เทพธิดากับผู้สมัครเทพธิดาแตกต่างกันมาก มีเพียงผู้ที่ได้เป็นเทพธิดา จึงจะมีคุณสมบัติได้สัมผัสกับการสืบทอดที่ใจกลาที่สุดของเคล็ดฟ้าดินมหาวาล

หลัวซิวหยิบแหวนขึ้นมาดู ในใจรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะว่าภายในสิ่งที่อยู่แหวนเก็บของชิ้นนี้ มากกว่าที่เขาคาดไว้มาก

ยาเซียนระดับเก้ามีสิบกว่าเม็ด รวมกับยาเซียนระดับเก้าจำนวนมหาศาล สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวแทบรอไม่ไหวที่จะหาสถานที่ปิดขัง เพียงแค่ต้องยกระดับกลั่นยาให้ถึงระดับเก้า เช่นนั้นเขาก็จะสามารถได้รับยาเซียนที่มากขึ้น

“ความยากในการเปิดจุดลมปราณเพิ่มขึ้น ก่อนหน้านี้ข้าเคยใช้ยาเซียนหกเม็ดก็สามารถเปิดสองจุดลมปราณได้แล้ว ตอนนี้แม้ว่าจะมีมากกว่ายี่สิบ รวมถึงแก่นสารปีศาจเพลิง คาดว่าจะเปิดได้สูงสุดประมาณสิบจุดลมปราณ”

เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ หลัวซิวมีความคาดหวังอยู่ในใจ ในวันนี้การพัฒนาคพลังของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ว่าผลการฝึกตนของเขายังไม่ได้บริบูรณ์ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด ข้ามผ่านการผูกมัดของกฎฟ้าดิน!

“ได้ แก่นสารปีศาจเพลิงข้าจะแบ่งให้เจ้าห้าส่วน!” หลัวซิวเก็บแหวนเก็บของลงไป จากนั้นก็เอ่ยปากรับปากทันที

“พวกเจ้าทั้งสองต้องไม่ตายดี!” ปีศาจเพลิงบรรพกาลก่นด่า แต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ถูกค่ายกลั่นปีศาจขังตายเอาไว้

หลัวซิวและเสิ่นปิงหยูนั่งขัดสมาธิโดยเว้นระยะห่างจากกันราวสิบกว่าเมตร โคจรเคล็ดฟ้าดินมหาวาลในเวลาเดียวกัน ใช้ค่ายกลกลั่นปีศาจสกัดแก่นสารกฎดั้งเดิมภายในร่างกายของปีศาจเพลิง

ตามวันเวลาที่ไหลผ่านไป เสียงคำรามและคำสาปของปีศาจเพลิงค่อย ๆ เงียบลง ออร่าของมันยิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ ขนาดของร่างกายก็เล็กลงเรื่อย ๆ เช่นกัน

ที่ด้านหน้าของหลัวซิว ลูกแก้วทรงกลมกลั่นตัวอย่างต่อเนื่อง ผสานรวมแก่นสารกฎดั้งเดิมอันมหาศาลของปีศาจเพลิง

อีกด้านหนึ่ง ในมือของเสิ่นปิงหยูก็หลอมรวมออกมาเป็นลูกแก้วปีศาจเพลิงเม็ดหนึ่ง หลัวซิวก็ทำตามที่ตกลงกันเอาไว้ ไม่ได้สกัดแก่นสารปีศาจเพลิงมากเกิน หลังจากรับไปครึ่งหนึ่ง เขาก็หยุดสิ่งที่เขากำลังทำอยู่

เสิ่นปิงหยูหันไปมองทางหลัวซิวเล็กน้อย ในใจยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เพราะว่าอีกฝ่ายสกัดแก่นสารปีศาจเพลิงได้รวดเร็วกว่าตนเป็นเท่าตัว สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกว่าบุคคลนี้ไม่สามารถคาดเดาได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

“ข้าคือเสิ่นปิงหยูแห่งวังมหาวาล ยังไม่ได้สอบถามว่าศิษย์พี่มีนามว่าอย่างไร?”

กระทั่งกฎดั้งเดิมของปีศาจเพลิงหยดสุดท้ายถูกสกัดจนหมดจด ทั่วทั้งโถงใหญ่ก็คืนสู่ความสงบ พลังงานกฎเพลิงอัคคีที่ปะทุขึ้นมาในตอนแรกก็สลายไปเช่นกัน

“เย่ห้าวหราน” หลัวซิวพูดชื่อของเขาออกมาโดยไม่บอกความจริง

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เหมือนภูเขาน้ำแข็งของเสิ่นปิงหยู “ศิษย์พี่เย่ ในเมื่อเคยฝึกตนเคล็ดฟ้าดินมหาวาล ก็ถทอว่าเป็นทายาทของอาจารย์ปู่มหาวาลด้วย สู้เข้าร่วมกับพวกเราวังมหาวาลเป็นอย่างไร? เชื่อว่าด้วยพรสวรรค์ของศิษย์พี่เย่ ต้องได้รับความสนใจจากเหล่าผู้อาวุโสเป็นแน่”

สำหรับเย่ห้าวหรานคนนี้ เสิ่นปิงหยูรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก กระทั่งรวมถึงการต่อสู้ก่อนหน้านี้ สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกนางว่า คนผู้นี้ไม่ได้แสดงพลังอันแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมา

เป็นเพราะเหตุอันไม่สามารถหยั่งถึงนี้ ทำให้นางอดทนมาตลอดโดยไม่แสดงความเป็นศัตรูและจิตสังหารต่อเขา ไม่เช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นฝึกตนเคล็ดฟ้าดินมหาวาล นางจะฆ่าเขาโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน เพื่อยุติการเล็ดรอดออกไปของเคล็ดฟ้าดินมหาวาล

“เฮอ ๆ ข้ายังไม่มีแผนที่จะเข้าร่วมกองกำลังในเร็ว ๆ นี้ เอาไว้ก่อนแล้วกัน” หลัวซิวพูดพร้อมส่ายศีรษะ

เขาก็ต้องการที่จะหากองกำลังเป็นผู้สนับสนุนด้วยเหมือนกัน วังมหาวาลคือสำนักระดับมหาจักรพรรดิต้องเป็นทางเลือกที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เนื่องจากความลับในตัวเขาเอง สำหรับการสืบทอดที่โบราณนานมาของกองกำลังใหญ่เหล่านั้น หลัวซิวทำได้เพียงเคารพอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น

เขาไม่ได้ตั้งใจให้มีความเกี่ยวข้องกับเสิ่นปิงหยูมากเกินไป แก่นสารปีศาจเพลิงก็ได้สกัดเสร็จสิ้นแล้ว เขาเตรียมตัวที่จะไปจากที่แห่งนี้

จ้องมองไปยังแผ่นหลังของหลัวซิว ในใจของเสิ่นปิงหยูเกิดความรู้สึกลังเลบางอย่าง ความจริงแล้วนอกจากมาเอาแก่นสารปีศาจเพลิง นางยังมีอีกภารกิจหนึ่งด้วย นั่นก็คือเก็บตำหนักปีศาจเพลิงกลับไปด้วย