เซียวชูหรันในตอนนี้ ไม่มีจิตใจระมัดระวังเตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อยต่อกู้ชิวอี๋ที่งามราวกับเทพธิดาลงมาจุติก็ไม่ปานคนนี้
ในสายตาของเธอ กู้ชิวอี๋ก็คือการแสดงออกของเพศหญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุคปัจจุบัน ผู้หญิงที่ทุกด้านต่างก็ดีจนถึงขีดสุดเหมือนเธอแบบนี้ บนร่างกายได้ไร้ลมหายใจร่องรอยการใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ไปแล้ว
ดังนั้น เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมาเป็นศัตรูหัวใจที่หลบซ่อนอยู่ภายในของตนเอง
เย่เฉินในเวลานี้ก็ถือว่าวางใจลงมาแล้ว เขาวางแผนว่ารอหลังจากที่ฉินเอ้าเสวี่ยนแข่งรอบชิงชนะเลิศเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะแอบไปเย่นจิงสักรอบ แอบดูกู้เย้นจงคุณพ่อของกู้ชิวอี๋สักหน่อย
เห็นกู้เย้นตงไม่ใช่เป้าหมาย ไปรักษามะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายของเขาให้หายถึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของตนเอง
เขาคือเพื่อนรักของคุณพ่อ หลายปีมานี้ ไม่เพียงแต่ตรุษจีนปีใหม่ก็ไปเซ่นไหว้พ่อแม่ของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นวินาทีเดียวก็ไม่เคยผ่อนคลาย ไม่เคยยอมแพ้หาที่อยู่ของตนเอง ความเมตตากรุณานี้ตัวเขาจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน
พอดี ตนเองก็จะได้ถือโอกาสนี้ ไปเย่นจิงพบถังซื่อไห่สักหน่อย หาเขาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเบาะแสและข่าวคราวให้มากขึ้น
ดังนั้นไปเย่นจิงครั้งนี้ล่ะก็ เวลาอย่างน้อยที่สุดก็ต้องสามวันห้าวัน
ต้องออกจากบ้านสามวันห้าวัน ยังไม่อาจทำให้ภรรยามีความเคลือบแคลงใจใดๆได้ ข้ออ้างที่ดีที่สุด ก็คือตอบรับคำเชิญของกู้ชิวอี๋ ไปดูฮวงจุ้ยบ้านที่เย่นจิงให้กับเธอ
อาศัยกู้ชิวอี๋พูดเชิญออกมาด้วยตัวเองต่อหน้าของภรรยา แบบนี้เธอก็จะได้ไม่สงสัยอีก
กู้ชิวอี๋เห็นเซียวชูหรันตอบตกลงอย่างสบายอกสบายใจ ก็พยักหน้าอย่างดีใจไม่หยุด ยิ้มพร้อมกับเอ่ย“คิดไม่ถึงว่านายหญิงเย่จะสบายอกสบายใจขนาดนี้ ฉันยังกังวลว่าทางคุณจะไม่ยินยอมซะอีก”
เซียวชูหรันรีบเอ่ยขึ้นว่า “คุณกู้ คุณสามารถยอมรับความสามารถของสามีฉันได้ ฉันดีใจยังจะไม่ทัน จะไม่ยินยอมได้ยังไงกันล่ะคะ เพียงแต่หากสามีฉันทำไม่ดีพอตรงไหน ถึงเวลายังต้องขอความกรุณาให้คุณใจกว้างกับเขาให้มากหน่อย”
“จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะคะ!” กู้ชิงอี๋หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันน่ะยอมรับเป็นอย่างมากกับความสามารถของคุณเย่ เชื่อว่าคุณพ่อฉัน ครอบครัวของฉันก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น เรื่องนี้ยังต้องขอบคุณนายหญิงเย่มากที่ทำให้บรรลุสมความปรารถนา!”
เซียวชูหรันค่อนข้างได้รับความสำคัญอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกตกใจ รีบเอ่ยขึ้นในทันทีว่า “คุณกู้คุณช่างเกรงใจเกินไปแล้วจริงๆค่ะ”
เย่เฉินมองดูกู้ชิวอี๋ที่ใช้คำพูดที่มีเจตนาแอบแฝง แอบปล่อยสัญญาณบางอย่างมาโดยตลอด ในใจอดไม่ได้ที่จะจนปัญญาและกลัดกลุ้ม
เขารู้ ว่านี่คือคำพูดที่กู้ชิงอี๋พูดให้ตนเองฟัง ในขณะเดียวกันก็แอบมีความหมายแฝงพูดให้กับเซียวชูหรันฟัง ถึงขั้นสามารถเข้าใจได้ว่า นี่คือการแสดงพลังต่อเซียวชูหรันอย่างหนึ่ง ต่อหน้าตนเองของเธอ
แต่ทว่า ตนเองดันจนปัญญาต่อเรื่องนี้
ถึงอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต่างก็เป็นตนเองที่ติดค้างกู้ชิวอี๋ และก็เป็นตนเองที่หักหลังการหมั้นหมายที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ในปีนั้น ตนเองไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีหน้าไปตำหนิเธอ
อีกทั้ง ที่ยิ่งทำให้เย่เฉินกลัดกลุ้มใจก็คือ เขายังไม่สามารถเหมือนกับที่ปฏิเสธต่งรั่งหลินแบบนั้น ปฏิเสธกู้ชิวอี๋ไปตรงๆได้
เพราะว่าต่งรั่งหลินแม้จะชอบเขา แต่เขาไม่เพียงแค่ไม่ติดค้างไมตรีจิตใดๆต่อต่งรั่งหลิน กลับยังเคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้หลายต่อหลายครั้ง ดังนั้นต่อให้ทุกครั้งต่างก็ปฏิเสธเธออย่างตรงไปตรงมา เย่เฉินก็ไม่มีทางมีภาระที่ต้องรับผิดชอบทางใจอะไร
แต่กู้ชิวอี๋ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนกัน
เธอเป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กของตนเอง หลายปีมานี้ตามหาเขา รอคอยเขา เฝ้าปรารถนาถึงเขามาโดยตลอด แต่ตนเองกลับทำให้เธอต้องผิดหวังเสียใจ เรื่องแบบนี้ จะมองยังไงก็เป็นความผิดของตนเอง
ในเวลานี้เอง เซียวชูหรันที่ถูกปิดหูปิดตาขังอยู่ในกลอง รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นกับกู้ชิวอี๋ว่า “คุณกู้ ฉัน…ฉันถ่ายรูปคู่กับคุณได้ไหมคะ?”
กู้ชิวอี๋ตอบตกลงอย่างสดใสมาก หัวเราะพร้อมกับเอ่ยว่า “ได้สิคะ!ถ่ายตอนนี้?”
เซียวชูหรันรีบพยักหน้าในทันที “หากคุณสะดวกล่ะก็ งั้นก็ถ่ายตอนนี้เลยค่ะ!”
กู้ชิวอี๋พยักหน้า ทำการดึงเก้าอี้ของตนเองออกก่อน เข้าไปใกล้กับเซียวชูหรันยิ่งขึ้นเล็กน้อย เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “นายหญิงเย่สวยขนาดนี้ ถ่ายรูปคู่กับคุณก็ยังคงมีแรงกดดันมาก”
“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ…” เซียวชูหรันเอ่ยขึ้นอย่างค่อนข้างที่จะไม่เป็นธรรมชาติว่า “เป็นฉันที่มีแรงกดดันถึงจะถูกค่ะ คุณกู้ไม่เพียงแค่สวย ยังเป็นดาราใหญ่ที่ระดับสูงที่สุดภายในประเทศ อยู่ต่อหน้าคุณ ฉันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกต่ำต้อย…”