันไปมองหลิวเจี้ยนพลางกล่าวตอบคำถามต้วนหลิงเทียนออกมา “หากผู้ถูกท้าเห็นด้วย เจ้าก็สามารถข้ามขั้นตอนการลงทะเบียนท้าประลองไปได้เลย”
“ข้าอาวุโสฉิน ข้าเห็นด้วย”
หลิวเจี้ยนที่กลัวต้วนหลิงเทียนจะสำนึกเสียใจและคิดล้มเลิกอะไรขึ้นมา พอได้ยินคำพูดของอาวุโสตำหนักลองกระบี่ มันจึงรีบกล่าวแสดงจุดยืนออกไปเร็วไว
“ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ว่าจะกล้าท้าทายข้าจริงๆรึเปล่า…”
หลังแสดงท่าทีแล้ว หลิวเจี้ยนก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน พลางฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าแววตาเรียกว่าอัดแน่นไปด้วยความดูถูกดูแคลน เสียงกล่าวยังประชดแดกดันเป็นที่สุด หมายยั่วยุอารมณ์ต้วนหลิงเทียนให้เดือด!
“ผู้อาวุโส ข้าขอท้าทายมัน”
ต้วนหลิงเทียนมองอาววุโสตำหนักลองกระบี่ด้วยสายตาสงบ พลางกล่าวออกไปตรงๆ
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดทบทวนดูให้ดี…เมื่อเจ้าเอ่ยคำท้าออกมาแล้ว และมันส่งมอบป้ายประจำตัวศิษย์อัจฉริยะให้ข้า เจ้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจได้แล้ว”
อาวุโสตำหนักลองกระบี่มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง
หากเป็นคนอื่น มันคงไม่คิดจะตักเตือนเกลี้ยกล่อมอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ศิษย์ธรรมดา แต่เป็นคนสนิทฮ่วนเอ๋อที่เป็นศิษย์ของเหลยอิงจ้าวตำหนักลองกระบี่! มันไม่อาจไม่เกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย!!
“ข้าคิดดีแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
ด้านหลิวเจี้ยนก็หยิบควักป้ายประจำตัวศิษย์อัจฉริยะของมันออกมา ก่อนจะยกเลิกพันธะโลหิต ทั้งใช้พลังประคองยื่นส่งให้อาวุโสตำหนักลองกระบี่เร็วไว “อาวุโสฉิน ในเมื่อผู้อื่นมีความมั่นใจในตัวเองสูง ท่านก็ปล่อยทำมันทำตามใจไปเถอะ..ยิ่งไปเซ้าซี้มากเข้า ไม่แน่มันอาจรำคาญท่านก็ได้”
เมื่อส่งป้ายประจำตัวศิษย์อัจฉริยะออกมา หลิวเจี้ยนก็ถือว่าไม่ได้เป็นศิษย์อัจฉริยะอีกต่อไป อย่างไรก็ตามขอเพียงมันเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้ มันก็จะได้ป้ายประจำตัวและสถานะกลับคืนมา
แต่ถ้าเกิดมันแพ้พ่าย นอกจากจะถูกถอดออกจากตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะแล้ว หลังจากนี้อีก 100 ปี มันยังไม่อาจเป็นศิษย์อัจฉริยะได้อีก ต่อให้พลังฝีมือของมันจะสูงแค่ไหนก็ตามที
กฏเช่นนี้ถูกตราขึ้นมาเพื่อกันมิให้มีใครจงใจยอมแพ้ ค้าขายชัยชนะ
ในขณะที่อาวุโสตำหนักลองกระบี่รับป้ายประจำตัวศิษย์อัจฉริยะของหลิวเจี้ยนมาตรวจสอบแล้วเสร็จ มันก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “ต้วนหลิงเทียน การประลองครั้งนี้ระหว่างเจ้ากับหลิวเจี้ยนจะอยู่ในพื้นฐานของการประลองเป็นตาย! เป็นธรรมดาว่าเจ้าสามารถกล่าวคำยอมแพ้ได้ ขอเพียงเจ้าพูดออกมา หลิวเจี้ยนก็ไม่อาจลงมือกับเจ้าได้อีกต่อไป”
ฟุ่บ!
หลังอาวุโสตำหนักลองกระบี่รับป้ายประจำตัวศิษย์อัจฉริยะของมันไป หลิวเจี้ยนก็พุ่งร่างออกไปยังสังเวียนอัจฉริยะราวลำแสงสีทองสายหนึ่ง จากนั้นก็ยืนรออยู่บนสังเวียนอย่างสงบ
ตอนนี้หลิวเจี้ยนไม่ได้รีบร้อนอะไรสืบไป เนื่องจากมันส่งมอบป้ายประจำตัวศิษย์อัจฉริยะออกไปแล้ว จึงสายเกินไปที่ต้วนหลิงเทียนจะกลับคำพูด
แน่นอนว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็สามารถกล่าวคำยอมแพ้ออกมาโดยที่ไม่ต้องสู้ได้ทันที
แม้ทุกคนจะสามารถเข้าใจได้ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวยอมแพ้ แต่อย่างน้อยๆชื่อเสียงในวังเทียนฉือแห่งนี้ของอีกฝ่าย ก็ถูกลิขิตให้มีมลทินไปตลอดกาล ดั่งคราบบาปมิอาจลบที่หลายคนรังเกียจ
เพราะมันแตกต่างกันอย่างมาก ระหว่างการสู้ไม่ได้แล้วยอมแพ้ กลับเลือกจะยอมแพ้โดยไม่สู้…
“ผู้อาวุโส ในเมื่อเป็นการประลองเป็นตาย…ก็ไม่ใช่แค่มันที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหากฆ่าข้าตาย แต่ข้าเองก็สามารถฆ่ามันโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรใช่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังเอ่ยถามอาวุโสตำหนักลองกระบี่เพื่อยืนยันอีกครั้ง เพราะสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็เป็นศิษย์คนหนึ่งของจักรพรรดิอมตะสมญานาม…หากมีกฏที่ไม่อาจพูดอยู่จะทำอย่างไร?
ได้ยินเสียงผ่านพลังถามไถ่ดังกล่าวของงต้วนหลิงเทียน อาวุโสตำหนักลองกระบี่ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่งเสียผ่านพลังตอบกลับมาว่า “มิผิด!”
หลังส่งเสียงผ่านพลังตอบคำถามของต้วนหลิงเทียนไปแล้ว อาวุโสตำหนักลองกระบี่ชราก็อดคิดไปในใจไม่ได้ว่า…
ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงเอ่ยยถามมันแบบนี้?
หรือต้วนหลิงเทียนตั้งใจจะฆ่าหลิวเจี้ยน!?
ในขณะที่อาวุโสตำหนักลองกระบี่บังเกิดคำถามขึ้นมาในใจ ร่างต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้เคลื่อนมิติ วูบร่างอันตรธานหายไปในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็ยืนอยู่บนเสียงเวียนอัจฉริยะเรียบร้อยแล้ว ยังยืนเผชิญหน้ากับหลิวเจี้ยนตรงๆ
“ศิษย์น้องเล็ก!!”
สีหน้าท่าทีของหงเฟยตอนนี้เปลี่ยนเป็นร้อนรนกระวนกระวาย มันพยายามส่งเสียงผ่านพลังไปห้ามศิษย์น้องเล็กหลายต่อหลายรอบ แต่ศิษย์น้องเล็กของมันกลับทำตัวเหมือนคนหูหนวก นอกจากการตอบกลับมาแรกๆแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ตอบอะไรกลับมาเลย…
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…มันกล้าท้าหลิวเจี้ยนจริงๆ?’
ลูกตาเหลยจวิ้นหรี่ลงเล็กน้อย แต่ดวงตายังทอประกายจ้า เพราะนี่คือสิ่งที่มันตั้งหน้าตั้งตารอมากที่สุด!
ในสายตาของมัน เดี๋ยวต้วนหลิงเทียนต้องตายคามือหลิวเจี้ยนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
‘ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องถึงมือข้า…แค่หลิวเจี้ยนก็มากพอจะกำจัดมันให้พ้นทางข้าแล้ว’
เหลยจวิ้นลอบกล่าวในใจอย่างคึกคัก
อย่างไรก็ตามแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความยินดีปานลิงโลด แต่เหลยจวิ้นก็ไม่กล้าแสดงอาการใดๆให้เห็น มันหันไปส่ายหน้าให้ฮ่วนเอ๋อพลางกล่าวว่า “ฮ่วนเอ๋อ พี่หลิงเทียนของเจ้าวู่วามเกินไปแล้ว…นี่เจ้าไม่ได้กล่าวปรามมันหรือไร?”
“สำหรับมัน หลิวเจี้ยนแข็งแกร่งเกินไป มันไม่มีทางเอาชนะหลิวเจี้ยนได้เลย…”
อย่างไรก็ตามเหลยจวิ้นจะพูดอะไร ฮ่วนเอ๋อก็ไม่ได้สนใจแม้แต่นิดเดียว ทำราวกับมันเป็นอากาศธาตุ สองตาเพียงจับจ้องมองไปยังร่างในชุดสีม่วงบนสังเวียนอัจฉริยะ ราวกับโลกในสายตาของนางมีอีกฝ่ายเพียงคนเดียว