ตอนที่ 3281

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,281 : แดนสิ้นหวังเทียนฉือ

 

 

และในขณะที่สีหน้าฝานฉีเปลี่ยนไปเป็นหวาดผวาพรั่นกลัว ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ด้านหลังมัน ก็ลงมือต่อเนื่องมาด้วยจิตอำมหิต! รังสีฆ่าฟันดังกล่าวยังปลุกสติฝานฉีให้ตื่นขึ้นมาในฉับพลัน!!

 

ปงงง!!

 

ไร้ซึ่งวรยุทธ์วิชาท่วงท่าอันใด เพียงหนึ่งมือที่ตบฟาดออกมาตามอำเภอใจเท่านั้น หากแต่ฝานฉีก็ไม่อาจหลบหนึ่งฝ่ามือไร้เรื่องราวนี้ได้เลย!

 

แต่ไม่ใช่ว่าฝานฉีไม่อยากหลบ ก็แค่ตอนนี้มันไม่มีปัญญาจะหลบ!

 

แทบจะเป็นวินาทีเดียวกับที่ฝ่ามือที่ตบฟาดออกมาตามอำเภอใจของต้วนหลิงเทียนประทับลงกลางกระหม่อมฝานฉี ก็ปรากฏพลังมิติทำลายยล้างอันเกรี้ยวกราด ป่นร่างฝานฉีจนกลับกลายเป็นละอองโลหิต!

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ ต้วนหลิงเทียนมีชีวิต…”

 

อย่างไรก็ตามวินาทีสุดท้ายก่อนที่ฝานฉีจะดับสูญ มันได้เค้นพลังเฮือกสุดท้ายส่งเสียงผ่านพลังไปหาหานอวิ๋นจิ่น ศิษย์คนโตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ

 

อนิจจามันไม่ทันได้พูดจบคำ ก็ถูกต้วนหลิงเทียนตบตายเสียแล้ว…

 

ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนสังเวียนอัจฉริยะ มันอุบัติขึ้นในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาเท่านั้น เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่ชมดูอยู่ ยังไม่อาจตอบสนองเรื่องราวใดๆได้ทันด้วยซ้ำ…

 

พอพวกมันรู้ตัวอีกที บนสังเวียนที่เต็มไปด้วยรอยร้าวก็คงเหลือเพียงร่างในชุดม่วงยืนหยัดอยู่เพยีงลำพัง ท่วงท่าแลดูสง่างามปานทวยเทพ น่าเกรงขามนัก!

 

“ฝานฉี…ตายแล้ว?”

 

“โอทวยเทพ! ฝานฉีนั่นเป็นถึงจอมราชันอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมถึขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ 7 ประการ แถมร่างที่แท้จริงยังเป็นถึงต้นไม้เทพสนหลิว…กระนั้นยังถูกต้วนหลิงเทียนตีตาย?”

 

“พลังที่ฝานฉีเผยออกมาเมื่อครู่ ให้มองไปยังศิษย์อัจฉริยะทั้ง 100 คนของวังเทียนฉือเรา นอกจากศิษย์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด 5 คนนั่นแล้ว ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รับมือมันได้กระมัง?”

 

“นี่มันยังไงกันแน่ ต้วนหลิงเทียนทรงพลังถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

“ผู้ใดบอกข้าได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้าด่านพลังอ่อนด้อยจึงเห็นแค่ฝานฉีแปลงร่างลงมือฟุ่บฟั่บๆไม่กี่ที อยู่ดีๆบนเวทีก็เหลือแต่ต้วนหลิงเทียนแล้ว…ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

“ศิษย์น้องท่านนี้ ถึงข้าเห็นเรื่องราวแต่ก็ไม่รู้จะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างอย่างไร…เพราะเมื่อครู่ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนใช้วิธีอะไรกันแน่ อยู่ๆฝานฉีก็กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์เฉยเลย…”

 

“ต้วนหลิงเทียนใช่ฝึกวิชาอาคมของพวกแสวงเต๋าหรือไม่? หาไม่แล้วไม่มีทางฆ่าฝานฉีอย่างมีข้อกังขาเช่นนี้ได้!”

 

 

เหล่าศิษย์วังเทียนฉืองุนงงกันยกใหญ่ ด้วยไม่มีใครคิดใครฝันว่าอยู่ๆการปะทะกันระหว่างฝานฉีกับต้วนหลิงเทียนจะจบลงในลักษณะนี้

 

เดิมทีทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างพร้อมเข่นฆ่ากันบนสังเวียนเป็นตาย และเป็นฝานฉีที่ลงมือก่อนเผยพลังจอมราชันอมตะ 6 ผสานออกมา ทำให้ทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะสู้ได้แน่…

 

แต่กระนั้นต้วนหลิงเทียนที่หลบการเปิดฉากฆ่าฟันของฝานฉี ก็ได้ปลดปล่อยพลังของความลึกซึ้งกฏมิติอันน่าพรั่นพรึง 7 ประการที่บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ออกมา!

 

วินาทีนั้น หลายคนคิดว่าฝานฉีได้เตะโดนตอเหล็กเข้าให้แล้ว

 

ทว่าฝานฉีกลับไม่ได้กริ่งเกรงอะไร เพียงกลับสู่ร่างที่แท้จริงอย่างต้นไม้เทพสนหลิวของตัวเอง ทำให้ทุกคนตระหนักได้ทันทีว่าบ่อเกิดความมั่นใจของฝานฉีอยู่ที่ใด…

 

แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าฝานฉีที่ใช้ร่างเดิมอย่างต้นไม้เทพสนหลิวสมควรฆ่าต้วนหลิงเทียนได้อย่างไม่ยากเย็นนั้น…

 

ฉากเรื่องราวน่าทึ่งพลันอุบัติขึ้น!

 

ต้วนหลิงเทียนที่ใช้เคลื่อนมิติคล่องแคล่วหลบฝานฉีได้หมดจด จากนั้นคนเพียงวูบร่างไปใกล้ต้นไม้มหึมา มือขวาวางทาบลงบนกิ่งใหญ่ไร้เรื่องราว แต่พริบตานั้นเอง…อยู่ๆร่างต้นไม้เทพสนหลิวขนาดมหึมาก็หดย่นฉับไว กลับมาเป็นฝานฉีในร่างจำแลงมนุษย์หน้าตาเฉย…ราวพบเจอของแสลงก็ว่า!

 

ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างไปผุดโผล่ด่านหลังฝานฉีในร่างมนุษย์ หนึ่งมือตบฟาดออกมาตามอำเภอใจ ประทับลงกลางกระหม่อมฝานฉี ก็ป่นคนให้กลายเป็นละอองโลหิตกลุ่มหนึ่ง

 

“ศิษย์น้องเล็ก…ตีฝานฉีตายแล้ว?”

 

หลังหงเฟยดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอย ตาหยีๆของมันก็หรี่ลงเหมือนคนหลับตา ฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริออกมาอย่างเริงร่า!

 

รู้ไหม เมื่อครู่แผ่นหลังมันยังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเพราะศิษย์ย้องเล็กอยู่เลย…

 

เพราะหากศิษย์น้องเล็กตกตายไป มันคงได่แต่โทษตัวเองไปทั้งชีวิต!

 

เนื่องเพราะจุดเริ่มต้นความขัดแย้งกับหลิวเจี้ยนมีมูลเหตุมาจากมัน หาไม่แล้วเรื่องราวคงไม่ลุกลามบานปลายมาถึงขั้นลงประลองเป็นตายกับกับฝานฉี…

 

“ศิษย์น้องเล็กร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ?”

 

หูเหมยรู้สึกประหลาดใจครั้งใหญ่ ถึงแม้ตอนแรกนางก็ตระหนักว่าศิษย์น้องเล็กคนนี้ร้ายกาจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงขนาดเข่นฆ่าฝานฉีที่กลับคืนร่างเดิมได้!

 

ต้องทราบด้วยว่าร่างที่แท้จริงของฝานฉีเมื่อครู่ กระทั่งตัวนางเองเองไม่กล้าพูดออกมาว่าสามารถเอาชนะได้ กระทั่งยังมองว่ามีโอกาสสูงที่จะผลจบลงด้วยการเสมอโดยที่ไม่มีใครทำอะไรใครได้ด้วยซ้ำ

 

“ศิษย์น้องเล็ก”

 

แม้แต่เวิ่นหว่านเอ๋อที่อ่อนโยนและนิ่งสงบมาตลอด บดนี้ใบหน้าอ่อนโยนนิ่งสงบกลับฉายถึงความประหลาดใจให้เห็นชัดเจน

 

มีเพียงฉือหล่างเท่านั้น ที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาครุ่นคิด

 

เพราะเมื่อครู่ วินาทีที่ต้วนหลิงเทียนบีบให้ฝานฉีกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ กระทั่งตัวมันยังมองไม่ออก

 

อย่างไรก็ตาม มันเห็นเรื่องหนึ่งชัดเจน…

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนวางมือลงบนกิ่งของต้นไม้เทพสนหลิว กลิ่นอายของฝานฉีก็เสมือนอ่อนโทรมลงในชั่วพริบตา สุดท้ายก็ได้แต่เปลี่ยนกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์…

 

ยิ่งไปกว่านั้นฝานฉีที่อยู่ในร่างมนุษย์นั้น แลดูอ่อนแอทั้งอิดโรยอย่างมาก..

 

วินาทีนั้นนับประสาอะไรกับศิษย์คนที่ 7 อันเก่งกาจ กระทั่งศิษย์คนที่ 6 ที่พลังฝีมืออ่อนด้อยที่สุดอย่างหงเฟย ก็สามารถจบชีวิตฝานฉีได้ง่ายดาย!

 

อีกด้านหนึ่ง

 

“เป็นไปได้ยังไงกัน!?”

 

หานอวิ๋นจิ่นยังงุนงงกับเสียงผ่านพลังครั้งสุดท้ายของฝานฉีไม่หาย ตอนนี้พอเห็นฝานฉีถูกต้วนหลิงเทียนตบจนร่างสลายกลายเป็นละอองเลือด สีหน้ามันจึงเปลี่ยนไปใหญ่หลวง แววตาเริ่มเย็นลง

 

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ไฉนถึงมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ล่ะ?

 

หลังนิ่งไปครู่หนึ่ง สายตาที่หานอวิ๋นจิ่นใช้มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ยังเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น!

 

และจังหวะนี้อย่าว่าแต่หานอวิ๋นจิ่น กระทั่งเซียวฉงอี้ที่ลอยร่างอยู่ข้างๆ ไม่เว้นจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ รวมถึงจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก ก็ชมมองเรื่องราวอย่างอื้ออึงอยู่บ้าง

 

ผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า สุดที่พวกมันจะคาดคิดได้ออกจริงๆ กระทั่งจนถึงตอนนี้ยังรู้สึกยากจะเชื่อ!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊และจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก สาเหตุที่ทั้งคู่มาปรากฏตัวที่นี่ทั้งหมดเพียงเพื่อกันท่าไม่ให้จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง เข้ามาแทรกแซงการประลองเป็นตายครั้งนี้…

 

และที่ไฉนพวกมันถึงมา ก็เพราะอยากให้ต้วนหลิงเทียนตาย! หากไม่กังวลว่าฉือหล่างจะมาช่วยชีวิตต้วนหลิงเทียนที่เป็นศิษย์ พวกมันไหนเลยจะสนใจเด็กน้อยตีกัน?!

 

แต่ตอนนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้การมาของพวกมันทั้งสองกลายเป็นเรื่องน่าขันเสียอย่างนั้น!

 

ต้วนหลิงเทียน ไม่ต้องมีฉือหล่างช่วยเหลือก็เอาตัวรอดได้!

 

“ระยำ! ต้วนหลิงเทียนบัดซบนั่น ไฉนมันถึงร้ายกาจถึงขนาดนี้เล่า!?”

 

หน้าหวงลู่หนานตอนนี้บิดเบี้ยวอัปลักษณ์เป็นที่สุด และมันก็ตระหนักได้แล้ว…ว่าไม่เพียงต้วนหลิงเทียนจะเหนือกว่ามันเล็กน้อย ที่แท้อีกฝ่ายกลับแข็งแกร่งเหนือกว่ามันทุกทาง!

 

แน่นอนว่าในขณะที่สีหน้ามันกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก หน้าผากมันก็ปรากฏเหงื่อเย็นผุดซึมเต็มไปหมด

 

เนื่องเพราะดูจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ บอกให้รู้ว่าตอนต้วนหลิงเทียนประลองกับมัน อีกฝ่ายได้ออมรั้งยั้งมือให้มันขนาดไหน หากอีกฝ่ายตั้งใจจะทุบตีมันให้สาหัสจริงๆ มันไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นกี่ปี…

 

“เหอะ!”

 

เหลยจวิ้นพ่นลมขึ้นจมูกเสียงเย็นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะเหินร่างจากไปทันที

 

วันนี้มันต้องการเห็นต้วนหลิงเทียนพ่ายแพ้ฝานฉี และพอเห็นฝานฉีเลือกการประลองเป็นตายทั้งเป็นรูปแบบไม่ตายไม่เลิกรา มันก็รู้สึกยินดีปรีดานัก! ด้วยคิดว่าก้างขวางคอตัวดีอย่างต้วนหลิงเทียนคงถึงคราวชะตาขาดแน่แล้ว!!

 

อนิจจาร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิด ว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่ตาย ยังฆ่าฝานฉีได้อีก!

 

ที่สำคัญที่สุดคือ…

 

ฝานฉีตอนคืนร่างที่แท้จริงนั่น ต่อให้เป็นตัวมันเอง ถึงจะจัดการได้ แต่ก็ไม่มีทางจัดการได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้แน่นอน!

 

‘แต่เห็นได้ชัดว่า ต้วนหลิงเทียนสมควรใช้วิธีพิเศษอะไรสักอย่างเพื่อสะกดฝานฉีให้ย้อนกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์…’

 

‘วิธีการนั้นของมันได้ผลกับฝานฉี แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ได้ผลกับข้า!’

 

‘หากมันเจอกับข้า ด้วยพลังระดับนั้น ไม่เกิน 3 ลมหายใจข้าก็ฆ่ามันให้ตายได้!’

 

ถึงแม้ความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาวันนี้จะร้ายกาจ และมีวิธีพิเศษบางอย่าง แต่เหลยจวิ้นก็ไม่กลัวต้วนหลิงเทียน

 

เพราะในสายตามัน ต้วนหลิงเทียนก็แค่จอมราชันอมตะตัวกระจ้อย

 

‘ก่อนที่ศิษย์น้อง 4 จะตายตก ได้ส่งเสียงผ่านพลังมาบอกข้าว่าต้วนหลิงเทียนมีชีวิต…มิทราบมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?’

 

หานอวิ๋นจิ่นได้แต่มองจ้องต้วนหลิงเทียนไกลตาด้วยสายตาแคลงใจ ยิ่งนึกถึงถ้อยคำผ่านพลังสุดท้ายที่ฝานฉีส่งมาถึงมันก่อนตกตาย ก็ทำให้มันสงสัยไปกันใหญ่

 

“หานอวิ๋นจิ่น…”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างลอยออกจากสังเวียนอัจฉริยะ และคิดจะกลับไปรวมกลุ่มกับฮ่วนเอ๋อ ระหว่างทางเขาก็หยุดลง และหันไปมองกล่าวแซวหานอวิ๋นจิ่นไกลๆว่า “ดูเหมือนศิษย์น้อง 4 ของเจ้าจะมั่นใจในตัวเองอย่างผิดๆนะ”

 

“อีกทั้งไม่ใช่เจ้าพูดไว้รึไง…ว่าข้าต้องถูกมันฆ่าตายแน่ๆ?”

 

“ดูเหมือนสายตาเจ้า…ใช้คำว่าฝ้าฟางมาอธิบายคงยังไม่พอ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียดสีจบ มุมปากยังยกยิ้มแดกดันออกมา พาลให้สีหน้าหานอวิ๋นจิ่นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ถึงขีดสุด! มันถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย ตอนนี้หากไม่มีใครอยู่ที่นี่ มันคงทนไม่ไหวพุ่งไปเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนนานแล้ว!!

 

ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มเอ่ยแซวออกมา ศิษย์วังเทียนฉือมากมายก็หันมามองจ้องหานอวิ๋นจิ่นกันเป็นแถบ

 

“จริงสิ ก่อนหน้านี้หานอวิ๋นจิ่นดูเหมือนได้กล่าวตัดสินไปแล้วว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่…”

 

“จะว่าไปมันก็ไม่แปลกหรอก…หานอวิ๋นจิ่นเองก็คงคิดไม่ถึงเช่นกันว่าต้วนหลิงเทียนจะฆ่าฝานฉีได้”

 

“เหอะๆ เรียกว่าครั้งนี้คำพูดหานอวิ๋นจิ่นได้ย้อนกลับมาตบหน้ามันดังฉาดจริงๆ!”

 

 

ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของศิษย์วังเทียนฉือโดยรอบ สีหน้าหานอวิ๋นจิ่นก็บิดเบี้ยวดูไม่ได้ สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนเย็นลงจนไม่รู้จะเย็นกว่านี้อย่างไรแล้ว อ้าปากตะคอกคำเสียงออกมาเสียงเหี้ยมว่า “ต้วนหลิงเทียน! ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีผีสางอันใดฆ่าศิษย์น้อง 4 ของข้า…แต่อาศัยเจ้า ยังไม่มีคุณสมบัติพอมาวางท่าปากดีต่อหน้าข้า หานอวิ๋นจิ่น!!”

 

“อ้อ? จริงหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนหยีตามองหานอวิ๋นจิ่น จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มแสยะเย็นชาขึ้นมาอย่างมีเลศนัย “ถ้างั้น…เจ้ากับข้า พวกเรามานัดหมายประลองเป็นตาย หากไม่ตายไม่เลิกราดีหรือไม่?”

 

“เหอะ!”

 

หานอวิ๋นจิ่นพ่นลมสบถเสียงเย็น “ประลองเป็นตาย่อมได้ แต่ข้าไม่มีเวลามานั่งรอเจ้าเป็นชาติ!”

 

พรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียน กระทั่งตัวมันเองยังต้องอิจฉา

 

หากให้เวลาต้วนหลิงเทียนอีกแค่ไม่กี่ร้อยปี แม้แต่มันก็ไม่กล้าพูดอีกต่อไปว่าจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้

 

แต่สำหรับตอนนี้ ในสายตามันต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรไปจากมด!

 

“ถ้างั้น…อีก 1 ปีหลังจากนี้ใน ‘แดนสิ้นหวังเทียนฉือ’ เจ้ากับข้าพวกเรามาสู้กันให้ตายไปข้างเป็นไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามจบ มุมปากก็ยกยิ้มแสยะดูแคลนขึ้นมา

 

แดนสิ้นหวังเทียนฉือ เป็นบททดสอบหนึ่งของวังเทียนฉือ และภายในแดนสิ้นหวังเทียนฉือนั้นจะเปิดให้คนเข้าไปพร้อมกันแค่ 2 คนเท่านั้น ทั้ง 2 ต้องแข่งขันกันในนั้นเพื่อผ่านด่าน

 

แน่นอนว่าสามารถต่อสู้กันเอง หรือจะเข่นฆ่ากันด้านในก็ได้

 

เพราะผู้คนภายนอกไม่อาจล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในแดนสิ้นหวังเทียนฉือ ทำได้แค่รอคอยอยู่ที่ทางออกแดนสิ้นหวังเทียนฉือเท่านั้น

 

ที่สำคัญภายในแดนสิ้นหวังเทียนฉือ ไม่อาจใช้พลังภายนอก

 

ไม้ต้องพูดถึงยันต์อมตะหรือโอสถต้องห้ามใดๆ กระทั่งอุปกรณ์อมตะประเภทศาสตราหรือชุดเกราะยังไม่อาจใช้ได้ แม้จะเอาเข้าไปได้แต่ก็ไม่อาจสำแดงอานุภาพอันใด

 

“แดนสิ้นหวังเทียนฉือ”

 

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ลูกตาหานอวิ๋นจิ่นก็หดแคบลงเร็วไว ด้วยไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกท้ามันเข้าไปเข่นฆ่ากันในนั้น

 

อย่างไรก็ตามแม้มันจะอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่คนวู่วาม

 

ในเมื่อต้วนหลิงเทียนสามารถใช้วิธีลึกลับบางอย่างเข่นฆ่าฝานฉีศิษย์น้องของมันได้ แถมมันยังมองวิธีที่ว่าไม่ออก…

 

นอกจากนั้นมันยังส่งเสียงผ่านพลังไปถามจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กับจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกแล้ว จึงพบว่ากระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ยังมองกลอุบายต้วนหลิงเทียนไม่ออก!

 

ในสายตาของมัน…

 

ต้วนหลิงเทียนท้ามันไปสู้ลับตาผู้คนแบบนั้น ต้องมีผีแน่!!